ประเทศที่มีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ ยาวนาน และมีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคมหลายประเทศต่างก็ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บข้อมูลสำคัญของชาติไว้ ด้วยเหตุผล และวิธีการที่แตกต่างกันออกไป เกิดเป็นโครงการหรือหน่วยงานต่างๆ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างให้ได้ศึกษา เรียนรู้ประกอบเป็นแนวทางการดำเนินงานเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี
ไต้หวัน
รัฐบาลไต้หวันตระหนักถึงความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลสำคัญของตนเอง จึงได้มอบหมายให้ Academia Sinica ดำเนินโครงการ National Digital Archives Program (NDAP) ซึ่งเป็นโครงการระดับประเทศ มาตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2545 โดยรวบรวมการดำเนินงานที่ผ่านมาของ 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ the Digital Museum Project, the National Archive Digitization Program, และ the International Digital Library Cooperation Plan
โปรแกรม NDAP ในระยะที่ 1 (2545 – 2549) มุ่งเน้นที่การอนุรักษ์สมบัติทางวัฒนธรรมและ พัฒนาบุคคลากรในอุตสาหกรรมด้าน Digital Content โดยกำหนดมาตรฐานเมตาดาต้าของข้อมูล (Metadata standard) และติดตั้งโปรแกรม/ระบบเฉพาะ ให้กับหน่วยงานพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วย ภาคอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานการศึกษา และ หน่วยงานวิจัยต่างๆ เพื่อให้หน่วยงานเหล่านั้นสามารถนำโปรแกรมหรือระบบที่พัฒนาได้ไปใช้
โปรแกรมได้รับความร่วมมือและยอมรับในระดับนานาชาติทั้งในยุโรปและอเมริกาโดยเฉพาะเรื่องห้องสมุดดิจิทัลและพิพิธภัณฑ์เสมือน
สำหรับการดำเนินงานในระยะที่ 2 นั้นได้เริ่มดำเนินการในปี 2550 มาจนถึงปัจจุบัน มี จุดประสงค์หลักเพื่อรักษาคุณค่าของความเป็นเผ่าพันธุ์ ความหลากหลายของวัฒนธรรม ความโดดเด่น และลักษณะเฉพาะของไต้หวัน โดยแยกเป็น 3 หัวข้อหลัก คือ
กรณีตัวอย่างชีววิทยา วัฒนธรรม ความหลากหลายของสังคมของไต้หวัน
ส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรม การศึกษา สังคม และเศรษฐกิจ ของ NDAP
พัฒนาความร่วมมือกับเครือข่ายนานาชาติ เพื่อสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมไต้หวัน
NDAP ได้บูรณาการทรัพยากรที่มีอยู่และหลากหลายทั่วทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งต้องการความร่วมมือทางการศึกษาและวิจัยที่มีคุณภาพมาร่วมกับเพื่อสร้างสรรค์ข้อมูลดิจิทัล ( digital Content) ที่มีคุณภาพ พร้อมกันนี้ ยังมีการอนุรักษ์ข้อมูลดิจิทัล ด้านชีววิทยา วัฒนธรรม และเครือข่ายองค์ความรู้ รวมทั้งมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ มหาวิทยาลัย สถาบันการวิจัย และชุมชนต่างๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงและโอนย้ายข้อมูลดิจิทัล (digital content)
ขอบเขตข้อมูลของโปรแกรมมีดังนี้
พืช สัตว์ และธรณีวิทยา รวมทั้ง ฟอสรัสของต้นไม้สัตว์ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น และฐานข้อมูลสัตว์ ในท้องถิ่น (Biosphere and Natural)
มนุษยวิทยา และ โบราณมนุษยวิทยา โดยมีการกำหนดมาตรฐานการทำข้อมูลดิจิทัล (Life and Culture)
ฐานข้อมูลต่างๆ (Archives and Database)
สิ่งของมีค่าและภาพเขียนต่างๆ ใน National Palace Museum (NPM) (Art and Illustrations) มีทั้งหมด 8 ภาษา
แผนที่ต่างๆ และ สถาปัตยกรรม รวมทั้ง สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น (Map and Architecture)
