หน้าที่ผู้รักษากฏหมายหลักๆแล้วจะอยู่ภายใต้กำลังพลของกองพลพิทักษ์ความมั่นคง
การพิจารณาคดีปกติจะใช้ระบบสามศาล คือศาลชั้นตั้น (ภูมิภาค) ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา แต่ถ้าคดีนั้นเกี่ยวข้องกับการทุจริต หรือเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การคงอยู่ปลอดภัยของประชาชนคดีจะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาในระดับสภาเสนาธิการ บางครั้งถ้าเป็นเรื่องใหญ่จริง กษัตริย์จะร่วมเป็นคณะผู้พิพากษา นั่งบัลลังก์ตัดสินโทษ
โทษเนรเทศ
เป็นโทษที่จะมีข้อกำหนดพิเศษที่จำต้องกระทำต่อบุคคลที่ถูกพิพากษาโทษ เพื่อเป็นการระบุตัวให้คนทั่วไปในสกอร์ปิโอได้ทราบว่าบุคคลนี้ได้ทำความผิดร้ายแรง แม้จะไม่ถูกประหาร แต่ก็ไม่คู่ควรกับประเทศนี้อีกต่อไป
การลงโทษเนรเทศที่มีต่อผู้ต้องโทษจะเกิดขึ้นหลังคดีได้รับการพิจารณาจนถึงที่สุด ผ่านการถูกจำขังอย่างน้อยสามปี หลังจากนั้นจะมีระยะเวลาการรอหนึ่งปีแล้วไม่มีผู้มาร้องเรียนหรือขอให้พิจารณาใหม่ รวมระยะเวลาทั้งหมดหลังคดีได้รับการพิจารณาจนถึงที่สุด 4 ปี
ผู้ที่ต้องโทษเนรเทศจะถูกทำสัญลักษณ์ด้วยการสักใบหน้าและลำคอให้เป็นสีดำ (หรือสีตัดกับสีผิวในกรณีที่ผิวเข้มมาก) กับการตัดนิ้วมือทั้งสองข้าง โดยตัดนิ้วก้อยสองข้อนิ้ว และนิ้วนางหนึ่งข้อนิ้ว
ถ้าเป็นขุนนางตำแหน่งสูง จะพ่วงด้วยการตัดนิ้วโป้งมือข้างถนัดออกทั้งหมด
ถ้าเป็นราชวงศ์ ที่มีรอยสักแมงป่องทมิฬบนหลัง รอยสักจะถูกเผาทำลายไม่ให้เหลือซาก
เมื่อถูกเนรเทศแล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามอีกสองปี เพื่อบันทึกความเคลื่อนไหว เรื่องเกิดแก่เจ็บตาย รายงานทุกอย่างกลับมาที่สกอร์ปิโอ
หลังจากสองปีพอเจ้าหน้าที่ติดตามกลับไป ก็จะมีการมาตรวจสอบทุกปี เป็นเวลาห้าปีติด จากนั้นจะเว้นช่วงเป็นสามปีครั้ง และการสุ่มตรวจสอบเป็นระยะ หากย้ายที่อยู่โดยเจ้าหน้าที่ไม่ทราบเรื่อง
ผู้ถูกเนรเทศมีค่าหัวเทียบเท่าโจรสลัด หากกลับเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต มีสิทธิ์ถูกจับกุมและสำเร็จโทษต่อสาธารณะ (เพื่อนำศีรษะไปรับค่าหัว)
ตัวผู้ที่ถูกเนรเทศ จะสามารถกลับมาได้ต่อเมื่อมีหมายเรียกจากทางการหากต้องการให้เป็นพยานในคดีความต่างๆที่เป็นคดีสำคัญ (เช่นคดีทุจริต คดีความมั่นคง พวกคดีใหญ่ที่มีระวางโทษเนรเทศ-ประหาร แต่ถ้าเป็นคดีมโนสาเร่ขี้หมูราขี้หมาแห้ง จะไม่มีการออกหมายเรียก ให้ถือว่าเป็นพยานคนตาย)
แต่เมื่อกลับมาแล้วจะต้องอยู่ในเรือนจำหรือเกาะคุมขัง เดินทางได้แต่สถานที่คุมตัว-จุดหมายอย่างศาลหรืออื่นๆ เพราะตามที่ว่าผู้ถูกเนรเทศมีค่าหัวสูง จึงอาจถูกจับหรือสังหารได้ถึงแม้จะเข้ามาในประเทศโดยถูกกฏหมายก็ตาม คนที่เป็นนักล่าค่าหัวส่วนมากไม่สนใจข้อเท็จจริงด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ได้รับอนุญาตหรือไม่ เห็นผู้ที่มีตราสักโทษเนรเทศก็มักจะเข้าจู่โจมทันที
ดังนั้นถ้าไม่มีเหตุอะไร พอเหตุที่ถูกเรียกกลับมาสิ้นสุด ก็จะนำส่งยังถิ่นฐานเดิมที่อาศัยก่อนหน้านี้ เพื่อความปลอดภัยมากกว่าอย่างอื่น
ตัวลูกหลานรวมไปถึงญาติหรือสามี/ภรรยาของผู้ถูกเนรเทศ แม้ไม่ได้ถูกเนรเทศไปด้วย แต่การจะอยู่อาศัยในที่อยู่เดิมยากเพราะสายตาของผู้คน มักถูกมองว่าอาจมีส่วนรู้เห็นในความผิดหรือคาดคั้นกดดันว่าทำไมไม่ห้ามปราม กลายเป็นคนไม่ซื่อตรงในสายตาคนอื่น จะเป็นที่รังเกียจหรือถูกดูถูก อาจถูกกลั่นแกล้งจากคนรอบข้าง ซึ่งแม้จะฟ้องร้องเอาผิดได้(และมักเป็นฝ่ายชนะคดี) แต่ส่วนมากมักรู้สึกบั่นทอนจิตใจ มักจะโยกย้ายหนีไปที่อื่น บางครั้งก็ติดตามคนต้องโทษไปด้วย ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
