Methods
วิธีการฝึกอบรม
หลักสูตรมีการจัดวิธีการฝึกอบรมให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่สอดคล้อง และบรรลุ ผลลัพธ์ของแผนการฝึกอบรมที่กำหนดทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เน้นการฝึกอบรมโดยใช้การปฏิบัติเป็นฐาน (practice-based training) มีส่วนร่วมในการบริบาลและรับผิดชอบผู้ป่วย คำนึงถึงศักยภาพ และการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม (trainee-centered) มีการบูรณาการภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ บูรณาการการฝึกอบรมกับงานบริบาลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม โดยได้ระบุวิธีการฝึกอบรม และเป้าประสงค์ หลักในแต่ละช่วงหรือชั้นปี (milestone) และระดับสมรรถนะการเรียนรู้ 6 ด้าน (competency) ของการฝึกอบรม มีการติดตามตรวจสอบ กำกับดูแล (supervision) และให้ข้อมูลป้อนกลับ (feedback) แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม อย่างสม่ำเสมอซึ่งตลอดหลักสูตรจะมีการผลัดเปลี่ยนเรียนรู้ และปฏิบัติ งานในเนื้อหาวิชาต่าง ๆ
กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้จำแนกตาม competency ดังนี้
Patient care
การปฏิบัติงานในชีวิตประจำวัน (on the job learning)
การบรรยายภาคทฤษฎี เช่น กิจกรรม seminar, topic review
กิจกรรม journal club
กิจกรรม interesting case, small-group discussion
กิจกรรมด้านคุณภาพ peer review, morbidity & mortality conference
กิจกรรม multidisciplinary conference
กิจกรรม Interhospital conference
Medical knowledge and technical skills
การบรรยายด้านฟิสิกส์รังสีการแพทย์ และ radiobiology
การบรรยายและ workshop ด้านกายวิภาค ประยุกต์ทางรังสีวิทยา (anatomical imaging)
Workshop อัลตราซาวด์เบื้องต้น
การบรรยายด้าน contrast media
การบรรยายด้านการป้องกันอันตรายจากรังสี
Practice-based learning and improvement
การบรรยายวิชาบูรณาการ
กิจกรรม peer review, morbidity & mortality conference
การฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจริงภาย ใต้การดูแลของอาจารย์ (practice under supervision)
การฝึกปฏิบัติบริบาลผู้ป่วยใน ฐานะส่วนหนึ่งของทีม (practice in patient care team)
การใช้แฟ้มสะสมผลงาน (portfolio หรือ e-portfolio)
การเรียนรู้จากการทำงานวิจัย (research-based learning)
Interpersonal and communication skills
การบรรยายวิชาบูรณาการ
การบรรยายและ workshop ด้านการตระหนักสถานการณ์ (situation awareness)
การบรรยายและ workshop ด้านการตัดสินใจ (decision making)
การบรรยายและ workshop ด้านการทำงานเป็นทีม (team working)
การบรรยายและ workshop ด้านการสื่อสาร (communication)
การบรรยายและ workshop ด้านภาวะผู้นำ (leadership)
การบรรยายและ workshop ด้านการรู้ข้อจำกัดและจัดการกับความเครียดและความอ่อนล้า (stress and fatigue management)
Professionalism
เช่นเดียวกับ Competency D (interpersonal and communication skills)
Systems-based practice
การบรรยายวิชาบูรณาการ
การศึกษาดูงาน เรียนรู้ระบบงานที่เกี่ยวข้องในโรงพยาบาล
การเข้าร่วมกิจกรรมคุณภาพ และความเสี่ยงทางรังสีวิทยา
จำนวนปีและระดับชั้นของการฝึกอบรม
กำหนดระยะเวลาฝึกอบรมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 156 สัปดาห์ หรือ 3 ปี โดยสามารถขยายระยะเวลากรฝึกอบรมได้มากกว่า 156 สัปดาห์ หรือ 3 ปี
ความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมกับสถาบันอื่น
ความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมกับสถาบันอื่น ทั้งภายในและภายนอก (elective) ทางสถาบันเปิดโอกาสให้ผู้รับการฝึกอบรมสามารถเลือกฝึกอบรมในสถาบันอื่นได้ ทั้งในและนอกประเทศ ดังแสดงรายละเอียดในหัวข้อ “Away: Elective (out)”
ภาษาที่ใช้ในการฝึกอบรม
เป็นภาษาไทย
การเข้ารับการฝึกอบรม
เปิดรับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด โดยสมัครผ่านแพทยสภา โดยราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย และการรับสมัครผ่าน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
คุณสมบัติของผู้สมัครรับการฝึกอบรม
ได้รับปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต หรือเทียบเท่า ที่แพทยสภารับรอง
ได้รับการขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา
ผ่านการอบรมแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
มีคุณสมบัติตามเกณฑ์แพทยสภาในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง
มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง
มีคุณสมบัติอื่น ๆ ตามที่ระบุในประกาศรับสมัครแพทย์ประจำบ้านสาขารังสีวิทยาวินิจฉัย โดยภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
มีความประพฤติดี มีคุณธรรม และจริยธรรมอันดี
การคัดเลือกผู้รับการฝึกอบรม
ภาควิชารังสีวิทยาเป็นผู้ดำเนินการจัดการคัดเลือกโดยประสานงานเชื่อมโยงกับราชวิทยาลัยรังสี แพทย์แห่งประเทศไทย การคัดเลือกผู้รับการฝึกอบรมกระทำโดยคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้ง และคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ วิธีการยึดความเสมอภาค โปร่งใส โดยใช้เกณฑ์การ ให้คะแนน และคะแนนสัมภาษณ์
คุณสมบัติทั่วไป
ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นครบถ้วนตามเกณฑ์กำหนดของแพทยสภาในปีการศึกษาหรือปีการฝึกอบรมนั้น ๆ
เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติอ้างอิงตามประกาศกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท) เรื่อง คุณสมบัติเฉพาะของผู้ที่สมัครเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต (ฉบับปี พ.ศ.2559) โดยไม่จำกัดเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และภาวะสุขภาพที่ไม่มีผลกระทบต่อการฝึกอบรม
เป็นผู้จบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต ที่ได้รับการรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม และผ่านการอบรมแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
มีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (GPA) ไม่ต่ำกว่า 2.5
เป็นผู้ไม่มีภาระผูกพันการชดใช้ทุนกับต้นสังกัดเดิม
หมายเหตุ ในกรณีผู้ประสงค์เข้ารับการฝึกอบรมมีความพิการ ความพิการนั้นจะไม่มีผลต่อการพิจารณาถ้าความพิการไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการฝึกอบรม และการปฎิบัติงาน
เกณฑ์การพิจารณารับการเข้าฝึกอบรม
คะแนนเฉลี่ยสะสม (GPA) ตลอดการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต
NT1 score และ NT2 score
จำนวนปีที่ปฎิบัติงานในรพ.รัฐบาล
การเข้าร่วมกิจกรรม Elective และ/หรือ Open house
คะแนนสอบวัดความรู้ทางภาษาอังกฤษ ได้แก่ MU GRAD Plus*, CU-TEP, IELTS หรือ TOEFL ITP หรือ iBT โดยเป็นผลสอบที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี
ประวัติการกิจกรรมสาธารณะ/ความเป็นผู้นำ โดยต้องมีเอกสารอย่างเป็นทางการออกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คะแนนจากการสอบสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการคัดเลือกแพทย์ประจำบ้านโดยรายละเอียดการให้คะแนน แสดงดังในตาราง
จดหมายแนะนำตัวของแพทย์ผู้สมัคร และหนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงาน (recommendation letter)
เอกสารเพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาคัดเลือก
รูปถ่าย 2 นิ้ว (ที่ถ่ายภายใน 6 เดือน) จำนวน 2 รูป
เอกสารแนะนำตัว ประวัติการทำงานของผู้สมัคร (Curriculum Vitae) เช่น ระยะเวลาใช้ทุนในหน่วยงานของรัฐบาล ผลงานวิชาการอื่น ๆ และความสามารถพิเศษ เช่น ภาษาอังกฤษ ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์
ผลการสอบภาษาอังกฤษ MU GRAD Plus*, CU-TEP, IELTS หรือ TOEFL ITP หรือ iBT โดยเป็นผลสอบที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี
สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการจำนวน 1 ฉบับ
สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ - สกุล (เฉพาะในกรณีที่เปลี่ยนชื่อ - สกุล)
ใบทะเบียนสมรส (เฉพาะในกรณีที่จดทะเบียนสมรสแล้ว)
สำเนาใบแสดงผลการศึกษาตลอดหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต จำนวน 1 ฉบับ
สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม จำนวน 1 ฉบับ
สำเนาหนังสือจากต้นสังกัดอนุมัติให้เข้าฝึกอบรม และรับรองว่าจะทำสัญญาเมื่อได้รับการคัดเลือก (ถ้ามี)
หนังสือรับรองการปฏิบัติงานจากผู้บังคับบัญชาและ / หรือผู้ที่เคยปฏิบัติงานใกล้ชิด จำนวน 2 ฉบับ
การพิจารณาคัดเลือก
คณะกรรมการการคัดเลือกผู้เข้ารับการฝึกอบรมมาจากอาจารย์ประจำในสาขาวิชารังสีวิทยาวินิจฉัย อย่างน้อย 10 ท่าน และตัวแทนแพทย์ประจำบ้านอย่างน้อย 3 ท่าน ประกอบด้วย
ประธานหลักสูตรฯ
ประธานหรือรองประธานคณะกรรมการด้านการศึกษาหลังปริญญา
ตัวแทนอาจารย์ผู้ดูแลแพทย์ประจำบ้านสาขารังสีวินิจฉัย อย่างน้อย 2 ท่าน
ตัวแทนอาจารย์ในสาขารังสีวินิจฉัยอย่างน้อย 6 ท่าน
ตัวแทนแพทย์ประจำบ้าน ชั้นปีละ 1 ท่าน (รวม 3 ท่าน)
เพื่อความโปร่งใส เสมอภาค และตรวจสอบได้ ก่อนการสัมภาษณ์และการตัดสินคะแนน คณะกรรมการคัดเลือกแพทย์ประจำบ้านสาขารังสีวินิจฉัยทุกท่าน ต้องลงลายมือชื่อในเอกสารแสดงถึงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อผู้สมัครและการตัดสินคะแนน
คณะกรรมการคัดเลือกแพทย์ประจำบ้านจะนำคะแนนรวมทุกหมวดของแพทย์ผู้สมัครแต่ละรายมาเรียงลำดับจากคะแนนสูงไปต่ำ หลังจากนั้นคณะกรรมการฯ จะได้ประชุมพิจารณาพร้อมกันตามความเหมาะสมเพื่อตัดสินขั้นสุดท้ายอีกครั้ง มติของคณะกรรมการฯ นี้ถือเป็นอันสิ้นสุด
การอุทธรณ์ผลการคัดเลือกผู้รับการฝึกอบรม
ผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขารังสีวินิจฉัย สามารถเขียนคำร้องเพื่อขออุทธรณ์ผลการตัดสินไม่เกิน 90 วันนับจากวันที่ประกาศผล ตามระเบียบภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยจะมีการพิจารณาผลการอุทธรณ์โดยคณะอนุกรรมการการอุทธรณ์ ซึ่งแต่งตั้งโดยหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มติการตัดสินจากคณะอนุกรรมการการอุทธรณ์นี้ ให้ถือเป็นอันสิ้นสุด
วิธีการอุทธรณ์
เลือกอุทธรณ์ผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ https://forms.gle/Tr2it9UcsSezcmeYA หรือผ่านแบบฟอร์มที่เป็นกระดาษ รับได้ที่ภาควิชารังสีวิทยา
เมื่อเจ้าหน้าที่การศึกษาได้รับข้อมูลแล้ว จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาหลังปริญญา ซึ่งหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา ในฐานะที่ปรึกษาของคณะกรรมการการศึกษาหลังปริญญา จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการอุทธรณ์ เพื่อหารือ และค้นหาแนวปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป
จำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ศักยภาพในการรับผู้เข้ารับการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขารังสีวิทยาวินิจฉัย ในแต่ละปีสูงสุด 23 ตำแหน่ง โดยเป็นศักยภาพซึ่งได้รับการรับรองโดยราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2561 และการกำหนดศักยภาพเป็นไปตามเกณฑ์หลักสูตรฯ ของราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
Training Program แผนงานการฝึกอบรม
มาตรฐานผลการเรียนรู้ที่สะท้อนคุณสมบัติและขีดความสามารถของแพทย์เฉพาะทาง สาขารังสีวิทยาวินิจฉัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ (competencies) ทั้ง 6 ด้าน นั้น ประกอบด้วย
Patient care: EPA 1-2, 4-8
Medical knowledge: EPA 1-8
Practice-based learning and improvement: EPA 3-8, 10
Interpersonal and communication skills: EPA 1, 4-7
Professionalism: EPA 1, 3-7, 9
System-based practice: EPA 5-8, 10
