การกรอกใบสมัคร (Application)
Tips
บทบาทผู้นำ ไม่จำเป็นต้องเป็นตำแหน่งที่ใหญ่เสมอไป แต่เป็นบทบาทที่ได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น แสดงถึงความรับผิดชอบ และมุ่งมั่นให้เกิดผลสำเร็จ
ความสำเร็จของงานหรือกิจกรรม ควรเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
แรงบันดาลใจในการสมัคร สามารถมีมุมมองที่หลากหลายได้ เช่น ทำไมเห็นความสำคัญของการศึกษา ทำไมสนใจประเด็นความเหลื่อมล้ำ
เป้าหมายใน 2 ปี ควรมีตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนว่ามีความมุ่งมั่นอยากพัฒนานักเรียนอย่างไร
เป้าหมายหลัง 2 ปี สามารถระบุเป็นอาชีพ หรือสายงาน เช่น งานด้านการศึกษา งานด้านนโยบาย จะยิ่งทำให้ชัดเจนมากขึ้น
ประสบการณ์ความมุ่งมั่นในระยะยาว ควรเลือกประสบการณ์ที่มีระยะเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป
เคล็ดลับการเขียนใบสมัครให้ประสบความสำเร็จ
Tip#1 Do your homework ทำการบ้านมาล่วงหน้า
เรามองหาคนที่เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจของทีช ฟอร์ ไทยแลนด์
ก่อนที่คุณจะเริ่มกรอกใบสมัคร คุณสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง เรื่องเล่าจากห้องเรียน เรื่องราวของครูผู้นำฯ ศิษยเก่า นักเรียน โรงเรียน และชุมชน ได้จากเว็บไซต์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจเป้าหมายของโครงการผู้นำฯ และเห็นภาพการทำงานตลอดระยะเวลา 2 ปีมากยิ่งขึ้น
Tip#2 Use your best examples เลือกเรื่องราวที่สะท้อนตัวตนของคุณ
ใบสมัครจะใช้เวลาในการตอบประมาณ 2-3 ชั่วโมง คำถามหลายคำถามเป็นคำถามที่เปิดโอกาสให้คุณยกตัวอย่าง หรือเล่าถึงประสบการณ์สำคัญในชีวิตที่จะช่วยให้เรารู้จักคุณดียิ่งขึ้น ทราบถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณสนใจโครงการ และแสดงถึงคุณสมบัติที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาไทยกับเรา
เราขอแนะนำให้คุณใช้เวลาในการเลือกเรื่องราวที่แสดงให้เห็นศักยภาพของคุณอย่างเป็นรูปธรรมใน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่
ประสบการณ์ความเป็นผู้นำของคุณผ่านการฝึกงาน กิจกรรมในมหาวิทยาลัย งานอาสา การทำงานจริง ฯลฯ
แรงบันดาลใจในการสมัคร และเป้าหมายต่อตัวคุณเองและการสร้างผลกระทบเชิงบวกในช่วง 2 ปีของโครงการ และหลังจบโครงการ
ประสบการณ์ความมุ่งมั่นในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม หรือสิ่งที่เคยทำอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป หรือประสบการณ์ทำงานในกรณีที่คุณเคยทำงานมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี
Tip#3 Structure your answers เรียบเรียงคำตอบโดยใช้เทคนิค STAR
เราต้องการให้คุณอธิบายเหตุและผลในคำตอบของทุกคำถามให้ชัดเจน โดยการตอบคำถามนั้น เราขอแนะนำให้คุณใช้เทคนิค STAR มาใช้ในการตอบคำถาม นั่นคือ
S: Situation = สถานการณ์เป็นอย่างไร เกิดอุปสรรคอะไรบ้าง
T: Task = บทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบของคุณคืออะไร
A: Action = วิธีการใดที่คุณใช้ในสถานการณ์นั้น
R: Result = ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร
เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณตอบคำถามได้อย่างครบถ้วน และช่วยให้ทีมงานประเมินใบสมัครของคุณได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Tip#4 Always double-check ตรวจทานก่อนกดส่ง
ก่อนส่งใบสมัครในขั้นตอนสุดท้าย คุณสามารถตรวจดูข้อมูลที่กรอกทั้งหมดและกด submit เพื่อส่งใบสมัคร
