เดิมสกอร์ปิโอเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยชนเผ่าต่างๆกระจัดกระจายไปตามแถบทะเล ผืนป่าและลุ่มแม่น้ำ ยุคที่ชนเผ่าต่างๆในดินแดนคาบสมุทรซิลวาน่ายังส่งลูกหลานทายาทของผู้นำเผ่าออกไปร่อนเร่หาประสบการณ์ในโลกกว้าง ผ่านมาระยะหนึ่งชนเผ่าที่อยู่ติดทะเลหรือ ‘เผ่าทะเล’ เริ่มมีความเจริญเหนือกว่าเผ่าอื่นจากการแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมกับนานาประเทศ จึงเริ่มสร้างถิ่นฐานรุกคืบเข้ามาในพื้นที่ดินแดนป่าด้านในภาคพื้นทวีปมากขึ้น สร้างความแข็งแกร่งและใช้วิธีการรบเพื่อผนวกรวมอำนาจ ควบรวมเผ่าเล็กๆไปทีละเผ่า เมื่อเผ่าทะเลผนวกรวบรวมอำนาจมากพอ จึงตั้งตนเป็นผู้ปกครอง เริ่มเผยแพร่วิทยา การความเจริญที่ได้รับจากการติดต่อทางทะเล และศาสนาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแก่ชนเผ่าใต้อาณัติ
ทว่าเผ่าทะเลไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเผ่าผู้อยู่อาศัยกับผืนป่า ยัดเยียดวิถีชีวิตจากทะเลให้ผู้ใต้อาณัติรวมถึงผลักดันชนเผ่าเหล่านั้นให้ออกจากถิ่นฐานเดิม ทำให้เกิดความไม่พอใจต่อเผ่าที่เพิ่งถูกผนวกรวมอยู่ไม่น้อย หลายปีต่อมา เผ่าทะเลก็ได้กระทำเรื่องราวอันเป็นการดูหมิ่นหัวหน้าเผ่าผืนป่าเผ่าหนึ่งที่เรียกตนเองว่า ‘เผ่าสกอร์เปี้ยน’ แม้หัวหน้าเผ่าสกอร์เปี้ยนจะกัดฟันยอมรับความอดสูจากผู้มีอำนาจ ทว่าบุตรชายของเขาที่กลับมาจากการเร่ร่อนและได้ทราบความเป็นไปทั้งหมดไม่คิดจะยอมศิโรราบให้กับเผ่าแปลกหน้าในดินแดนบ้านเกิด เขาซ่องสุมกำลังพลที่ระดมมาทั้งจากเผ่าสกอร์เปี้ยนและเผ่าผืนป่าอื่นๆที่สะสมความไม่พอใจในเผ่าทะเลอย่างลับๆมายาวนานเพื่อปฏิบัติการยึดอำนาจจากเผ่าทะเล
หลังผ่านการรบที่ยากลำบากในที่ลับและที่แจ้งหลายสมรภูมิ ในที่สุดเผ่าสกอร์เปี้ยนก็สามารถปฏิวัติล้มล้างการปกครองได้สำเร็จด้วยกลยุทธ์ลอบโจมตี โดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิประเทศในป่า โดยผู้นำสูงสุดของเผ่าทะเลถูกบุตรสาวของหัวหน้าเผ่าสกอร์เปี้ยนลอบเข้ามาปลิดชีพในห้องนอน กล่าวกันว่านางสังหารผู้นำเผ่าทะเลด้วยเข็มอาบพิษแมงป่องทมิฬอันเป็นอาวุธลับของเผ่า ทำให้นักรบของเผ่าทะเลแตกตื่นเสียขวัญจนไม่สามารถต้านทานการจู่โจมของเผ่าผืนป่าได้ เผ่าผืนป่าที่นำโดยบุตรชายของเผ่าสกอร์เปี้ยนจึงได้รับชัยชนะในการต่อสู้ รากฐานแรกของสกอร์ปิโอได้ก่อกำเนิดขึ้นในวันนั้น
ผู้นำคนใหม่แห่งสกอร์ปิโอตระหนักได้ถึงความสำคัญของทะเล จึงไม่คิดละเลยวิทยาการเผ่าทะเลและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีเผ่าตน โดยให้ชนเผ่าทะเลที่ตกเป็นเบี้ยล่างเป็นผู้ช่วยถ่ายทอดความรู้ หากใครมีท่าทีกระด้างกระเดื่อง สามารถสังหารทิ้งโดยไม่ต้องไต่สวน มีเผ่าทะเลบางส่วนหนีรอดไปได้ ผันตัวเป็นโจรสลัดคอยซุ่มโจมตีจากทะเล รอคอยวันทวงอำนาจคืน
ต่อมาภายหลัง สกอร์ปิโอเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น เผ่าสกอร์เปี้ยนจึงสถาปนาดินแดนขึ้นเป็นราชอาณาจักรสกอร์ปิโอโดยตั้งชื่อประเทศจากชื่อเผ่า มีบุตรแห่งเผ่าสกอร์เปี้ยนเป็นปฐมราชา ผู้อาวุโสจากเผ่าผืนป่าอื่นๆถูกจัดตั้งขึ้นเป็นสภาที่ปรึกษา และสถาปนาหนึ่งในเมืองท่าหลักอันเป็นเมืองสำคัญต่อเศรษฐกิจ การคมนาคมทางทะเล และการติดต่อเชื่อมสัมพันธไมตรีทางการทูตของสกอร์ปิโอเป็นเมืองหลวง