การได้มาซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าว อิงกับ EPA 10 ข้อ ซึ่งแต่ละข้อมี 5 ระดับขั้นขีดความสามารถ (level of entrustment)
การหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงาน
การหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงาน กรอบเวลาฝึกอบรมทั้งหมดประมาณ 156 สัปดาห์
ตามเกณฑ์ราชวิทยาลัยฯ จัดให้มีการหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 128 สัปดาห์ ตามเกณฑ์ราชวิทยาลัยฯ ระยะเวลาที่เหลือไม่น้อยกว่า 28 สัปดาห์ จัดให้มีการหมุนเวียนศึกษาด้านอื่น ๆ อาทิ elective, night shift (การปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ) การทำงานวิจัย รวมทั้งการจัดสรรให้หมุนเวียนเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมตามบริบท
ตามเกณฑ์หลักสูตรของภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (ปรับปรุง พ.ศ. 2565) กำหนดให้มีการหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงานรวมไม่น้อยกว่า 134 สัปดาห์ในรายวิชาที่ระบุตามเกณฑ์ราชวิทยาลัยฯ และด้านอื่น ๆ จัดให้มีการหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงานรวมไม่น้อยกว่า 22 สัปดาห์ ดังต่อไปนี้ elective (outside department), research, night shift (emergency imaging) และ elective (inside department) โดยจัดให้มีการฝึกอบรมโดยยึดหลักความเท่าเทียมกันสำหรับแพทย์ประจำบ้านทุกคน (เพิ่ม 28 มค 67) การจัดตารางเพื่อหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงานของแพทย์ประจำบ้านเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนเวลาที่ได้ผ่านการหารือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก และมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ (ทำลิงค์ไปที่ “ข้อกำหนดการจัดตารางเพื่อหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงาน”) และได้รับการตรวจสอบโดยทีมการศึกษาหลังปริญญา จำนวนครั้งและระยะเวลาการหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงานในระบบต่าง ๆ มีจำนวนเท่ากันสำหรับแพทย์ประจำบ้านทุกคน สำหรับการระบุบุคคลเพื่อหมุนเวียนในตารางฯ เป็นไปแบบสุ่ม แต่มีการตอบสนองความต้องการของแพทย์ประจำบ้านซึ่งแสดงความจำนงในกิจกรรม elective (outside department) แบบที่ไปต่างประเทศด้วย
(เพิ่ม 6 พย 66) กรอบเวลาฝึกอบรม หมุนเวียนศึกษา และปฏิบัติงาน ตามเกณฑ์ราชวิทยาลัยฯ (มคว 1) และเกณฑ์หลักสูตรศิริราชฯ (มคว 2) กำหนดไว้ดังนี้
ข้อกำหนดการจัดตารางเพื่อหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงาน
Timeline
มกราคม รับทราบจำนวนแพทย์ประจำบ้านปีการศึกษาถัดไป
กุมภาพันธ์ ยืนยันข้อกำหนดและเงื่อนไขในการจัดตารางโดยทีมการศึกษาหลังปริญญา
จัดตารางเพื่อหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงาน และยืนยันโดยทีมการศึกษาหลังปริญญา
มีนาคม จัดตารางลาพักผ่อน และยืนยันโดยทีมการศึกษาหลังปริญญา
จัดตารางกิจกรรมวิชาการหลัก และยืนยันโดยทีมการศึกษาหลังปริญญา
เมษายน ประกาศตารางเพื่อหมุนเวียนศึกษาและปฏิบัติงาน ตารางลาพักผ่อน
ประกาศตารางกิจกรรมวิชาการหลัก
ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการจัดตาราง
การจัดตารางลาพักผ่อน
การหมุนเวียนปฏิบัติงานในหน่วย/สาขาที่แพทย์ประจำบ้านสามารถใช้สิทธิ์ลาพักผ่อนได้ มีเงื่อนไขดังนี้
ไม่เกิน 5 วันทำการต่อครั้ง และรวมแล้วไม่เกิน 5 วันทำการต่อหน่วย
ไม่เกินโควต้าวันลาพักผ่อนของตนเอง
ได้รับอนุญาตจาก อ.หัวหน้าหน่วย หรือตัวแทน
บางหน่วย/สาขา ไม่แนะนำให้ลาพักผ่อนในระหว่างที่หมุนเวียนปฏิบัติงาน เนื่องจากเป็นหน่วย/สาขาซึ่งมีระยะเวลาในการฝึกอบรมรวม 3 ปีการศึกษาค่อนข้างน้อย
บางหน่วย/สาขา ไม่อนุญาตให้ลาพักผ่อนในระหว่างที่หมุนเวียนปฏิบัติงาน เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่หมุนเวียนปฏิบัติงานด้วยและผู้ป่วย กรณีที่จำเป็นต้องลา ให้ใช้การลากิจ ลาป่วย หรือลาประเภทอื่นแทน โดยต้องได้รับการอนุมัติจากประธานหลักสูตรฯ