ธรรมนิพนธ์

วันที่โพสต์: 29 พ.ย. 2016, 13:57:55

เมตตา คือขณะจิตเป็นกุศลที่จะให้ผู้อื่นได้รับความสุข กรุณาก็คือเมื่อบุคคลนั้นมีความทุกข์ เราก็คิดหรือมีความหวังดีที่ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ มุทิตาก็คือเมื่อใครได้ดีมีสุข เราก็ยินดีในกุศลกรรมที่เขาได้ทำมาที่ทำให้เขาได้รับสิ่งนั้น ๆ อุเบกขาก็คือเมื่อเราไม่สามรถที่จะช่วยอะไรได้ ทุกอย่างก็เป็นไปตามกรรม วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม ฝนตกตลอดวันตลอดคืนตั้งแต่วันที่ 14 - 15 - 16 ตุลาคม 2553 วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2553 Sometime ได้เปิดคอมฯ โพสกระทู้อยู่สักครู่เดียวเท่านั้นเพราะใจไปอยู่ที่วัดตั้ง นานแล้วฝนก็ตกแต่เริ่มซาเม็ดลงคิดว่าพอที่จะเดินทางไปวัดได้โดยไม่ตัวเปียก(คิดอย่างนั้น)12 .00 น.จึงรีบอาบน้ำชำระกายให้สะอาด(เพราะต้องไปเข้าร่วมพิธี)ข้าวไม่กินแล้วหยิบ ไวตามิลเจ กล่องเดียวใส่ชุดขาวเดิน ทางไปที่วัด พอไปถึงมีพิธีแห่เจ้าแม่ และ นาจา ซาไท้จื้อ และ ฯลฯซึ่งอัญเชิญมาจากไต้หวันจึงรีบถ่ายภาพทันที ส่วนในมลฑลพิธีนั้นพระสงฆ์กำลังสวดมนต์อยู่และยังมีคนส่วนหนึ่งตั้งใจสวดมนต์อยู่

โดยไม่ได้ออกมาข้างนอกดู พิธีแห่ด้วยขบวนแห่ออกจากวัดตรงไปที่ศาลประดิษฐานพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์โดยเจ้าหน้าที่จราจรและ เจ้าที่ของไต้หวันคอยให้ความสะดวก{Sometime}จึงรีบวิ่งตามขบวนแห่ไปเพื่อเก็บภาพให้ได้มากที่สุด (ฝนหยุดตก)ชั่วขณะหนึ่งนับว่าแปลกพอสมควร(พอเสร็จพิธีแห่เจ้า)ฝนกลับเทลงมาอย่างหนักเลยถ่ายภาพไปวิ่งไป - วิ่งมา เกิดหิวจัดเลยแวะเติมพลังด้วย ก๋วยเตี๋ยวหลอด เจ ริมข้างทางน้ำแข็งเปล่้าเยอะ ๆ เสร็จแล้ววิ่งไปถ่ายรูปต่อขบวนแห่ยาวมากทั้งเจ้าหน้าทีตำรวจและเจ้าหน้าทีจากไต้หวันทำงานอย่างหนักเพราะถึงฝนจะตกคนก็ยังมาอย่างล้นหลาม ทั้งคนทาน เจ และไม่ทาน เจ พอรู้ว่ามีพิธีสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ก็มาอย่างล้นหลาม ต่อจากนั้นก็เป็นพิธีโปรยทานและพิธีกราบไหว้พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์โดยคณะธรรมฑูตจากไต้หว้น 15.00 น.ฝนเทลงมาอย่างหนักอีกรอบดูนาฬิกายังพอมีเวลาไปเวียนเทียน 19.00 น. จึงนั่งหลบฝนอยู่ริมฟุต บาท คิดอยู่ว่าฝนจะหยุด

หรือไม่ ปรากฏว่าฝนหยุดตกราว ๆ 18.00 น.จึงเดินไปที่ศาล อากงเพื่อรอเวลาเวียนเทียน ระหว่างรอก็สวดมนต์และอ่านพระสูตร สรฺว ตถาคตา ธิษฐาน หฤทัย คุหฺ ธาตุ ครณฺฑ มุทราธารณี สูตร การอ่านพระสูตรเล่มนี้ต้องล้างมือให้สะอาดก่อนจับพระสูตร พระสูตรเล่มมนี้ แปลโดย พระวิศวภัทร เซียะเีกี๊ยกระหว่างที่รอเวียนเทียนนี้ อาซิ้ม - อาม่าก็นั่งสวดมนต์ไปด้วยและมีผู้คนมากราบไหว้อากงด้วยตอนแรกคนไม่เยอะเท่าไรพอใกล้ ๆ 19 .00 น. คนเริ่มมาเยอะขึ้น ๆ ทุกที อ่านพระสูตรไปสวดมนต์ไป 19.00 น.ตรงพระสงฆ์มาแล้วเริ่มพิธี เวียนเทียน 3 รอบภายในศาลอากงเวียนเทียนเสร็จพระสงฆ์นำสวดมนต์หลายบทเลยมี{ซิมเก็ง}ด้วยสวดมนต์เสร็จนั่งสมาธิแผ่เมตตาโดยมีพระสงฆ์นำกล่าวคำแผ่เมตตา เสร็จก็ถึงพิธีกรวดน้ำอุทิศแก่สรรพสัตว์ แล้วก็ถวายปัจจัยแด่พระ

สงฆ์ พระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์แจกกระดาษยันต์แจกส้มผลไม้มงคง เสร็จพิธีที่ศาลอากง 21.00 น.Sometime เดินไปที่วัดต่อที่นั่นพระสงฆ์สวดมนต์ใกล้เสร็จพอดีจากนั้นพระสงฆ์ก็เดินนำเวียนเทียนในรอบวัด Sometime เลยถือโอกาสเก็บรูปอีกรอบจากนั้นก็วิ่งไปต่อท้ายแถวเวียนเทียนอีกรอบก่อนกลับบ้าน ขากลับบ้านฝนตกตลอดทางแต่ไม่แรงมากนักดึกมากแล้วไม่มีรถเข้าบ้านพอถึงบ้านก็กินข้าวแต่ไม่อาบน้ำแล้วเข้านอน ปรากฏว่านอนไม่หลับภาพที่วัดและงานตลอดทั้งวันในวันนี้ 16 ตุลาคม 2553 ยังคงติดตาอยู่ในสมองเลยสวดมนต์ในใจว่า นำโมออนีทอฮุก ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลับไปตื่นเช้าวันที่ 17 ตุลาคม 2553 เวลา 08.00 น.ต้องรีบไปส่ง พระพุทธเจ้าทั้ง ๙ พระองค์กลับสู่สวรรค์และพระสงฆ์ให้ศีล ให้พร จากวันที่ พฤหัสบดี 7 ตุลาคม 2553 จนกระทั่งถึงวันนี้อังคารที่ 19 ตุลาคม 2553 ยังไม่มีเนื้อสัตว์ตกถึงกะเพาะอาหาร Sometime เลย ถึงแม้ว่าจะออก เจ แล้วแต่ Sometime ยังคงกิน เจ อยู่ ยังนึกถึงเหตุการณ์ตลอด 10 วันที่ผ่านมาโดยไม่รู้ลืมและพิธีเทศกาล กินเจ ประจำปี 2553