Purpose วัตถุประสงค์ในการ Pitching คืออะไร?

• เช่น เพื่อโน้มน้าวใจ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น เพื่อให้พิจารณาและตัดสินใจ

People ผู้ฟังของเราคือใคร 

1. Interpretation หรือการตีความของผู้ฟัง สิ่งที่เราควรต้องรู้คือเขามีความรู้เรื่องไหนบ้าง และเขาเคยผ่านประสบการณ์ใดมาบ้าง เพื่อที่เราจะได้นำเสนอให้ตรงกับความรู้และประสบการณ์ของผู้ฟัง

2. Advantage คือผลตอบแทนที่ผู้ฟังจะได้รับ ซึ่งมีหลายระดับขั้น ตั้งแต่ interest หรือสิ่งที่เขาสนใจ, benefit หรือผลประโยชน์ที่เขาได้ และ advantage คือข้อได้เปรียบที่ผู้ฟังจะได้รับ

3. Personal Style หรือรูปแบบของคนประเภทต่าง ๆ เช่น Analyzer ที่จะชอบการคิดและข้อมูลต่างๆ, Explorer ที่ได้ข้อมูลแล้วคิดต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น, Organizer ที่ชอบจัดการเป็นระบบขั้นตอน, Sensor ที่ชอบใช้อารมณ์ความรู้สึก

Point ประเด็นชัดเจนหรือไม่?

• รวบรวมเนื้อหา กลั่นกรองประเด็น เลือกประเด็นหลัก ลำดับประเด็นและขยายเนื้อหา และทำเป็นโครงสร้างเนื้อหา

  1. Intro 

     • Problem: ปัญหาที่คุณต้องการจะแก้คืออะไร ทำไมปัญหานี้ถึงสำคัญและต้องแก้ (Why)

  2. Development

     • Solution: คุณจะแก้ปัญหาอย่างไร Product คืออะไร เหนือกว่า Solution อื่นที่มีอยู่แล้วอย่างไร (How)

     • Traction/Market/Business Model: ปัจจุบันทำ Product ออกมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มี user เท่าไหร่ โตขึ้นเรื่อย ๆ ไหม ขนาดตลาดใหญ่แค่ไหน มีโอกาสทำเงินอย่างไร

     • Team: ทำไมทีมคุณถึงเหมาะกับการทำสิ่งนี้ มีจุดแข็งอะไรที่คู่แข่งทำแข่งได้ยาก

     • Vision: แผนการในอนาคต

  3. End

     • สรุปเนื้อหา รวมถึง Call to Action

Prop สื่อหรือ Pitch Deck ที่จะใช้ในการนำเสนอ

1. เข้าใจง่าย (Simple): มี 1 ใจความหลักต่อ 1 หน้า slide 

2. ชัดเจน (Clear) : ไล่ลำดับเนื้อหาจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา ใช้ visual elements ต่าง ๆ ประกอบ มีการเว้นพื้นที่ว่าง การใช้ bullet point 

3. น่าจดจำ (Memorable) : มีการใช้ Concept diagrams หรือ Chart ต่าง ๆ 

Presenter ผู้นำเสนอเตรียมตัวพร้อมหรือไม่?

• ให้ความสำคัญกับการซ้อม

• ให้ความสำคัญกับภาษากาย เช่น บุคลิกภาพ การสบตา การแสดงสีหน้า การเคลื่อนไหว ท่ายืน

• ใช้น้ำเสียงให้เหมาะสม ดึงดูดผู้ฟัง