เมื่อระยะเวลาผ่านไป เมื่อวิถีชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนเป็นวิถีชีวิตชาวน้ำ พวกเขาส่วนมากก็เริ่มออกห่างจากผืนป่ามาอยู่ติดทะเล เนื่องเพราะเมืองใหญ่ที่มีความเจริญล้วนเป็นเมืองท่าทั้งสิ้น ชาวสกอร์ปิโอเริ่มเปลี่ยนมาบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นหลักและค่อยๆห่างหายจากวิถีชีวิตแห่งป่า เหลือเพียงเผ่าผืนป่าบางส่วนที่เมื่อรับองค์ความรู้จากเผ่าทะเลมาแล้วก็ยังคงดำรงตนเป็นผู้รักษาผืนป่า ผสมผสานวิถีชีวิตของทั้งสองเผ่าเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
ลูกหลานเผ่าทะเลที่แยกตัวออกไปเป็นโจรสลัดบุกโจมตีเมืองหลายครั้งและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงต่างเดือดร้อนจากการโดนปล้น และเมื่อเมืองท่าเป็นเมืองท่าที่ไม่ปลอดภัย นักเดินเรือก็ไม่อยากสัญจรแวะเวียนมาหยุดพัก ชาวประมงก็หวาดกลัวการออกทะเล ส่งผลต่อเศรษฐกิจในฐานะประเทศเมืองท่าและเมืองประมง สภาพสังคมเกิดความวุ่นวายอย่างหนัก
ในที่สุดกษัตริย์ในยุคนั้นจึงตัดสินพระทัยจะแก้ปัญหาด้วยพระองค์เอง ทรงโปรดให้มีการปฏิรูปกองทัพ จัดระเบียบกำลังพล การเกณฑ์และการฝึกทหารใหม่ตั้งแต่ต้น รวบอำนาจบัญชาการจากกองทัพภูมิภาคแต่เดิมที่มีความอ่อนแอเข้าสู่ศูนย์กลางและแบ่งสันอำนาจในการบัญชาการกำลังพลเสียใหม่ สกอร์ปิโอเริ่มก้าวเข้าสู่การปกครองในลักษณะของรัฐนิยมทหารอย่างเป็นทางการ ใช้เวลาสองรัชกาลในการเปลี่ยนแปลงกองทัพจนถึงราก ในที่สุดกษัตริย์สกอร์ปิโอในฐานะจอมทัพได้บัญชาการทัพราชนาวีออกปราบปรามโจรสลัดเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ จากการรบทางทะเลอันยาวนานนี้ทำให้ทัพราชนาวีของสกอร์ปิโอได้สั่งสมประสบการณ์ทางการรบและกลายเป็นกองทัพที่ทรงอานุภาพที่สุดในกองทัพทั้งหมดของสกอร์ปิโอมาจนปัจจุบัน
ในที่สุดราชนาวีก็ได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จด้วยการทำลายฐานที่มั่นโจรสลัดจนแตกพ่าย ขับไล่โจรสลัดออกจากน่านน้ำและสร้างเส้นทางเดินเรือปลอดโจรเพื่อปกป้องประชาชนและเพื่อการสัญจรที่ราบรื่นในฐานะประเทศเมืองท่า มีการตรากฎหมายเพื่อลงโทษโจรสลัดที่ถูกจับ โดยจะถูกนำไปตัดหัวเสียบประจานกลางลานประหารในเมืองต่อหน้าประชาชนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง นับตั้งแต่นั้นกษัตริย์แห่งสกอร์ปิโอจึงมักควบตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดแห่งทัพราชนาวี และรัชทายาทเองก็ต้องศึกษาเรื่องการเดินทัพออกรบทางทะเล ทำให้กองทัพเรือมีอิทธิพลมากในประเทศนี้ ส่งผลให้ราชนาวีของสกอร์ปิโอถือเป็นทัพเรือที่น่ายำเกรง
Timeline ประวัติศาสตร์ของสกอร์ปิโอ
A.D. 1121 มีการประชุมคัดเลือกไฮคิง เป็นเหตุการณ์ก่อนเริ่มเนื้อหาในคอมมูนิตี้ ToBss2 เป็นเวลา 1 ปี
A.D. 1122 - 1134 ระยะเวลาในคอมมูนิตี้ ToBss2 (รุ่น 1 ปีการศึกษา 1122-1123 จนถึง รุ่น 13 ปีการศึกษา 1134-35)
≈4500
Before A.D.
