เทควันโด (เกาหลี: 태권도; ฮันจา: 跆拳道; อาร์อาร์: Taegwondo; เอ็มอาร์: T'aekwondo, แท-กว็อน-โด) เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวโดยไม่ใช้อาวุธของชาวเกาหลี
คำว่า "เท" (태; แท) แปลว่า เท้าหรือการโจมตีด้วยเท้า;
"ควัน" (권; ควอน) แปลว่า มือหรือการโจมตีด้วยมือ;
"โด" (도; โด) แปลว่า วิถีหรือสติปัญญา
ดังนั้นเทควันโดโดยทั่วไป หมายถึง วิถีแห่งการใช้มือและเท้าในการต่อสู้และป้องกันตัว หรือการใช้มือและเท้าในการต่อสู้และป้องกันตัวอย่างมีสติ
เทควันโด เป็นกีฬาประจำชาติเกาหลี จากประวัติศาสตร์ซึ่งเผยแพร่ในช่วงแรกนั้น หลังสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง เกาหลีที่ถูกยึดครองโดยญี่ปุ่นในปี 1910-1945
เทควันโดได้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้คาราเต้ของญี่ปุ่นเป็นพื้นฐาน แล้วผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีประเภทอื่นเช่น taekyon subak
ทำให้เทควันโดเป็นการต่อสู้ที่แตกต่างสวยงาม โดยใช้เท้าเป็นหลักซึ่งแตกต่างจากคาราเต้ ทั้งรูปแบบการต่อสู้ จุดเด่น การยืน ฟุตเวิร์ก อย่างชัดเจน
เทควันโดเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้เข้าร่วมเป็นกีฬาโอลิมปิกเพราะการสนันสนุนของรัฐบาลเกาหลีใต้ และความแตกต่างทางด้านการต่อสู้อย่างชัดเจน
(วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2566, ออนไลน์)
เทควันโด เป็นศิลปะการป้องกันตัวชองประเทศเกาหลีมีมาตั้งแต่ 2 พันกว่าปี ในปี ค.ศ.1955 องค์กรพิเศษได้ถูกจัดตั้งขึ้นในนามขององค์การควบคุมศิลปะแห่งชาติ ถูกตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่และควบคุมทำการสอนให้แก่สาธารณะชน องค์กรทางทหารซึ่งขึ้นอยู่กับเงินทุนกองกลางที่มีสามชิกขององค์กร เป็นผู้ที่มีความคิดความสามารถที่เชี่ยวชาญกลุ่มสมาชิกได้ รวมตัวกัน โดยมีนายพล Choi Hong Hi เป็นผู้ตั้งชื่อใหม่ขึ้นว่า เทควันโด(Taekwondo)
จนกระทั่งทุกวันนี้มีคนจำนวนมากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลกจาก 140 เมืองที่ได้รับการ ฝึกฝนด้านเทควันโด
ศูนย์กลางเทควันโดโลก คือ Kukkiwon เป็นสัญลักษณ์ของเทควันโด โดยมีนายอุน ยอง คิม (Un Yong Kim)
เป็นประธานสหพันธ์เทควันโดโลก และเป็นประธานสมาคมเทควันโดของประเทศเกาหลี
(สยามสปอร์ตทอล์ค, ม.ป.ป., ออนไลน์)
ค.ศ. 1973 มีการแข่งขันชิงแชมป์โลกเป็นครั้งแรก
ค.ศ.1974 มีการสัมมนาผู้ตัดสินนานาชาติ และมีการแข่งขันชิงแชมป์ของเอเชียเป็นครั้งแรก
ค.ศ.1986 เทควันโดได้บรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 10 ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลี
ค.ศ.1987 เทควันโดได้บรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาซีเกมส์
ค.ศ.1988 เทควันโดเป็นกีฬาสาธิตในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลี
ค.ศ.2000 เทควันโดเป็นกีฬาในโอลิมปิกเกมส์ ณ ซิดนีย์ ประเทศออสเตเรีย
(ชานน ศิริแสง, ม.ป.ป., ออนไลน์)
ประวัติเทควันโด
ตำนานเรื่องความเป็นมาของศิลปะการต่อสู้ทุกชนิดบนโลกนี้ ย่อมสืบเนื่องมาจากพื้นฐานเบื้องต้นในเรื่องของ
ความอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นในแง่การหาอาหาร การต่อสู้กับสัตว์ร้าย การแย่งชิงที่ทำกินความต้องการเป็นผู้นำในกลุ่ม