กรณีของลูกหลานที่เกิดนอกประเทศ ห้ามเดินทางเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาต จะกลับมาสกอร์ปิโอได้โดยอิสระไม่ต้องขออนุญาตใครเป็นพิเศษเมื่อ 50 ปีให้หลังจากการถูกเนรเทศในครั้งแรกของคนๆนั้น
ก่อนหน้านั้น ถ้ามีความจำเป็นจะกลับมา ต้องให้ญาติพี่น้องในสกอร์ปิโอที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับทั้งผู้ถูกเนรเทศและลูกหลานคนดังกล่าวไม่เกินสองรุ่นยื่นคำร้องกับกระทรวงยุติธรรม โดยต้องมีมูลเหตุที่เหมาะสม หากอนุมัติก็จะมีจดหมายเรียก และต้องพกเอกสารกับเครื่องหมายติดตัวตลอดเวลา
ซึ่งลูกหลานที่ถูกเรียกตัวกลุ่มนี้ อาจจะถูกมองไม่ดีจากคนในประเทศ เพราะคนสกอร์ปิโอมองเด็กแรกเกิดว่าเหมือนทรายขาว เหมือนน้ำที่ใสสะอาด การมีพ่อแม่ หรือบรรพบุรุษเป็นคนต้องโทษ ทำให้พวกเขาไม่แน่แก่ใจว่าเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร หนึ่งคือมีความรู้สึกรู้สึกสงสาร เห็นใจ สองคือไม่ไว้วางใจ เพราะการที่ไม่รู้ว่าพวกเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างไรนั้น ทำไม่ไม่รู้ว่าควรจะไว้วางใจพวกเขาได้หรือไม่ หรือลูกหลานเหล่านั้นจะมาทำนิสัยแย่ๆในประเทศหรือในเขตของพวกเขาไหม หรือจะมาแก้แค้นใครหรือเปล่า
แต่ถ้า 50 ปีผ่านไปแล้ว ลูกหลานสามารถเดินทางกลับมาได้อย่างอิสระแล้ว คนที่จำเหตุการณ์ 50 ปีก่อนได้ก็น่าจะลืมๆหรือไม่เหลืออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
โทษประหาร
การลงโทษประหารที่มีต่อผู้ต้องโทษ โดยปกติจะเกิดขึ้นหลังคดีได้รับการพิจารณาจนถึงที่สุด ผ่านการถูกจำขังอย่างน้อยสามปี หลังจากนั้นจะมีระยะเวลาการรอหนึ่งปีแล้วไม่มีผู้มาร้องเรียนหรือขอให้พิจารณาใหม่ รวมระยะเวลาทั้งหมดหลังคดีได้รับการพิจารณาจนถึงที่สุด 4 ปี ซึ่งเป็นขั้นตอนเดียวกับนักโทษเนรเทศ
แต่หากเป็นนักโทษที่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ซึ่งสามารถจับกุมได้โดยมีพยานหลักฐานมัดตัวจนดิ้นไม่หลุด การประหารสามารถเกิดขึ้นได้ทันทีหลังจากการพิจารณาคดีสิ้นสุด
การประหารในสกอร์ปิโอจะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือการประหารในแดนประหาร การประหารต่อหน้าสาธารณะชน และการประหารด้วยการโยนลงสู่บ่อแมงป่องทมิฬ
การประหารในแดนประหาร เป็นขั้นตอนการประหารโดยปกติของผู้ต้องโทษประหารทั่วไป และเป็นโทษประหารเพียงระดับเดียวที่หลังการประหารหากยังมีครอบครัวหรือคนใกล้ชิดที่ประสงค์จะบอกลา ก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าพบอยู่ ก่อนจะถูกนำไปประกอบพิธีศพต่อไป
การประหารต่อหน้าสาธารณะชน ผู้ต้องโทษมักเป็นผู้มีความผิดในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ฆาตกรต่อเนื่อง ทุจริตจนส่งผลต่อคนจำนวนมาก ตั้งตนเป็นโจรสลัด
การประหารด้วยการโยนลงสู่บ่อแมงป่องทมิฬ เป็นการประหารนักโทษขั้นสูงสุดที่ถูกพิจารณาโทษในคดีที่เกี่ยวกับราชวงศ์ รัฐ และความมั่นคง ได้แก่การกบฏต่อราชบัลลงก์ รัฐประหาร บั่นทอนความมั่นคง ขายชาติ ทุจริตร้ายแรงจนส่งผลเลวร้ายต่อประชาชนในชาติ
นักโทษประหารถือเป็นผู้กระทำผิดร้ายแรงอันไม่อาจหวนคืนสู่ทั้งผืนน้ำและผืนดิน เมื่อถูกประหารไปแล้วจึงจะไม่มีการคืนร่างให้ญาติ แต่จะถูกราดรดด้วยกรดและพิษละลายทิ้งให้ระเหยเป็นไอ ไม่อาจกลับไปหลอมรวมกับธรรมชาติใต้ความกรุณาของทั้งโอเคียนัสและและซิลวาทานัสไปตลอดกาล
โดยมากแล้วผู้ที่ได้รับโทษประหารชีวิตจะเป็นโจรสลัด