มนุษย์บางส่วนอพยพหนีภัยจากสงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงคาบสมุทรสุดท้ายที่ขอบทวีปที่พวกเขาไม่อาจหนีไปที่ไหนได้อีก โชคดีที่พวกเขาพบว่าสถานที่นี้เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์กว่าที่คิด จึงเริ่มลงหลักปักฐานเรื่อยมา ผู้คนส่วนใหญ่สร้างที่อยู่อาศัยในป่าที่มีอาหารมากมายมากกว่าในพื้นที่ทุ่งหญ้า เรียกตัวเองว่าชนเผ่าแห่งผืนป่า
≈4200
Before A.D.
สงครามกับมนุษย์และปีศาจเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้อยู่ห่างไกลสมรภูมิหลักๆ แต่ครั้งนี้แม้แต่ชนเผ่าแห่งผืนป่าก็ยังได้รับผลกระทบ ผืนป่าของทุกชนเผ่าเหี่ยวแห้งทำให้เกิดความอดอยากแร้นแค้นไปทั่วนานหลายสิบปี เผ่าเล็ก ๆ ต่าง ๆ จึงจับมือเป็นพันธมิตรเพื่อปกป้องกันและกัน
ความเชื่อของหลายๆ เผ่าได้มารวมกันมากเข้าจนกลายเป็นตัวตนของเทพแห่งผืนป่า มีนามว่าเซลวาทานัส และพร้อมกับที่ผืนป่าของคาบสมุทรนี้ค่อยๆฟื้นฟูกลับมาในช่วงท้ายของสงคราม เทพองค์นี้ก็กลายเป็นศูนย์รวมใจของทุกคนในยามยากไปในที่สุด
≈2300
Before A.D.
เผ่าทะเลที่ร่อนเร่มาจากถิ่นฐานบ้านเกิดไกลโพ้นได้มาถึงและเริ่มตั้งรกรากถิ่นฐานที่คาบสมุทรซิลวาน่า มีการปะทะกันประปรายกับเผ่าแห่งผืนป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ความที่เผ่าแห่งผืนป่าที่ตั้งถิ่นฐานมาแต่เดิมเชี่ยวชาญสภาพพื้นที่มากกว่า เลยทำให้เผ่าทะเลสามารถอยู่กันได้เฉพาะตามชายฝั่ง
≈2150
Before A.D.
เผ่าทะเลเล็กๆ ตามชายฝั่งเริ่มผูกสัมพันธไมตรีกัน ความที่วัฒนธรรมความเชื่อคล้ายคลึงกัน แม้ต่างเผ่าต่างเรียกขานด้วยต่างนาม แต่ก็ถือว่านับถือเทพเจ้าองค์เดียวกัน--ไม่นานเผ่าต่างๆ จึงเข้ามารวมกันกลายเป็นเผ่าใหญ่ หล่อหลอมเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งภายใต้พรของเทพเจ้าแห่งทะเลนาม โอเคียนอส
หมู่บ้านของเผ่าทะเลต่างๆ เริ่มขยายตัวและพัฒนาเป็นเมืองท่า เนื่องจากสามารถไปมาหาสู่กันได้สะดวกรวดเร็วกว่าการเดินทางทางบก
≈1900
Before A.D.
เผ่าทะเลผู้ยิ่งใหญ่แห่งคาบสมุทรซิลวาน่าแผ่ขยายอิทธิพลเข้าสู่ภาคพื้นทวีป รุกรานเผ่าแห่งผืนป่าเล็กๆที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย กลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าทะเลที่ทีละแห่ง เรียกอาณาจักรของตนเองตามนามของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เป็นนามว่า “โอเคียนัส” พวกเขาปกครองอย่างกดขี่ บังคับใช้อำนาจอย่างโหดร้ายทารุณ การพรากแม่พรากลูก การค้าขายคนเป็นทาสสามารถพบได้ทั่วไปภายใต้การปกครองของเผ่าทะเล
≈1200
Before A.D.
เหล่าเผ่าแห่งผืนป่าผู้นับถือเทพารักษ์เซลวาทานัสที่ถูกกดดันจากอิทธิพลของเผ่าทะเล ค่อยๆถอยร่นลึกเข้าไปในคาบสมุทรซิลวาน่า ถูกขับไล่จากบ้านเกิด ขาดแคลนอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภค คนที่เคยอยู่ในชุมชนอุดมสมบูรณ์ต้องกลับมาเรียนรู้การใช้ชีวิตซุ่มซ่อนตัวในป่าลึกอีกครั้ง
760
Before A.D.