ของตน พัฒนาต่างๆได้มีต่อเนื่องยาวนานจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเผ่าพันธุ์ตามความถนัดซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับรูปร่าง
พื้นฐานความเป็นอยู่ประจำวัน ภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ จากการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ก็มักจะพัฒนามาเป็นการต่อสู้
ด้วยอาวุธซึ่งก็จะมีรูปแบบเฉพาะตัวที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กับการต่อสู้ด้วยมือเปล่าประจำ ชนชาติของตน เทควันโดมีต้นกำเนิดจากชนชาติเกาหลีมีประวัติยาวนานนับพันปี พัฒนาปรับเปลี่ยนมาจากการต่อสู้ยุดโบราณหลายรูปแบบจนใช้ชื่อว่า เทควันโด เป็นครั้งแรกประมาณ ปี 1950 แต่มีการบันทึกว่าใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ ปี 1965 ในการก่อตั้งสมาคม
เทควันโดเกาหลี หลังจากที่เกาหลีสามารถเผยแพร่เทควันโดจนเป็นที่ยอมรับเป็นกีฬาไปทั่วโลกจนได้รับการบรรจุแข่งขันในโอลิมปิคเกมส์ปี2000 ที่ประเทศออสเตรเลียโดยมีองค์กรที่รับผิดชอบคือสหพันธ์เทควันโดโลก เทควันโดจึงถือได้ว่า
เป็นกีฬาสากลอย่างเต็มภาคภูมิ แต่เนื้อแท้แล้ว ชาวเกาหลียังคงภูมิใจในความเป็นศิลปะการต่อสู้ และพยายามที่คงไว้
ในเรื่องรากฐานแห่งศิลปะแขนงนี้ให้ มากที่สุดโดยใช้การสอบเลื่อนสายคาดเอวเป็นรูปแบบควบคุมมาตรฐานโดยมีสถาบันกุกกิวอนเป็นผู้รับผิดชอบ มีการอบรมผู้ฝึกสอนให้อาจารย์สายดำทั่วโลก ให้นักเทควันโดได้ทราบประวัติ ปรัชญา แนวคิดของเทควันโดอย่างแท้จริง ในเรื่องของประวัติความเป็นมาของเทควันโดมีนักวิชาการได้เขียนไว้มากมายหลายตำรา
ในเนื้อหาโดยรวมแล้วก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่ผู้ที่ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมก็จะพบรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจ
อีกมากมายแฝงอยู่ แม้แต่สถาบันกุกกิวอนเองที่เปิดอบรมผู้ฝึกสอนสายดำทั่วโลกก็มีการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมหลายครั้ง ประวัติบางช่วง หรือชื่อบุคคลบางท่านก็ได้รับการเติมใส่ลงมามากขึ้น ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของเทควันโด
ที่นำมาลงในที่นี้เป็นฉบับที่คุณหมอศุภกิตติ ขัมพานนท์ได้เรียบเรียงไว้ใช้ในคราวที่อบรมผู้ฝึกสอนสายดำของ
สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยเมื่อ ปี2546 ที่หัวหิน และปี 2547 ที่นครนายก ขณะนั้นท่านเป็นประธานฝ่ายวิชาการและฝึกอบรมและตัวครูเองเป็นประธานเทคนิค ได้มีโอกาสร่วมงานจัดการอบรมกับคุณหมอ จึงเป็นประวัติเทควันโดย่อ ๆฉบับหนึ่งที่มีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ใช้อ้างอิงได้อย่างดี (ชานน ศิริแสง, ม.ป.ป., ออนไลน์)
มีการค้นพบประวัติการฝึกฝนวิชาเทควันโดของชาวเกาหลีมานานนับพันปีแล้ว ซึ่งหลังจาก ที่ประเทศเกาหลีได้รับการประกาศเอกราช เป็นอิสรภาพจากการปกครองของประเทศญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจารย์ ซอง คุก ดี แห่งสำนัก Teakyondo สาธิตศิลปะป้องกันตัว เทควันโดขึ้นต่อหน้าประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ฯพณฯ นาย Syngman Rhee ในโอกาส วันคล้ายวันเกิดของอาจารย์ ซอง คุก ดี ท่านได้แสดงให้เห็นความแตกต่างของวิชา ศิลปะการต่อสู้แบบเทควันโด จากคาราเต้ ของญี่ปุ่น อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรก ของการจุดประกายวิชานี้ ขึ้นมาให้สาธารณชน ได้รับรู้