การเก็บรักษาและจัดหาเทคโนโลยีสำหรับสาขาที่สำคัญที่จะอนุรักษ์ เช่น วีดีโอ ภาพยนตร์ และรายการทีวี (Languages and Multimedia)
ญี่ปุ่น
รัฐบาลญี่ปุ่นมีวิสัยทัศน์ที่จะจัดสร้างศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อจัดเก็บข้อมูลของชาติซึ่งหมายรวมถึงข้อมูลของรัฐบาล ศิลปวัฒนธรรม สังคม และเรื่องราวของบุคคลทั่วไป โดยให้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึง ข้อมูลดังกล่าวได้อย่างอิสระ ทุกที่ ทุกเวลาผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยมี National Archives of Japan หรือ NAJ ดำเนินการนี้
NAJ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2514 สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และได้เปลี่ยนมาเป็นหน่วยงานอิสระเมื่อปี 2544 ด้วยงบดำเนินการกว่า 7 พันล้านเยน เพื่อให้เกิดเป็นศูนย์ข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บ รักษา เผยแพร่ และบริการให้แก่สาธารณชนได้เข้าถึงได้ โดยได้ดำเนินการ
รวบรวมและเก็บรักษาเอกสารเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาติ
ส่งเสริมการเก็บรวบรวมข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล เพื่อเข้าถึงได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
ขยายและรวบรวมฐานข้อมูลของ Japan Center of Asian Historical Record (JACAR) ซึ่งจะนำมาใช้เพื่อการเรียน การศึกษาสังคมต่อไป
นำเสนอในรูปแบบต่างๆ ต่อสาธารณะได้แก่ งานนิทรรศการและกิจกรรมอื่น ๆ
ส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในรัฐบาลท้องถิ่น, หน่วยงานวิจัยต่างๆ และมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น
ขยายวงจรการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เก็บรักษา กับนานาชาติและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ
ขยายการให้บริการและการเข้าได้ถึงข้อมูลแก่ผู้ใช้โดยทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานที่ทำงานประสานกันภายใต้ NAJ ได้แก่
Japan Center of Asian Historical Record หรือ JACAR หน่วยงานในสังกัด NAJ ก็ได้ถูกตั้งขึ้นในปี 2544 ทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสมัยใหม่และความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วย JACAR ให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 3 ภาษา คือ จีน ญี่ปุ่น และ เกาหลี
National Institute for Defense Studies of the Ministry of Defense (NIDS) หน่วยงานวิจัยและศึกษาด้านการทหารและกลาโหม ที่ช่วยจัดเก็บเก็บรักษาข้อมูลด้านการ ทหารของประเทศ และเผยแพร่ด้วยภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น โดยเก็บรักษาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ข้อมูลทหารบก 81,000 เล่ม และ ข้อมูลทหารเรือ 35,000 เล่ม และมีข้อมูลบางส่วนจาก US National Archives ด้วย และ
The Diplomatic Record Office of the Ministry of Foreign Affairs (DRO) ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่สมัยเมจิเป็นต้นมา
ในส่วนของภาคการศึกษาก็มีโครงการ Info Explosion (2548-2553) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา เช่น สถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยเกียวโต เป็นต้น ภายใต้การสนับสนุนของ กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology หรือ MEXT) เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่