เกิดภัยแล้งและโรคระบาดที่สาหัสที่สุดในรอบหลายพันปีขึ้นบนคาบสมุทรซิลวาน่า เผ่าผืนป่าที่ถูกบังคับให้ถอยร่นเข้าไปในป่าลึกตกอยู่ในภาวะอดอยากเสียจนแทบต้องปิ้งใบไม้แห้งกิน ในที่สุดเผ่าผืนป่าทั้งหมดก็ลุกฮือขึ้นเพื่อต่อต้านเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีเผ่าสกอร์เปี้ยนรวบรวมเผ่าผืนป่าอื่นๆที่อพยพลี้ภัยจากการปกครองกดขี่ของเผ่าทะเลเข้าเป็นหนึ่งเดียว เป็นผู้นำล้มล้างการปกครองจากเผ่าทะเล
753
Before A.D.
หลังจากการรบติดพันนานนับปีก็นักรบของเผ่าผืนป่าซึ่งนำโดยเผ่าสกอร์เปี้ยนก็สามารถสังหารผู้นำแห่งเผ่าทะเลลงได้ ยึดอำนาจและปราบปรามทัพนักรบของเผ่าทะเลได้สำเร็จ เผ่าผืนป่าต่างๆที่แตกฉานส่านเซ็นกันไปกลับมาสวามิภักดิ์อยู่ใต้อาณัติการปกครองของเผ่าสกอร์เปี้ยน
748
Before A.D.
รวมอำนาจก่อตั้งประเทศในนามสกอร์ปิโอ มีบุตรแห่งเผ่าสกอร์เปี้ยนขึ้นครองบัลลังก์เป็นปฐมราชา
A.D. 0
ไฮคิงดราโกเนียประกาศใช้ A.D. เป็นการนับศักราชสากลในเอเดน
A.D. 24
ไฮคิงดราโกเนียประกาศใช้ภาษาและสกุลเงินกลางทั่วเอเดน
A.D. 41
หลังการปะทะกันตามชายแดนและน่านน้ำทะเลหลวงและทะเลใต้มาเรื่อยๆ กษัตริย์สกอร์ปิโอทรงประกาศสงครามเริ่มต้นสงครามกวาดล้างเผ่าทะเลอย่างเป็นทางการ
A.D. 153
เอเดนแพ้สงครามกับเดมอส ตกอยู่ใต้การปกครองของเดมอสอย่างสมบูรณ์
สงครามกินเวลาเพียง268วัน ปีศาจก็นำทัพยึดส่วนใหญ่ของเอเดนได้สำเร็จ ผู้นำประเทศในเอเดนยามนั้นจึงเลือกยอมแพ้
A.D. 162
ความสัมพันธ์ทางการทูตของสกอร์ปิโอเริ่มห่างเหินกับประเทศอื่น เพราะในสงครามกับเดมอสที่เหล่าผู้นำประเทศอื่นๆมองว่าไม่สามารถต่อกรกับปีศาจได้จึงขอยอมแพ้ในท้ายที่สุดนั้น ทำให้ผู้นำสกอร์ปิโอในตอนนั้นปรามาสในใจว่าประเทศอื่นมีแต่พวกอ่อนแอ และกลับมาออกนโยบายมุ่งเน้นเพื่อจะสร้างความแข็งแกร่งในประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นปลูกฝังค่านิยมคนแกร่งให้ชาวสกอร์ปิโอ ค่านิยมการส่งรัชทายาทออกเร่ร่อนที่เคยใช้สืบมาตั้งแต่สมัยก่อนก่อตั้งประเทศก็ถูกยกเลิกในช่วงนี้
A.D. 475
สามารถขับไล่เผ่าทะเลที่ต่อต้านการปกครองของราชวงศ์สกอร์ปิอัสจากพื้นที่ภาคพื้นทวีปของสกอร์ปิโอได้ในที่สุด เผ่าทะเลที่เหลือหนีไปอยู่ตามเกาะต่างๆรอบๆคาบสมุทรซิลวาทานัสและตั้งตัวเป็นโจรสลัด
เข้าสู่ยุคสงครามระหว่างราชนาวี-โจรสลัดอย่างเต็มตัว
A.D. 508
การต่อสู้ระหว่างกองเรือหลวงของสกอร์ปิโอยังคงถูกกดดันจากกองเรือของโจรสลัดเผ่าทะเลจนเพลี่ยงพล้ำหลายครั้งเพราะขาดความชำนาญและการฝึกฝน
ในที่สุดกษัตริย์สกอร์ปิโอจึงทรงประกาศให้มีการปฏิรูปกองทัพเรือและระบบต่างๆเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการกวาดล้างโจรสลัด กองเรือหลวงพิทักษ์นครากลายเป็นจุดเริ่มต้นของราชนาวีแห่งสกอร์ปิโออันเกรียงไกร
A.D. 549
เผ่าทะเลจากสกอร์ปิโอที่ยังเหลือบนฝั่งแผ่นดินใหญ่กำลังหาที่มั่นใหม่หลังถอยร่นขึ้นเหนือเข้าสู่เขตแดนของกิลดิเรก เมื่อหาจุดลงหลักปักฐานได้ก็ยึดพื้นที่ริมทะเลแถบนั้นแล้วแล้วปักหลักแผ่ศาสนาเข้าไปในแผ่นดิน ได้พบกับรัชทายาทของเอเธนส์ที่พาศาสนาของตนลงมาทางใต้จึงเกิดความขัดแย้งกัน ลามไปเป็นความขัดแย้งระหว่างกองทัพที่ทัพเรือสกอร์ปิโอตามรุกไล่กองเรือเผ่าทะเลและเอเธนส์ที่กล่าวโทษรวมว่าเผ่าทะเลคือทัพสกอร์ปิโอจงใจทำร้ายรัชทายาท
