การสื่อสารอย่างสันติ
(Non-Violent Communication)
หากได้พูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์ต่างจากเรามาก ๆ
หรืออยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
เราจะสื่อสาร หรือทำงานกับเขาต่อไปได้อย่างไร?
ทำไมต้อง "สื่อสารอย่างสันติ"
ดอกเตอร์มาร์แชล โรเซนเบิร์ก (Marshall Rosenberg) เป็นชาวอเมริกันที่เติบโตมาในเมืองที่มีความขัดแย้งรายวันอย่างดีทรอยต์ ด้วยอยากรู้ถึงรากเหง้าสาเหตุของความขัดแย้ง เขาจึงเลือกเรียนจิตวิทยาคลีนิคและทำงานด้านสิทธิพลเมืองไปด้วย จนทำให้เขาค้นพบเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เรียกว่า การสื่อสารอย่างสันติ หรือการสื่อสารโดยไม่ใช้ความรุนแรง
คำถามสำคัญคือ
เพราะอะไรคนบางคนจึงตัดขาดจากความกรุณาที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์แล้วใช้ความรุนแรงหรือกดขี่ผู้อื่น
แล้วเพราะอะไร คนบางคนยังคงมีใจกรุณา แม้ว่าเขาจะได้รับความรุนแรงหรืออยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
คำตอบที่ดร.มาร์แชลค้นพบคือ "ถ้าเราเข้าใจว่าผู้อื่นก็มีความต้องการในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเช่นเดียวกับเรา เราก็จะสามารถมีความกรุณาต่อเขาได้"
ความต้องการที่ว่านี้ ไม่ใช่ความอยากได้เงิน บ้าน รถ หรือวัตถุสิ่งของภายนอก แต่เป็นความต้องการในส่วนลึกที่มนุษย์ทุกคนต้องการเหมือนกัน
ดังนั้น เวลาเกิดความขัดแย้ง การสื่อสารอย่างสันติจึงเน้นให้เรามองที่ความต้องการเป็นหลัก เพื่อให้เห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกัน ละวางการตัดสิน กล่าวโทษ หรือเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรู แล้วหันมาร่วมมือกัน หาทางที่จะทำให้ความต้องการของทุกฝ่ายได้รับการตอบสนอง
หลักการของการสื่อสารอย่างสันติ
มนุษย์ทุกคนมีความกรุณา
เบื้องหลังทุกการกระทำของมนุษย์ คือการตอบสนองความต้องการบางอย่าง
ใส่ใจและให้คุณค่ากับความต้องการของทุกคน
ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์(ความเข้าใจ) ก่อนหาทางแก้ปัญหา
4 องค์ประกอบของการสื่อสารอย่างสันติ
การสังเกต
การพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่เพิ่มเติมอคติ การตัดสิน หรือการตีความ
หัวใจหลัก
พูดถึงเหตุการณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
ละวางการตัดสิน การตีความ การต่อว่า การประเมิน
เทคนิคคือ ทำตัวเป็นกล้องวีดีโอ
สังเกต หรือ ตีความ?
เมื่อวานเธอโกรธฉันอย่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย > ตีความ
เย็นวานนี้เวลาเธอพูดกับฉัน เธอไม่มองหน้าฉัน > สังเกต
แฟนผมเป็นคนน่ารักมาก > ตีความ
ผมได้ยินคุณพูดกับเพื่อนว่า ผมเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง > สังเกต
ความรู้สึก
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งทางกายและใจ เป็นผลมาจากความต้องการที่ได้รับการตอบสนองหรือไม่ได้รับการตอบสนอง
เช่น โกรธ เสียใจ น้อยใจ ดีใจ ตื่นเต้น ผ่อนคลาย สบายใจ เบื่อ เพลีย เหนื่อย หิว ง่วง
ความรู้สึก หรือ ความคิด?