ทั้งนี้ โครงการหวังที่จะได้ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้ มีความปลอดภัยสูงสุด และระบบค้นคืนข้อมูลที่สามารถค้นหาข้อมูลเชิงโครงสร้างและเชิงความหมาย ซึ่งจะทำให้ได้ผลการค้นคืนที่ดีกว่าระบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน จนตลอดหวังที่จะได้หุ่นยนต์ที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
ออสเตรเลีย
National Archive of Australia (NAA) ได้จัดเก็บเพื่อการอนุรักษ์อนุรักษ์ข้อมูลภาครัฐที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2444 เป็นต้นมา เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ตามจริง และเชื่อถือได้เพื่อนำไปใช้งานด้านต่างๆ ต่อไป อีกทั้งยังเป็นโอกาสและสิทธิ์ของสาธารณชนชาวออสเตรเลียทุกคนที่จะเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทั่วถึง กว้างขวาง ซึ่งน่าจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจและภูมิใจในความเป็นชาติของพวกเขา ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถให้บริการบนเครือข่ายผ่านเว็บไซต์ได้ 90 % ในปี 2554
เพื่อให้การจัดเก็บและการเผยแพร่เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องเป็นแบบแผน NAA จึงได้กำหนดมาตราฐานทั้งสำหรับการจัดเก็บและการโอนย้ายข้อมูลภาครัฐ เพื่อจัดเก็บรวบรวมเอกสารข้อมูลต่างๆ เช่น หนังสือ, เอกสาร, รูปภาพ, ภาพวีดีโอ และแผ่นเสียง
สหราชอาณาจักร
ในปี 2542 รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้มีนโยบายเกี่ยวกับการให้บริการ e-Gov พร้อมออกกฎหมาย Freedom of Information Act และมอบหมายให้ The National Archives (TNA) รับผิดชอบดำเนินการจัดทำข้อมูลดิจิทัล โดยจัดเก็บรวบรวมข้อมูลหลากหลายประเภท ทั้ง กระดาษ ภาพนิ่ง เทปบันทึกเสียง วีดีโอ เสียง โมเดล ข้อมูลทาง วิทยาศาสตร์ เป็นต้น และได้กำหนดมาตรฐานสำหรับการโอนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (Open Archives Information System, OAIS) และได้เปิด.shบริการแล้วในปี 2548
สหรัฐอเมริกา
National Archive and Record Administration (NARA) เป็นหน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลภาครัฐในส่วนของฝ่ายบริหาร (Executive) ฝ่ายนิติบัญญัติ (Legislative) ฝ่ายตุลาการ (Judicial) ประธานาธิบดี (Presidential) และเอกชนที่สนับสนุนโครงการ เช่น Lockheed Martin NARA ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อนุรักษ์ข้อมูลของชาติ คัดเลือกและ สนับสนุนการดำเนินการอนุรักษ์ข้อมูลภาครัฐได้อย่างครบวงจร มีการกำหนดมาตรฐานที่ใช้ในการ โอนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (Open Archives Information System - OAIS) ภายใต้กรอบ Federal Enterprise Architecture ทั้งนี้ NARA มีแผนการดำเนินงานระหว่างปี 2550 ถึง 2559
นอกจากนี้ องค์กรระหว่างประเทศอย่าง UNESCO ก็ยังมีโครงการที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Digital photogrammetric, Laser scanning, Remote sensing, Image processing, Multi-scale digital cartography และ Computer visualization แปลงข้อมูลมรดกโลกทั้งหมดให้เป็นข้อมูลดิจิทัล (Digitize) ตามข้อกำหนดของ UNESCO เอง เพื่อเผยแพร่ให้ทุกคนเข้าชมได้อย่างทั่วถึง
อียิปต์
Egyptian Center for Documentation of Cultural and Natural Heritage (CultNat) ประเทศอียิปต์ ได้รวบรวมข้อมูลศิลปวัฒนธรรมของประเทศซึ่งมีประวัติศาสตร์มานาน มากกว่าพันปี โดยการแปลงข้อมูลของพิพิธภัณฑ์อียิปต์ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล อาทิ เรื่องราวของ ปิรามิด ภาพวาด ภาพเขียน หนังสือ เอกสารโบราณ รูปปั้น แจกัน เป็นต้น ให้อยู่ในรูปของดิจิทัล
เอกสารอ้างอิง