A.D. 562
ก่อตั้งสถาบันวิจัยแห่งราชนาวี เพื่อพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อต่อสู้กับประเทศอื่นที่มีความเจริญทางด้านวิทยาการมากกว่า
A.D. 579
จัดแบ่งการปกครองในสกอร์ปิโอเสียใหม่ จัดสรรพื้นที่ให้เผ่าต่างๆไปร่วมกันปกครองได้เป็น 5 ภูมิภาค ซึ่งเขตการปกครองเหล่านั้นก็ยังคงอยู่มาจนกระทั่งปัจจุบัน
A.D. 607
มหาสงครามพันวันระหว่างเอเดนและเดมอส
ไฮคิงขณะนั้นใช้สามบัญชาเรียกระดมทหารทั่วเอเดน ร่วมขับไล่ปีศาจออกจากเอเดน
สกอร์ปิโอเรียกเกณฑ์ทหารเพื่อเข้าร่วมสงคราม แต่เนื่องจากราชนาวีติดพันสงครามกับโจรสลัด กำลังพลที่ถูกเกณฑ์มาใหม่ส่วนใหญ่จึงมาจากตระกูลเผ่าผืนป่าเสียเป็นส่วนใหญ่
เมื่อจบสงครามในปี A.D. 610 แม้มนุษย์เป็นฝ่ายชนะสงคราม และความสัมพันธ์ของสกอร์ปิโอกลับประเทศอื่นๆจะเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง แต่สกอร์ปิโอกลับสูญเสียทหารที่ถูกเกณฑ์พลเข้ามาใหม่นี้ไปเป็นจำนวนมาก และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ศรัทธาในเซลวาทานัส เทพแห่งผืนป่าเริ่มเสื่อมถอยลง
A.D. 621
สงครามศาสนาที่เริ่มต้นจากกิลดิเรกรุนแรงมากขึ้น นอกจากทำสงครามกับทั้งคาโนวาลและสกอร์ปิโอแล้วก็ยังสู้รบกับเผ่าทะเลที่ยังอยู่บนชายฝั่งทางเหนือ กองทัพของสกอร์ปิโอเองก็รุกไล่กดดันเผ่าทะเลที่ถอยร่นกลับมาไม่ให้เข้ามาในดินแดนของตนมากไปกว่านี้ ในที่สุดแล้วก็ยึดดินแดนส่วนหนึ่งของกิลดิเรกผนวกเข้ากับสกอร์ปิโอทางภาคเหนือ ส่วนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือก็คุมเชิงกับคาโนวาลที่ยึดพื้นที่จากกิลดิเรกไปก่อนหน้านี้
A.D. 695
ก่อตั้งโรงเรียนนักเดินเรือ (ภายหลังเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยการเดินเรือ)
A.D. 744
ได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จในสงครามราชนาวี-โจรสลัด สามารถทำลายฐานที่มั่นโจรสลัดจนแตกพ่าย ขับไล่โจรสลัดออกจากน่านน้ำและสร้างเส้นทางเดินเรือปลอดโจรสลัดเพื่อปกป้องประชาชนและเพื่อการสัญจรที่ราบรื่นในฐานะประเทศเมืองท่า
A.D. 745
สกอร์ปิโอเร่งปรับความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆที่เคยได้รับผลกระทบระหว่างช่วงสงครามราชนาวีกับโจรสลัด และกลับมาเชื่อสัมพันธไมตรีกับประเทศห่างไกล เมืองท่าใหญ่ทุกเมืองของสกอร์ปิโอประกาศยกเว้นภาษีเป็นเวลาสิบปี
A.D. 752
ประกาศตั้งสถานศึกษาชั้นต้นทั่วทุกหัวเมืองใหญ่ ให้ลูกหลานทุกคนสามารถเข้าเรียนได้ตามความสมัครใจ กษัตริย์สกอร์ปิโอในเวลานั้นพบว่าเพราะความวุ่นวายต่างๆตลอดสหัสวรรษที่ผ่านมาทำให้ชาวสกอร์ปิโอมีลักษณะนิสัยแข็งกร้าวและหยาบกระด้าง สนใจแค่การต่อสู้และความแข็งแกร่งเฉพาะบุคคลจนทำให้ผู้คนจากประเทศอื่นๆยอมรับได้ยาก ได้ทรงประกาศว่าการให้ประชาชนได้เข้ารับการศึกษาจะเป็นนโยบายแรกและนโยบายที่สำคัญที่สุดของสกอร์ปิโอตลอดไป