ผมรู้สึกว่าคุณไม่เข้าใจผมเลย > ความคิด
ฉันรู้สึกว่าเขาเอาเปรียบพวกเรา > ความคิด
ผมรู้สึกดีใจที่ได้รับเชิญ > ความรู้สึก
ฉันรู้สึกว่าฉันถูกหักหลัง > ความคิด
ฉันรู้สึกเบื่อที่จะฟัง > ความรู้สึก
ความต้องการ
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต่างมีร่วมกัน อาจเป็นความต้องการพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ หรือเป็นคุณค่าที่ลึกซึ้งของมนุษยชาติ
หัวใจหลัก
ทุกการกระทำเป็นการตอบสนองความต้องการบางอย่าง
ไม่ว่าการแสดงออกของอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร เราสามารถมองลึกลงไปหาความต้องการเบื้องลึกได้เสมอ
ระบุความต้องการที่เป็นความต้องการร่วมของมนุษย์ ไม่ใช่วิธีการผิวเผิน
ความต้องการกับวิธีการ
เรามีทางเลือกหลายทางในการทำให้ความต้องการในส่วนลึกของเราได้รับการตอบสนอง
เช่น หากเราต้องการความสุข สามารถใช้วิธีการได้หลากหลาย เช่น ไปเที่ยว ทำสวน ปฏิบัติธรรม
ในระดับความต้องการจะไม่มีความขัดแย้ง ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นในระดับวิธีการ
การขอร้อง
การขอในสิ่งที่คาดว่าจะทำให้ความต้องการได้รับการตอบสนอง โดยขอในสิ่งที่ปฏิบัติได้จริง และไม่ใช้รูปประโยคปฎิเสธ
ขอร้อง 2 แบบ
ขอร้องเพื่อสร้างความสัมพันธ์ เช่น คุณคิดยังไงกับสิ่งที่ผมพูดไป, คุณรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้, คุณช่วยทวนได้ไหมว่าคุณได้ยินผมพูดว่าอะไรบ้าง
ขอร้องให้เกิดการกระทำ ระบุให้ชัดเจนถึงบุคคล สถานที่ การกระทำ เวลา และสิ่งของ
หัวใจหลัก
ใส่ใจความต้องการของทุกฝ่าย
แยกแยะการขอร้องออกจากคำสั่ง
ใช้ประโยคบอกเล่า คือบอกในสิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ต้องการ
ขอในสิ่งที่ทำได้จริง เป็นรูปธรรม (ชัดเจน)
เตรียมใจรับการปฏิเสธกลับมา และพร้อมจะสนทนาต่อไป โดยทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายกล่าวปฏิเสธเพื่อตอบสนองความต้องการใด
ภาษาหมาป่าและภาษายีราฟ
นอกเหนือจากหลักการ การสื่อสารแบบนี้ต้องอาศัยทักษะด้านภาษาเพื่อจะเข้าถึงเนื้อแท้ในใจของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟังเข้าถึงความกรุณาของอีกฝ่ายได้มากขึ้น
ภาษายีราฟ
คือภาษาที่เข้าใจความรู้สึกและความต้องการของตนเองและคนอื่น
สัญลักษณ์ของการสื่อสารที่เข้าถึงความกรุณา
ยีราฟเป็นสัตว์บกที่มีหัวใจโตที่สุด คอยาว เห็นการณ์ไกลมาก
พูดเข้าใจความรู้สึก-ต้องการ
ตัวอย่าง “ฉันเบื่อมากเลยที่เวลาฉันเล่าอะไรให้ฟัง คุณไม่เคยตอบฉัน”
ยีราฟหูออก (ทำความเข้าใจอีกฝ่าย): คุณ(รู้สึก)ไม่พอใจ คุณต้องการการรับฟังใช่ไหม
ยีราฟหูเข้า (ทำความเข้าใจตนเอง): ฉัน(รู้สึก)เหนื่อย ฉันอยาก(ต้องการ)พักผ่อน
ภาษาหมาป่า
คือภาษาที่ตำหนิ ตัดสิน ตีความตนเองและคนอื่น
สัญลักษณ์การสื่อสารที่กีดกั้นไม่ให้เราเข้าถึงความกรุณา
ตัวเตี้ย ติดดิน ไม่มองไกล มองใกล้ตัว
สื่อสารแบบกล่าวโทษหรือตำหนิตนเอง หรือคนอื่น ว่ากันไป ว่ากันมา
ยิ่งภาษาหมาป่ารุนแรงเท่าใด แสดงว่าผู้พูดมีความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองซ่อนอยู่แรงเท่านั้น
ตัวอย่าง “ฉันเบื่อมากเลยที่เวลาฉันเล่าอะไรให้ฟัง คุณไม่เคยตอบฉัน”
หมาป่าหูออก (ตำหนิคนอื่น): คุณน่ะซิ พูดอะไรไม่ค่อยน่าฟัง แล้วก็ชอบมาโทษคนอื่นเขา
หมาป่าหูเข้า (โทษตัวเอง): จริงด้วย ฉันนะมันเป็นคนแย่มากไม่รู้จักเข้าสังคมกับใคร
คำแนะนำ
เมื่อเราคาดคะเนความต้องการของคนอื่น เขาจะรู้สึกดีขึ้นที่มีคนพยายามจะฟัง แม้ว่าเราจะยังไม่เข้าใจจริงๆก็ตาม
หัวใจของการสื่อสารด้วยความกรุณา คือความพยายามที่จะเข้าใจ พยายามที่จะเชื่อมต่อความเป็นมนุษย์ของตนเอง-คนอื่น เห็นคนอื่นเป็นคนเหมือนเรา มีความต้องการเหมือนเรา
คุณสามารถฝึกทำความเข้าใจด้วยการ "ฝึกการสะท้อน" เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าได้รับการรับฟัง
ทวนเนื้อหา สรุปเนื้อหาตามความเข้าใจของคุณ เช่น คุณคิดว่า...ใช่หรือไม่
สะท้อนความรู้สึก เช่น คุณรู้สึก...ด้วยใช่ไหม
สะท้อนความต้องการ เช่น คุณอยากได้รับความช่วยเหลือใช่ไหม
สิ่งสำคัญคือ คุณสามารถเข้าใจเขาได้ โดยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเขา
ขอบคุณข้อมูลจากศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล
เรียบเรียงโดย มูลนิธิ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์