ค.ศ.1950-1953 หลังสงครามเกาหลี เทควันโดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้มีการ เปิดโรงฝึกเทควันโดไปทั่วประเทศมีการฝึกผู้ฝึกสอนและส่งผู้เชี่ยวชาญ ครูฝึกสอนวิชา เทควันโด 2000 คนไปเผยแพร่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกและมี การเสนอให้วิชา เทควันโด เป็นศิลปะป้องกันตัวประจำชาติเกาหลี ในปี ค.ศ.1971 ตามมาด้วยการก่อตั้ง ศูนย์เทควันโดแห่งชาติ Kukkiwon ที่กรุงโซลเพื่อเป็นศูนย์กลาง การสร้างรูปแบบการต่อสู้ เทควันโด (Pattern) , การฝึก,การแข่งขัน,การบริหาร และการเผยแพร่ วิชาเทควันโด ตราบจนปัจจุบัน
28 พฤษภาคม 1973 มีการก่อตั้งสหพันธ์เทควันโดสากล (The World Taekwondo Federation หรือ WTF) เพื่อดูแลประเทศ สมาชิกกว่า 108 ประเทศ และปีเดียวกันนี้เอง ก็ได้การเริ่มแข่งขันชิงแชมป์เทควันโดระดับโลกขึ้น และได้จัดแข่งเป็นประจำทุก 2 ปีตลอดมา
เมื่อแรกก่อตั้งมีสมาชิกเพียง 50 ประเทศ แต่ในปัจจุบันมีถึงกว่า 195 ประเทศ ประธาน สหพันธ์คนแรก นาย Un Yong Kim เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการบรรจุกีฬาเทควันโด ไว้ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ในปี ค.ศ.1974 และกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก ปี 2000 ที่ประเทศออสเตรเลีย (สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, ม.ป.ป., ออนไลน์)
ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของเทควันโด
เทควันโดเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติเกาหลีอันมีประวัติความเป็นมายาวนาน จนอาจกล่าวได้ว่าประวัติศาสตร์ ของเทควันโด ก็คือประวัติศาสตร์ของชนชาติเกาหลีนั่นเอง
เรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของเทควันโด แบ่งออกได้เป็น 4 ยุคสมัย ได้แก่ ยุคบรรพกาล ยุคกลาง ยุคใหม่ และยุคปัจจุบัน
1. เทควันโดยุคบรรพกาล
มนุษย์โดยธรรมชาติแล้วย่อมมีสัญชาติญาณในการปกป้องตนเองและเผ่าพันธุ์ จึงพยายามที่จะพัฒนาความสามารถในการต่อสู้
อยู่ตลอดเวลา ในสมัยที่ยังไม่มีอาวุธก็ต้องใช้การต่อสู้การด้วยมือเปล่าและแม้เมื่อมนุษย์สามารถประดิษฐ์อาวุธขึ้นใช้แล้วก็ยังอาศัย
การฝึกฝนการต่อสู้ด้วยมือเปล่าในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย นอกจากนี้ยังนำมาเป็นการแสดงความสามารถโอ้อวดกัน
ในงานประเพณีต่างๆ ด้วยเช่นการเฉลิมฉลองหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว หรือในที่ชุมนุมชนในโอกาสสำคัญอื่นๆเป็นต้น ชนชาติเกาหลี
สืบเชื้อสายมาจากชาวเผ่ามองโกล ซึ่งอพยพย้ายถิ่นจากใจกลางทวีปเอเชียมายังคามสมุทรเกาหลีนานกว่า 2000ปี มาแล้วเอกลักษณ์
อย่างหนึ่งของชาวมองโกลคือ ความชำนาญและผูกพันกับการขี่ม้า ใช้ชีวิตบนหลังม้า รวมถึงการต่อสู้บนหลังม้า เนื่องจากต้องเลี้ยงสัตว์และเดินทางไปในทุ่งหญ้าและพื้นที่อันทุรกันดารเป็นระยะทางไกลๆทางตอนเหนืออยู่เสมอ ส่วนประชาชนในพื้นที่ทางตอนใต้
อันอุดมสมบูรณ์มากกว่าได้ยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และทิ้งชีวิตบนหลังม้าไป สิ่งนี้เป็นปัจจัยให้พัฒนาการของวิธีการต่อสู้ของ
นักรบทางภาคเหนือและภาคใต้แตกต่างกัน ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป ภูมิศาสตร์ของคาบสมุทรเกาหลีนั้นมีความสำคัญยิ่งทางยุทธศาสตร์