A.D. 820
ก่อตั้งกลุ่มช่างฝีมือ (ภายหลังกลายเป็นสภาช่างฝีมือแห่งสกอร์ปิโอ)
A.D. 845
ทำแผนที่ทางทะเลในน่านน้ำของสกอร์ปิโอสำเร็จสมบูรณ์
A.D. 897
เรียกระดมพลนักฝึกมังกรสมุทรจากทั่วประเทศเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการดูแลมังกรสมุทร เป็นที่มาของการก่อตั้งสถาบันมังกรสมุทรศาสตร์
A.D. 933
ยกระดับหน่วยราชองครักษ์เป็นกองราชวัลลภ ปฏิรูปการคัดสรรบุคลากรเข้าหน่วยงานให้มีความเข้มข้น คัดกรองจนกว่าจะเหลือเพียงนายทหารระดับหัวกะทิ
A.D. 942
เปลี่ยนแปลงระบบภายในกองทัพหลวง เพื่อสร้างความเข้มแข็งภายในกองทัพให้สมกับที่เคยเป็นกองทัพปฏิวัติภายใต้การบัญชาการของเผ่าสกอร์เปี้ยนอีกครั้ง
A.D. 1072
อุบัติเหตุทางเรือครั้งใหญ่ของเจ้าชายเอแดร์และเจ้าชายแอ็กนาร์ ซึ่งได้พรากชีวิตของเจ้าชายเอแดร์ผู้เป็นรัชทายาทในขณะนั้นไป ตามมาด้วยการประท้วงการแต่งตั้งเจ้าชายแอ็กนาร์ผู้อนุชาขึ้นเป็นรัชทายาทแทนของตระกูลพาเรลมิดรอส ตระกูลเดิมของชายาเจ้าชายเอแดร์ผู้ล่วงลับ และการพยายามก่อความวุ่นวายโดยมีจุดเริ่มต้นจากพัลนาเรีย ที่ดินศักดินาของตระกูลพาเรลมิดรอสทางภาคตะวันตก
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทางการเมืองตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
A.D. 1094
กษัตริย์อเลซัส สกอร์ปิอัสขึ้นครองราชย์ ส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบการศึกษาให้เข้มแข็ง
A.D. 1120
อุทกภัยใหญ่ในภาคกลางและภาคตะวันออก
A.D. 1121
งานประชุมคัดเลือกไฮคิง สกอร์ปิโอออกเสียงให้กับบารามอส
A.D. 1123
มีข่าวเจ้าชายรัชทายาททรงได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนน่านน้ำและปราบปรามโจรสลัด
แต่มีข่าวลือออกมาเช่นกันว่าเจ้าชายถูกคนร้ายลอบปลงพระชนม์
A.D. 1125
พิธีหมั้นหมายระหว่างกษัตริย์เซธ ราห์โฮเทป ที่สอง กษัตริย์แห่งไนล์ และเจ้าหญิงลูอิซา สกอร์ปิอัส เจ้าหญิงแห่งสกอร์ปิโอ
A.D. 1126
พิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์ เซธ ราห์โฮเทป ที่สอง กษัตริย์แห่งไนล์ และเจ้าหญิงลูอิซา สกอร์ปิอัส เจ้าหญิงแห่งสกอร์ปิโอ
สกอร์ปิโอและไนล์สำเร็จการเชื่อมสัญญาทางการทูตฉบับใหม่
A.D. 1126
พิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์ เซธ ราห์โฮเทป ที่สอง กษัตริย์แห่งไนล์ และเจ้าหญิงลูอิซา สกอร์ปิอัส เจ้าหญิงแห่งสกอร์ปิโอ
สกอร์ปิโอและไนล์สำเร็จการเชื่อมสัญญาทางการทูตฉบับใหม่
A.D. 1127
ทั่วเอเดนรับบัญชาแรกจากไฮคิงอัลฟองโซ “สังคายนาการคมนาคมทั้งเอเดน”
สกอร์ปิโอรับบัญชาด้วยการจัดสังคายนาแผนที่ทางทะเล บูรณะซ่อมแซมแนวประภาคารครั้งใหญ่สั่งทำแผนที่เส้นทางคมนาคมการบกฉบับใหม่ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ รวมถึงเพิ่มจำนวนจุดลงจอดของสัตว์พาหนะบินได้
A.D. 1128
ข่าวอาการป่วยของพระชนนีในองค์กษัตริย์ อดีตราชินีเบลินดาแห่งตระกูลคาริน่า กษัตริย์อเลซัสทรงเสด็จภาคตะวันออกและประทับที่พระราชวังฤดูร้อนตลอดทั้งเดือน ทำให้เกิดข่าวลือเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง
