ในปัจจุบันนี้มีน้อยคนที่จะไม่เคยได้สัมผัสและใช้งานอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลและข่าวสารบนเว็บไซต์ การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ การสนทนาผ่านโปรแกรมแช็ทต่างๆ และการเข้าเป็นสมาชิกเครื่อข่ายสังคมเช่น ไฮไฟว์ (Hi-5) หรือ เฟซบุ๊ค (Facebook) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ ปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นและหมุนเวียนอยู่บนพื้นที่ไซเบอร์ (Cyberspace) ในแต่ละวันนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล
นอกจากในเรื่องของ ปริมาณของข้อมูลแล้ว อีกด้านหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ ความเปลี่ยนแปลงของเนื้อหา ข้อมูลบนโลกไซเบอร์นั้นไม่เคยที่จะหยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงในทุกวินาที เจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ใช้โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญในการเก็บรักษา ข้อมูลเก่าก่อนที่จะถูกเปลี่ยนแปลง เช่น การเขียนเนื้อหาบนบล็อก (Blog) ก็เป็นการแก้ไขเพิ่มหรือทับเนื้อหาเดิม จะมีเพียงเว็บไซต์ประเภทที่ให้บริการข้อมูลเป็นหลักที่มีการเก็บข้อมูลแบบ ย้อนหลัง เช่น เว็บไซต์ข่าว หรือเว็บไซต์ข้อมูลพยากรณ์อากาศ ซึ่งเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของข้อมูลในโลกไซเบอร์ทั้งหมด
การสืบค้น ข้อมูลย้อนหลังจะทำให้เราสามารถเรียนรู้ถึงวิวัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของ ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติโดยผ่านโลกไซเบอร์ได้ เช่น ในช่วงเวลาหลังจากการเกิดวินาศกรรมการก่อการร้ายในประเทศสหรัฐฯ ข้อมูลข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเว็บข่าวหรือคำค้นคืนจากเสิร์ชเอนจิ้น (Search Engine) จะเกี่ยวข้องกับเหตการณ์ดังกล่าว เป็นต้น
หากจะกล่าวถึงโลกนอก ไซเบอร์แล้ว ที่ผ่านมานั้นประเทศต่างๆได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการอนุรักษ์มรดกทาง วัฒนธรรมและภาษา รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเองไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์เหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงความเป็นชาติพันธุ์และความ เจริญก้าวหน้าของคนในชาติได้เป็นอย่างดี
ในยุคของความเจริญ ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางด้านสารสนเทศ ได้เกิดการตื่นตัวในการนำเอาข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือและเอกสารโบราณ ภาพวาดจิตรกรรมบนฝาผนัง หรือภาพยนตร์ในอดีต มาแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและจัดเก็บบนเครือข่ายฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้จากผู้ใช้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อย่างสะดวก
ใน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการก่อตั้งองค์กรในชื่อ อินเตอร์เน็ต อาร์ไคว์ (Internet Archive – http://www.archive.org) ในปี 2539 โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างห้องสมุดแห่งอินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นแหล่งข้อมูล ดิจิทัลแบบถาวรให้กับนักวิจัย นักประวิติศาสตร์และผู้แสวงหาความรู้ทั่วไป ข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในหลากหลายรูปแบบได้แก่ ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว ซอฟต์แวร์ และหน้าเว็บ ทั้งนี้อินเตอร์เน็ต อาร์ไคว์ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆเช่นมหาวิทยาลัยและห้องสมุดจำนวน มากในการบริจาคและช่วยกันสร้างข้อมูล รวมทั้งให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บอนุรักษ์ข้อมูล