เพราะเป็นสะพานเชื่อมและอยู่กึ่งกลางระหว่างแผ่นดินจีนทางตะวันตก มองโกลทางทิศเหนือ รัสเซียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
และหมู่เกาะญี่ปุ่นทางทิศใต้ซึ่งต่างก็พยายามแผ่อำนาจและผลัดกันยึดครองดินแดนผืนนี้อยู่เสมอ ประวัติศาสตร์ของเกาหลีจึงเต็มไปด้วยการรบพุ่ง ต่อสู้ แย่งชิง และปกป้องบ้านเมืองของตนมาตลอด ในยุคแรกเริ่มของอารยธรรมเกาหลี (ประมาณ 50 ปีก่อนคริสตกาล) ปรากฏว่ามีการแบ่งแยกดินแดนออกเป็น 3 อาณาจักร ได้แก่ โคกุลเยอ ทางทิศเหนือ เบคเจทางทิศใต้ และซิลลาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อาณาจักรทั้งสามต่างก็พยายามชิงความเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว จึงยายามเสริมสร้างกำลังกองทัพและฝึกฝนทหารของตนให้มีความเข้มแข็ง
อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โคกุลเยอ และซิลลาได้สร้างกองทัพนักรบหนุ่มขึ้นเรียกว่า “ชูอิโซนิน” และ “ฮวารังโด” ตามลำดับซึ่งมีการฝึกฝนการต่อสู้ด้วยมือ และเท้า รวมถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธนานาชนิด กล่าวถึงอาณาจักรโคกุลเยอทางเหนือ ที่มีเขตแดนติดต่อกับจีน
จึงต้องพัฒนากำลังทหารไว้ป้องกันประเทศ นักรบในกองกำลัง“ชูอิโซนิน” นี้เรียกว่า “ซอนเบ” ในประวัติศาสตร์กล่าวว่าพวกซอนเบนี้
จะอยู่รวมกันเป็นหมู่เหล่า มีการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะต่างๆ นอกเหนือจากวิชาการต่อสู้และยังใช้เวลาในยามสงบช่วยพัฒนา
บ้านเมืองด้วยการสร้างถนนป้อมปราการต่างๆ วิชาการต่อสู้ของพวกซอนเบนี้เรียกว่า “เทคเคียน” ซึ่งมีลักษณะเด่นที่การใช้เท้าเตะ เนื่องจากการขี่ม้าจะต้องใช้มือควบคุมสายบังคับม้า ถืออาวุธ และธนูจึงเน้นการใช้เท้าที่ว่างอยู่ในการต่อสู้และช่วยในการทรงตัวหลักฐานภาพวาดตามฝาผนังในสุสานโบราณหลายแห่งแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้และทักษะต่างๆ ของเทคเคียน ซึ่งนอกจากจะใช้ในการรบแล้ว
ยังเป็นการบริหารร่างกาย และเป็นเกมกีฬาที่นิยมประลองกันในโอกาสต่างๆกันด้วย ส่วนอาณาจักรซิลลาทางตอนใต้ ก็ถูกรุกราน
จากอาณาจักรโคกุลเยอทางตอนเหนือ และอาณาจักรเบคเจทางตะวันตก จึงต้องเสริมสร้างกองทัพที่เข้มแข็งไว้เช่นกัน โดยเรียกว่า
นักรบหนุ่มของตนว่า “ฮวารัง” ซึ่งมีกฎระเบียบการปกครองและการฝึกฝนคล้ายคลึงกับซอนเบมาก การคัดเลือกชายหนุ่มเข้าเป็นฮวารังจะต้องมีการทดสอบฝีมือการต่อสู้ซึ่งได้แก่การฟันดาบ มวยปล้ำ ขี่ม้า และการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่เรียกว่า“ซูบัก” ซึ่งเน้นการใช้ทักษะ
ของมือเป็นหลัก เนื่องจากชาวซิลลามีความผูกพันกับพุทธศาสนาเป็นอย่างมากวัดโบราณในเมืองเกียงจูจึงมีรูปปั้นทวารบาลเป็นยักษ์
(กึมกัง ย็อกซ่า) แสดงท่าต่อลักษณะท่ามือที่คล้ายคลึงกับเทควันโดในปัจจุบันมาก แม้จะมีรากฐานความเป็นมาแตกต่างกัน
แต่ทั้ง เทคเคียน และซูบักก็เริ่มผสมผสานกลมกลืนกัน โดยเทคเคียนได้เผยแพร่จากอาณาจักรโคกุลเยอเข้ามาในอาณาจักรซิลลา
เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่4 และได้รับความนิยมแพร่หลายไปสู่สามัญชนทั่วไป อาณาจักรซิลลาเริ่มมีความเข้มแข็งกว่าอาณาจักรอื่นๆ
โดยมีขุนพลฮวารังที่มีชื่อเสียงอาทเช่นิ คิมยูซิน และคิมชุนช ูเป็นกำลังสำคัญในการรบเพื่อรวมอาณาจักรในคาบสมุทรเกาหลีเป็น