A.D. 1129
เจ้าชายรัชทายาท เจ้าชายอีสเลย์ สกอร์ปิอัส มีอายุครบ 21 ปี
มีพิธีเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 ในเทศกาลชัยชนะราชนาวี
ราชสำนักแห่งสกอร์ปิโอประกาศการหมั้นหมาย ระหว่าง เจ้าชายอีสเลย์ สกอร์ปิอัส เจ้าชายรัชทายาท ผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 รักษาพระองค์ กับ อริสเทีย สกอร์ปิอัส ผู้ตรวจการระดับสามแห่งสภาเสนาธิการ ธิดาในผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพหลวงแห่งสกอร์ปิโอ มีกำหนดการพิธีในปี 1130
หลังจากเดือนพฤษภาคมของปีนี้เป็นต้นมา มีเหตุการณ์ก่อความวุ่นวายและการทำลายทรัพย์สินราชการ และตระกูลที่สนับสนุนองค์กษัตริย์บ่อยครั้ง
A.D. 1130
ยังคงมีความวุ่นวายตามเมืองต่างๆที่มีการประชุมคัดเลือกรายชื่อเสนอสภาเสนาธิการ
สิงหาคม: เกิดการก่อกบฏในฟอร์เทลซาในระหว่างการประชุมคัดเลือกสภาเสนาธิการครั้งสุดท้าย มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
เป็นที่ทราบในภายหลังว่ากษัตริย์อเลซัส สกอร์ปิอัสทรงได้รับบาดเจ็บจากการถูกซุ่มโจมตี เจ้าชายเอธานัสผู้บัญชาการทัพหลวงสิ้นพระชนม์ เจ้าชายอีาสเลย์เดินทางกลับมายังสกอร์ปิโอทันทีที่ทราบข่าว
ธันวาคม: จัดการประชุมคัดเลือกสภาเสนาธิการรอบสุดท้ายขึ้นอีกครั้งเพื่อทำการคัดเลือกตำแหน่งที่ขาดหายไปอย่างเร่งด่วน โดยในครั้งนี้เป็นการประชุมลับเฉพาะกิจ
A.D. 1131
เจ้าชายอีสเลย์เป็นประธานการพิจารณาคดีการกบฏ และการจัดการประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณชน มีการเปิดใช้ 'หลุมแห่งความตาย' เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี
กรมการประชาสัมพันธ์ออกแถลงการณ์สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงมีการเผยแพร่เหตุการณ์ที่ถูกกล่าวอ้างเป็นต้นเหตุของการกบฏโดยละเอียด
กษัตริย์อเลซัสทรงโปรดให้ 'อาซิเอร์ ฟาริส' เข้าสู่ราชสกุลสกอร์ปิอัส รับพระยศเป็นเจ้าชายแห่งสกอร์ปิโอ ในฐานะบุตรชายของเจ้าชายอีสเลย์ สกอร์ปิอัส
สามารถอ่านสรุปเหตุการณ์ได้ที่: สถานการณ์ความไม่สงบในสกอร์ปิโอ A.D.1129-1131
กษัตริย์อเลซัสบาดเจ็บเรื้อรังและสุขภาพทรุดโทรมลงจากพิษที่ได้รับในครั้งเหตุกบฏ เจ้าชายอีสเลย์ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนพระราชาได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในการบริหารราชการแผ่นดิน มักได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนพระองค์ในราชกิจต่างๆอยู่เป็นประจำ
A.D. 1132
อดีตราชินีเบลินดาสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา กษัตริย์อเลซัสจู่ๆก็สุขภาพทรุด ว่ากันว่าพระองค์ทรงตรอมใจและเริ่มมีอาการพระสติฟั่นเฟือนในหลายๆครั้ง ทรงมิได้ปรากฏพระองค์แก่สาธารณชนอีก
เจ้าชายอีสเลย์กลายเป็นผู้แทนพระองค์ในราชกิจต่างๆเต็มตัว