อย่าลืมตรวจทานการใช้ภาษาให้เหมาะสม การสะกดคำผิด และสำคัญที่สุดคือตรวจทานให้มั่นใจว่าคุณตอบทุกครบทุกคำถาม และคำตอบของคุณสอดคล้องกับคำถาม
และเมื่อคุณได้รับอีเมลตอบกลับอัตโนมัติ แสดงว่าใบสมัครของคุณส่งถึงทีมงานแล้ว
หลักการการเขียนใบสมัครและการสัมภาษณ์ด้วย STAR Technique
Situation
สถานการณ์
Task
งานที่ได้รับมอบหมาย
Action
สิ่งที่ลงมือทำ
Result
ผลลัพธ์
สถานการณ์ที่คุณเผชิญอยู่ตอนนั้นคืออะไร และทำไมถึงต้องมาทำสิ่งนี้ ซึ่งคำตอบจะแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และอุปสรรคที่คุณเคยเผชิญมา อาจเป็นได้ทั้งเรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ก็ได้
คำถามที่มักใช้ เช่น กิจกรรมที่คุณเคยทำมีปัญหาและอุปสรรคอย่างไรบ้าง และคุณใช้ความพยายามอย่างไรในการแก้ปัญหานั้นที่ทำให้งานสำเร็จ
หน้าที่ประจำตำแหน่งหรือความรับผิดชอบที่ได้รับ เช่น เป็นหัวหน้าโครงการ มีบทบาทในการเขียนโครงการ วางแผนการทำงาน ประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
คำถามที่มักใช้ เช่น งานที่สำคัญที่คุณรับผิดชอบอยู่นั้นมีอะไรบ้าง
สิ่งที่คุณลงมือทำด้วยตัวเอง ซึ่งสิ่งที่คุณได้รับมอบหมาย (Task) อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณลงมือทำ (Action) เสมอไป เพราะเมื่อเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ คุณอาจลงมือทำมากกว่าที่คุณได้รับมอบหมายมาก็ได้
คำถามที่มักใช้ เช่น อยากทราบว่าคุณได้ใช้แรงกายและแรงใจอย่างไรบ้างที่ทำให้งานที่รับผิดชอบนั้น ได้ประสบความสำเร็จด้วยดี
ผลลัพธ์ที่ได้จากสิ่งที่คุณเล่ามาทั้งหมดคืออะไร หัวข้อสุดท้ายนี้จะเป็นบทสรุปเรื่องราวทั้งหมด และเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณทำงานนี้ไปเพื่ออะไร สิ่งที่คุณทำประสบความสำเร็จขนาดไหน ซึ่งผลลัพธ์อาจวัดได้หลากหลายตามรูปแบบงาน แต่ควรเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
คำถามที่มักใช้ เช่น จากที่โครงการที่คุณได้เล่ามา เห็นว่าคุณได้ลงทุน ลงแรงไปมาก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร
ตัวอย่างที่ไม่ใช้ STAR
ปัญหาที่ผมเจอตอนเป็นหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการของค่าย คือวัตถุดิบที่เตรียมมาเน่าเสีย แล้วคนในค่ายไม่มีอาหารเพียงพอ ด้วยความสามัคคีและความมุ่งมั่นของพวกเรา ในที่สุดพวกเราก็แก้ปัญหาได้สำเร็จ ทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองและมีความสุขมากที่ได้ช่วยให้ชาวค่ายกินอิ่มครบทุกมื้อในค่ายนี้
ตัวอย่างที่ใช้ STAR
S = ตอนที่ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการของค่าย ผมได้รับงบประมาณสำหรับอาหาร 1 สัปดาห์ จำนวน 20,000 บาทสำหรับชาวค่าย 30 คน และได้วางแผนซื้อของสดมาเรียบร้อยแล้ว ปัญหาคือ ผ่านไป 2 วันของสดบางส่วนเน่าเสีย เพราะตอนเลือกซื้อมาไม่ได้ตรวจสอบวันหมดอายุให้ชัดเจน
T = สิ่งที่ผมต้องทำในฐานะหัวหน้าฝ่ายคือคิดวิธีแก้ปัญหา และแบ่งบทสมาชิกฝ่ายทั้ง 4 คนให้ไปทำหน้าที่ต่าง ๆ กัน
A = สิ่งแรกที่ผมทำไป คือให้สมาชิกฝ่ายคิดเมนูอาหารใหม่ที่ใช้ของแห้งแทนไปก่อน ต่อมาผมได้พูดคุยผอ.โรงเรียนและผู้นำชุมชนว่ามีวัตถุดิบของสดและของแห้งที่ไหนพอให้แบ่งมาที่ชาวค่ายได้บ้าง ให้สมาชิกฝ่ายไปช่วยกันรวบรวม พอได้จำนวนมาแล้ว ก็นำมาจัดสรรกันในฝ่ายและทำเมนูอาหารใหม่ให้เหมาะสมกับวัตถุดิบ
R = สุดท้ายผมสามารถบริหารจัดการให้มีอาหารเพียงพอกับชาวค่ายทั้ง 30 คน โดยไม่ต้องเบิกงบเพิ่มเติม และรับได้การประเมินความพึงพอใจของชาวค่ายในระดับดีมาก คิดเป็น 85% จากแบบสำรวจ