หนึ่งเดียวได้สำเร็จในปี ค.ศ.676 (พ.ศ.1219) และคงความเป็นปึกแผ่นไว้ได้นานเกือบ 300 ปี (ชานน ศิริแสง, ม.ป.ป., ออนไลน์)
2. เทควันโดยุคกลาง
ในสมัยราชวงศ์คอร์โย ซึ่งปกครองเกาหลีต่อจากอาณาจักรซิลลา ในระหว่าง ค.ศ.918-1392 มีการพัฒนารูปแบบการฝึกเทคเคียนและซูบักอย่างเป็นระบบ และใช้ในการทดสอบเพื่อคัดเลือกทหารเข้าประจำการด้วยมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่แสดงว่าวิชาการต่อสู้ด้วยมือ และเท้าเปล่านี้ได้พัฒนาถึงขั้นเป็นอาวุธฆ่าคนในสงครามได้จริง ทักษะความสามารถ
ในการต่อสู้ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญในการเลื่อนยศและตำแหน่งของทหาร(จึงเป็นที่มาของการจัดระดับสายในเทควันโด คล้ายกับชั้นยศทหารในกองทัพ:ผู้เรียบเรียง) มีการบันทึกถึงระบบกติกาการต่อสู้คล้ายกับกีฬาในปัจจุบัน ในการทดสอบพละกำลัง ลียี่หมิน ใช้กำปั้นข้างขวาชกที่เสาและสามารถทำให้หลังคาสะเทือนจนกระเบื้องมุงหลังคาหล่นลงมาแตกกระจาย
เขาสามารถชกทะลุกำแพงที่ก่อด้วยดินเหนียว และในการประลองเขาชกเข้าที่กระดูกสันหลังของคู่ต่อสู้ซึ่งทำให้ถึงกับเสียชีวิต จึงถือได้ว่าผู้ฝึกวิชาต่อสู้ด้วยมือเปล่าสามารถทำการต่อสู้เทียบเท่ากับการใช้อาวุธสังหารทีเดียว กษัตริย์ในราชวงศ์นี้ทรงโปรดการประลองต่อสู้เพื่อคัดเลือกทหารเป็นอย่างยิ่ง มีการจัดประลองตามหัวเมืองต่างๆที่เสด็จไปประพาสให้
ทอดพระเนตรอยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของราชวงศ์ได้มีการนำอาวุธปืนเข้ามาใช้ในกองทัพ ทำให้บทบาทของการประลองต่อสู้ด้วยมือเปล่าลดความสำคัญลงไปมาก
(ชานน ศิริแสง, ม.ป.ป., ออนไลน์)
3. เทควันโดยุคใหม่
ในยุคนี้ราชวงศ์โชซันปกครองประเทศเกาหลีในปี ค.ศ.1392-1910 จากนั้นเกาหลีตกอยู่ใต้การปกครองของญี่ปุ่นจนถึงปี ค.ศ.1945 ราชวงศ์โชซันปกครองประเทศด้วยลัทธิขงจื๊อ จึงปฏิเสธพิธีกรรม
ทางศาสนาพุทธ และให้ความสำคัญของศิลปะการต่อสู้น้อยกว่างานด้านวรรณกรรม การประลองฝีมือเพื่อคัดเลือกทหารเข้าประจำการก็ยังคงมีอยู่แต่ได้รับความสนพระทัยจากกษัตริย์น้อยลงบ้านเมือง จึงเริ่มอ่อนแอลง จนเมื่อเกาหลีถูกรุกรานจากญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1592พระเจ้าเจียงโจ จึงได้รื้อฟื้นศิลปะการต่อสู้ขึ้นมาขนานใหญ่มีการจัดทำตำรามาตรฐานวิชาการต่อสู้เรียกว่า “มูเยโดโบ ทองจิ” ซึ่งในเล่มที่ 4 มีภาพประกอบและได้กล่าวอธิบายถึงการเคลื่อนไหวต่อเนื่องซึ่งมีลักษณะคล้ายกับท่ารำพูมเซในปัจจุบัน
มีการสอนวิชาการต่อสู้ให้กับเด็กคล้ายกับเป็นกีฬาหรือการละเล่นชนิดหนึ่ง เมื่อญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศเกาหลี การฝึกวิชาการต่อสู้เริ่มเป็นสิ่งต้องห้าม จึงต้องมีการแอบฝึกและมีการถ่ายทอดกันมาอย่างลับ ๆ เฉพาะในหมู่ลูกหลานเท่านั้นจนเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ.1945 ประเทศเกาหลีจึงได้รับอิสรภาพอีกครั้ง แต่จากการที่ทางการญี่ปุ่นได้คุมขังและทรมานนักเทควันโดเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้สืบทอดวิชาการต่อสู้เหลือน้อยจนเป็นที่หวั่นเกรงกันว่าจะสาบสูญไป ทั้งญี่ปุ่นได้พยายามกลืนวัฒนธรรมเกาหลีด้วยการบังคับให้ชาวเกาหลีฝึกคาราเต้ และยูโดแทน (ชานน ศิริแสง, ม.ป.ป., ออนไลน์)
4. เทควันโดยุคปัจจุบัน