สิ่งแรกที่เจ้าชายอีสเลย์ใช้อำนาจในฐานะผู้แทนพระองค์ คือการเรียกตัวผู้ปกครองหน่วยงานต่างๆของรัฐและกองทัพในภูมิภาคคัลนาสกลับมายังส่วนกลางเพื่อดำเนินการสอบสวน พร้อมกำส่งทีมเจ้าหน้าที่ชำนาญการที่ถูกเตรียมพร้อมไว้เข้าทำหน้าที่บริหารแทน โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้มีหน้าที่ดำเนินการสอบสวนภายในทุกหน่วยงานที่มีข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
A.D. 1134
สำนักพระราชวังแห่งสกอร์ปิโอประกาศการหมั้นหมายและการสมรสของเจ้าชายรัชทายาทอีสเลย์ กับเลดี้เอสเมอรัลด้า กรานเด แห่งตระกูลวานิชกรานเด
A.D. 1136
เจ้าชายอีสเลย์เป็นผู้อ่านประกาศการสละราชบัลลังก์ของกษัตริย์อเลซัสต่อหน้าสาธารณชน ก่อนจะเข้าสู่พิธีสาบานตน ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งสกอร์ปิโอองค์ต่อไป พร้อมแต่งตั้งพระชายาเลดี้เอสเมอรัลด้าขึ้นดำรงตำแหน่งราชินีแห่งสกอร์ปิโอ
กษัตริย์อีสเลย์ออกประกาศยกเลิกระบบการปกครองภูมิภาคคัลนาสเดิมอย่างเป็นทางการ แบ่งแยกพื้นที่เดิมออกเป็นสองส่วน ภูมิภาคคัลนาสเดิมคงเหลือพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนภูมิภาคใหม่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ให้ใช้ชื่อภูมิภาคดาตารัน และประกาศให้เมืองลอสขยับฐานะขึ้นเป็นเมืองศูนย์กลางของดาตารัน
อดีตกษัตริย์อเลซัสถูกส่งไป ‘พักผ่อนยามบั้นปลาย’ ที่ภาคตะวันออก ว่ากันว่าเหตุผลแท้จริงคือทรงมีพระสติฟั่นเฟือนโดยสมบูรณ์ ทว่าย้ายไปได้เพียงไม่นานก็สวรรคต พิธีศพและพิธีไว้อาลัยดำเนินไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงราชวงศ์และพระญาติใกล้ชิดที่เข้าร่วม
A.D. 1137
จัดตั้งฐานทัพเรือแห่งใหม่ให้กองเรือลาดตระเวนพายัพของภูมิภาคคัลนาส
จัดตั้งฐานทัพบกแห่งใหม่ให้กองพลพิทักษ์หรดีของภูมิภาคดาตารัน
สงครามเวนอล-คาโนวาลเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม กษัตริย์อีสเลย์ตัดสินใจวางตัวเป็นกลางไม่สนับสนุนกำลังรบแก่ฝ่ายใด แต่ให้นโยบายแก่สภาเสนาธิการให้สนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหากมีการร้องขอ และนโยบายนี้ยังคงถือปฏิบัติไปจนกระทั่งจบสงครามในปี 1142
A.D. 1138
กษัตริย์อีสเลย์แต่งตั้งผู้บัญชาการทัพหลวง ธีโอดอร์ ฟาริส เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ก่อนจะนำกองเรือหลวงออกเดินทางเพื่อล่าสัตว์ทะเลยักษ์ตามโบราณราชประเพณี
ใช้เวลาเดินทางและไล่ล่าทั้งหมดกว่าสองเดือนก่อนที่กองเรือทั้งหมดจะกลับมาถึงฟอร์เทลซา ซากของสัตว์ทะเลยักษ์ที่กองเรือนำกลับมามีทั้งคราเคนและมังกรสมุทรทะเลลึก โดยซากของมังกรสมุทรที่ถูกชำแหละถูกนำไปใช้ทำวัสดุของอาวุธและชุดเกราะ และถูกมอบให้กับราชวงศ์ไปจนถึงผู้ชนะในการประลองราชนาวีในปีถัดจากนั้น
A.D. 1149
รัชทายาท เจ้าชายอาซิเอร์ สกอร์ปิอัส มีอายุครบ 21 ปี
มีพิธีเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 ในเทศกาลชัยชนะราชนาวี ซึ่งตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับพิธีแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการของประเทศอื่น
A.D. 1150
------------ปีปัจจุบัน (เริ่มต้นคอมมู)------------
มีกำหนดการประชุมคัดเลือกสภาเสนาธิการชุดใหม่ในปีนี้