โครงการที่เกิดขึ้นภายใต้ อินเตอร์เน็ต อาร์ไคว์และที่มีความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกนั้นมีมากมาย ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น The Million Book Project และ Wayback Machine สำหรับโครงการ Million Book Project นั้นนำโดยมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และมีความร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศจีนและอินเดีย เป้าหมายหลักของโครงการคือ แปลงหนังสือ 1 ล้านเล่มให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล โดยการใช้ซอฟต์แวร์จดจำตัวอักขระ (Optical Character Recognition) เพื่อให้สามารถสร้างดัชนีและสืบค้นแบบเต็มเนื้อหา (Full-Text Search) ได้ สถานะการดำเนินงานจนถึงเดือนธันวาคม 2550 ได้ทำการสแกนหนังสือไปแล้วกว่า 1.5 ล้านเล่มใน 20 ภาษา เนื้อหาของหนังสือมีหลากหลายแต่ที่เน้นมากที่สุดคือ ด้านการเกษตรกรรม เนื่องจากโครงการนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากองค์กร FAO ของสหประชาชาติ
อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจคือ Wayback Machine ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ใช้เดินทางย้อนกลับไปดูหน้าเว็บในอดีต Wayback Machine แตกต่างจากเสิร์ชเอนจิ้นทั่วไปคือ เป็นการทำดัชนีในรูปแบบ 3 มิติ คือนอกจากเนื้อหาบนหน้าเว็บแบบแนวนอนและตั้งแล้วยังมีแกนเวลาประกอบด้วย หน้าเว็บเมื่อถูกเก็บบันทึกไว้ จะสามารถเรียกมาดูได้ประมาณ 6 ถึง 12 เดือนหลังจากนั้น ความถี่ในการบันทึกเก็บในแต่ละเว็บไซต์ไม่เท่ากัน ในปี 2006 ข้อมูลภายในระบบมีประมาณ 2 เพต้าไบท์ (petabytes) หรือเท่ากับ 2 ล้านกิกะไบต์ (gigabyte) ซึ่งมากกว่าจำนวนของข้อมูลในห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากใน ประเทศสหรัฐฯแล้ว ในกลุ่มประเทศยุโรปก็ได้มีการจัดตั้งองค์กรในลักษณะเดียวกันนี้ในชื่อว่า ยูโรเปี้ยน อาร์ไคว์ (European Archive – http://www.archive.org) โดยมีสมาชิก 25 ประเทศในยุโรปเข้าร่วม เป้าหมายในการดำเนินงานจะคล้ายกับ อินเตอร์เน็ต อาร์ไคว์ แต่จะเน้นเพียงข้อมูลของประเทศในยุโรปเท่านั้น
โดย ภาพรวมแล้วการจัดทำห้องสมุดอินเตอร์เน็ตนั้นจะได้ประโยชน์ต่างๆ มากมาย เช่น การบันทึกข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาไว้เป็นระยะเพื่อสามารถอ้างอิงได้ การทำให้คนในชาติสามารถใช้สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลได้ การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการใช้ภาษาและคำที่เกิดขึ้นตามยุคสมัย การศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มสังคมไซเบอร์ เป็นต้น
ประเทศไทยซึ่งมี ประวัติศาสตร์มายาวนาน มีวัฒนธรรมท้องถิ่นและภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการจัดทำห้องสมุดอินเตอร์เน็ตแห่งชาติ ที่ทำการรวบรวมและแปลงข้อมูลต่างๆให้เป็นรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือหนังสือโบราณ ใบลานที่จารึกภาษาท้องถิ่น
รวม ทั้งการบันทึกภาพวาดจิตรกรรมในพระวิหาร และการบันทึกภาพเคลื่อนไหวการฟ้อนรำในท้องถิ่นต่างๆ นอกจากนี้ยังควรมีการเก็บบันทึกหน้าเว็บภาษาไทยตามช่วงระยะเวลา (Web Archive) เพื่อให้คนรุ่นหลังสามารถค้นหาและดูประวัติศาสตร์ไทยผ่านทางโลกไซเบอร์ได้ ห้องสมุดอินเตอร์เน็ตแห่งชาติจะช่วยอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ภาษาและภูมิปัญญาของชาติให้คงอยู่และไม่สูญหายไปกับกาลเวลา