ภายหลังจากที่ได้รับอิสรภาพจากญี่ปุ่น ได้มีความพยายามที่จะฟื้นฟูศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีขึ้นมาใหม่ปรมาจารย์ ซองดุคคิ ได้แสดงวิชาเทคเคียน ให้ประธานาธิบดี ลีซึงมาน ชมในงานฉลองวันเกิด ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่ามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคาราเต้ ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการก่อตั้งสำนัก(โดจัง) ขึ้นหลายแห่งแต่ก็อยู่ได้อย่างไม่มั่นคงนักจนเมื่อเกิดสงครามเกาหลี และเกาหลีถูกแบ่งแยกเป็นสองประเทศ ได้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ซึ่งปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์แบบรัสเซีย และประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้)
ซึ่งปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกา สภาพเศรษฐกิจในเกาหลีใต้เริ่มฟื้นตัวบรรดานักประวัติศาสตร์และปรมาจารย์เจ้าสำนักต่างๆ โดยการนำของนายพล
เชฮองฮี ได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคมเทควันโดแห่งสาธารณรัฐเกาหลีได้สำเร็จในปี ค.ศ.1954ในช่วงสั้นๆ จากปี ค.ศ.1961-1965 สมาคมได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อสมาคมเทซูโด (มาจาก เทคเคียน +
ซูบัก) แต่ก็ได้เปลี่ยนกลับมาเป็นเทควันโดเช่นเดิมอีก และกีฬาเทควันโดเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายอีกครั้งมีการจัดการแข่งขันทั้งในระดับประถมศึกษา,มัธยมศึกษา และระดับมหาวิทยาลัย รวมทั้งได้บรรจุในการฝึกทหารของกองทัพ ในสงครามเวียดนามทหารเกาหลีได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเทควันโดในการต่อสู้ระยะประชิดตัว จึงได้รับความสนใจจากนานาประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา คุณค่าของเทควันโดได้จึงเป็นที่ประจักษ์ในฐานะที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศเกาหลี วิชาเทควันโดจึงได้รับการยกย่องให้เป็นกีฬาประจำชาติ (คุคคิ เทควันโด) ในปี 1971 (พ.ศ.2514) ซึ่งจุดเด่นของเทควันโดนอกจากจะเป็นการฝึกฝนพละกำลัง ทั้งร่างกายและจิตใจแล้วยังเป็นการเสริมสร้างและพัฒนาบุคลิกภาพให้แก่เยาวชนอีกด้วย ในปี ค.ศ.1972 รัฐบาลเกาหลีได้สถาปนาสำนัก “กุกกิวอน” ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสอบขึ้นทะเบียนสายดำและ เผยแพร่เทควันโดไปทั่วโลก โดยมีดร.อุนยองคิม ผู้แทนรัฐบาลเป็นประธาน มีการจัดการแข่งขันในระดับต่างๆ มากถึง350 ครั้ง ในปีนั้นรวมทั้งการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลกด้วยนอกจากนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาของบุคลากรผู้ฝึกสอนเทควันโด จึงได้มีการจัดตั้งวิทยาลัยเทควันโดโลก ขึ้นมาเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกเทควันโดได้รับความนิยมเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วทั่วโลกทั้งในหมู่ทหาร ตำรวจ และนักเรียนนักศึกษาในปี ค.ศ.1977
มีจำนวนสายดำในประเทศเกาหลีถึง 3,620,000 คน และอีก 160,000 คนทั่วโลกทีมนักแสดงเทควันโดสาธิตทีมชาติเกาหลี ได้มีส่วนสำคัญในการเผยแพร่กีฬาเทควันโดและเกียรติภูมิ
ของประเทศเกาหลีให้เป็นที่รู้จักทั่วไป จนเมื่อวันที่ 28 พ.ค.1973 มีการประชุมผู้แทนสมาคมเทควันโดจากประเทศต่างๆทั่วโลกจำนวน 50 ประเทศ และมีมติให้ก่อตั้งสหพันธ์เทควันโดโลกขึ้น โดยมี ดร.อุนยองคิม เป็นประธานสหพันธ์อีกเช่นเดียวกันปัจจุบันมีประเทศสมาชิกถึง 157 ประเทศ (ข้อมูล พ.ศ.2547) (พ.ศ.2551 มี 184 ประเทศ)และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สหพันธ์มีหน้าที่ดูแลการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลก ซึ่งจัดเป็นประจำทุกๆ 2 ปี และยังมีการจัดตั้งสหพันธ์เทควันโดแห่งเอเชีย และทุกทวีปซึ่งจะจัดการแข่งขัน ระดับภูมิภาคทุกๆ
2 ปี สลับปีกับการแข่งขันชิงแชมป์โลก นอกจากนั้นเทควันโดยังได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆ ดังนี้
- ค.ศ.1975 สหพันธ์เทควันโดโลกได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมสหพันธ์กีฬาสากล (GAISF)
- ค.ศ.1976 เป็นสมาชิกของสภากีฬาทหารโลก (CISM)
- ค.ศ.1979 ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการโอลิมปิคสากล
- ค.ศ.1982 ได้รับการบรรจุเป็นกีฬาสาธิตในโอลิมปิคเกมส์ (แข่งขันที่กรุงโซล 1988)
- ค.ศ.1984 ได้รับการบรรจุเป็นกีฬาสาธิตในเอเชียนเกมส์ (แข่งขันที่กรุงโซล 1986)
- ค.ศ.1979 ได้รับการบรรจุเป็นกีฬาบังคับในโอลิมปิคเกมส์ (แข่งขันที่ซิดนีย์ 2000)
ซึ่งนับเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับกีฬาที่เพิ่งเผยแพร่ไปทั่วโลกได้เพียง30 ปีเท่านั้น ในปี 2004ได้มีการเปลี่ยนแปลงอันสำคัญได้แก่ตำแหน่งประธานสหพันธ์เทควันโดโลก และสำนักกุกกิวอน เนื่องมาจาก ดร. อุน ยองคิม ไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ นับเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยอันยาวนานของท่าน โดยประธานสหพันธ์เทควันโดโลกคนปัจจุบันได้แก่
นาย ชุงวอนโชว และประธานสำนักกุกกิวอนคนปัจจุบันได้แก่ ปรมาจารย์ อึมวุนเกียว สายดำดั้ง 10(เลื่อนขึ้นมาจากรองประธานสำนักกุกกิวอน)
เทควันโดในประเทศไทย
ประเทศไทยเริ่มรู้จักเทควันโดเมื่อประมาณ พ.ศ.2508 โดยคณาจารย์จากสาธารณรัฐเกาหลีใต้ จำนวน 6 ท่านเดินทางมาเปิดสอนที่ วาย เอ็ม ซี เอ, ราชกรีฑาสโมสรกรุงเทพ และในฐานทัพทหารสหรัฐอเมริกา ที่ อ.ตาคลี จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.อุบลราชธานี
และ อ.สัตหีบ แต่เมื่อกองทัพสหรัฐอเมริกาถอนตัวจากประเทศไทย อาจารย์ทั้งหมดก็ย้ายออกไปด้วย จนกระทั่ง พ.ศ. 2516 อาจารย์
ซอง คิ ยอง จึงเดิน ทางมาเปิดสอนที่ราชกรีฑาสโมสร และในปี พ.ศ.2519 ได้ทำการเปิดสำนักขึ้นที่โรงเรียนศิลปะป้องกันตัวอาภัสสา
โดยการสนับสนุนของคุณมัลลิกา ขัมพานนท์ ผู้ซึ่งเห็นคุณค่าของวิชานี้ ที่มีต่อสุขภาพและสังคม ส่วนรวม กิจการได้เจริญก้าวหน้ามา
ตามลำดับ จนได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2521มีการก่อตั้งสมาคมส่งเสริมศิลปะป้องกันตัวเทควันโด และได้เป็นสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2528 เข้าเป็นมาชิกสหพันธ์เทควันโดโลก สหพันธ์เทควันโดแห่งเอเชีย สหพันธ์เทควันโดอาเซียนและอยู่ในสังกัดของการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย (ที่มา พิษณุ กุศลวงศ์)
- ประเทศไทย เริ่มรู้จักกีฬาเทควันโดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2508
โดยคณาจารย์จากเกาหลีจำนวน 6 ท่าน มีการสอนเทควันโดให้กับทหารสหรัฐอเมริกาซึ่งตั้งฐานทัพในไทย เพื่อทำการรบในสงครามเวียดนาม
- มีการเปิดสอนเทควันโดให้กับประชาชนทั่วไปด้วย ในเวลาต่อมา
ปี พ.ศ. 2516 อาจารย์ ซองคิยอง ได้เดินทางมาเปิดสอนเทควันโดที่ราชกรีฑาสโมสร อีกครั้ง
ปี พ.ศ. 2519 อาจารย์ ซองคิยอง ได้เปิดสำนักเทควันโดขึ้น รวมถึงรับเชิญไปเป็นวิทยากรยังสถาบันหลายแห่ง
ปี พ.ศ. 2521 มีผู้ฝึกวิชาเทควันโด ประมาณ 5,000 คน จึงได้ก่อตั้ง สมาคมส่งเสริมศิลปะป้องกันตัวเทควันโดขึ้น
โดยมี คุณสรยุทธ์ ปัทมินทรวิภาส เป็นนายกสมาคมฯ คนแรก
ปี พศ. 2528 สมาคมฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย” และเข้าเป็นสมาชิกสหพันธ์เทควันโดโลก สหพันธ์เทควันโดเอเชีย
ปี พ.ศ. 2528 ได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
และได้สร้างเกียรติประวัติให้แก่กีฬาเทควันโดของไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มีการบริหารงานด้วยความเป็นมืออาชีพ และโปร่งใส
จนได้รับความไว้วางใจจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแล โดยมีหน้าที่มุ่งพัฒนากีฬาเทควันโดในประเทศไทยผ่านนโยบายการบริหารงาน 4 มิติ ได้แก่
1. มิติของนักกีฬา มุ่งพัฒนาคุณสมบัติของนักกีฬาให้ครบถ้วนถูกต้องตามเกณฑ์ของสมาคมฯ และเกณฑ์การแข่งขันต่างๆ
2. มิติของกรรมการผู้ตัดสิน ที่ต้องเพียบพร้อมด้วยทักษะ คุณธรรมและจริยธรรม รวมถึงยึดหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์การตัดสิน
3. มิติของผู้ฝึกสอน ผู้ฝึกสอนทุกคนจะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องการสอนกีฬาเทควันโดเป็นอย่างดี รวมถึงต้องผ่านการทดสอบหรือแข่งขันมาแล้ว
มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อผู้เรียนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มีผู้ฝึกสอนทั้งประเภทต่อสู้และประเภทท่ารำ
รวมทั้งสิ้น 7 ท่าน นำโดยโค้ช เช ชัชชัย เช
4. มิติของระบบการจัดการแข่งขัน มุ่งพัฒนาระบบการแข่งขันที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เป็นที่ไว้วางใจจากทุกฝ่าย
และให้เป็นไปอย่างโปร่งใสยุติธรรม
(ที่มา สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย Taekwondo Association of Thailand)
บรรณานุกรม
ชานน ศิริแสง. (ม.ป.ป.). เทควันโด. ค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 จาก https://www.siamsporttalk.com/th/entertainment/sport/
158-taekwondo/history-taekwondo/745-history-taekwondo.html
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2566). เทควันโด. ค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/เทควันโด
สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย. (ม.ป.ป.). ประวัติความเป็นมาของเทควันโด. ค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566.
จาก https://www.taekwondothai.com/rules
สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย. (ม.ป.ป.). ประวัติความเป็นมาของเทควันโด. ค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567.
จาก https://www.facebook.com/tkdthailand
สยามสปอร์ตทอล์ค. (ม.ป.ป.). ประวัติกีฬาเทควันโด. ค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566. จาก https://www.siamsporttalk.com/th/entertainment/sport/
158-taekwondo/history-taekwondo/745-history-taekwondo.html
โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