ประโยชน์จากการฟังพระธรรม

วันที่โพสต์: 3 เม.ย. 2014, 14:50:30

ประโยชน์จากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรง แสดง ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง ที่กำลังมี กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง ซึ่งสิ่ง ที่ศึกษานั้น ไม่พ้นจากขณะนี้เลย ไม่พ้นไปจาก สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ถึงแม้จะมี สภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ แต่เพราะไม่รู้ จึงต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ จริงๆ ก่อนอื่น เมื่อกล่าวถึงคำอะไร ก็ต้องเข้าใจให้ชัดเจน ในคำที่กล่าวถึงด้วย จึงจะ เป็นประโยชน์ในการศึกษาอย่างแท้จริง แม้กระทั่งคำว่า ความคิดนึก ขณะที่คิด เป็นธรรมที่มีจริงเป็น จิต ที่คิด คิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ จากการได้เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ได้กลิ่นบ้าง รวมไปถึงในขณะที่ฝันด้วย ดังนั้น ขณะที่คิด อะไรที่มีจริงก็ ต้องเป็น จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง (และเมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้อง มีสภาพธรรมที่เกิดร่วม

กับจิต คือ เจตสิก ด้วย) ส่วนเรื่องราวที่ จิต คิดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่รูปธรรมและ นามธรรม แต่เป็นบัญญัติเรื่องราวต่าง ๆ เรื่องราวต่าง ๆ นั้น เป็นสิ่งที่จิตรู้ เรื่องราว จึงเป็น อารมณ์ของจิต ที่กำลังคิดในขณะนั้น ซึ่งก็จะเข้าใจไปถึงคำว่า อารมณ์ ด้วย เพราะสิ่งใดก็ตามที่จิตรู้สิ่งนั้นเป็น อารมณ์ ของจิต เพราะฉะนั้น ตัวที่คิด คือ สภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก ไม่ใช่สมมติบัญญัติ เป็น ปรมัตธรรม เรื่องราวที่คิดเป็นชื่อ เป็นสมมติบัญญัติชื่อ กับ สมมติบัญญัติ จึงเหมือนกัน ขณะนี้ กำลังเห็น เห็น เพียง สี ยังไม่ได้คิดนึก แต่ เมื่อเห็นแล้ว เพียงแค่ เห็น เป็น ใคร เป็นสัตว์ บุคคล ขณะนั้น คิดนึกแล้ว ทางใจ ครับ ซึ่ง การอบรมปัญญา ในหนทาง ที่ถูกต้อง ไม่ใช่การดูจิต ตามที่เข้าใจกัน และ เป็นคนละหนทางกัน ไม่ใช่หนทาง เดียวกัน ตามที่ บุคคลอื่น

เข้าใจ การดูจิต เป็นตัวตนที่มีความต้องการอย่างละเอียด โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นหนทางผิด ขัดกับหลักอนัตตา เพราะ ในความเป็นจริง ไม่มีเราที่ จะไปตามดูจิต ที่สำคัญ สติและปัญญาจะเกิดได ก็ด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรมเป็น สำคัญ ไม่ใช่การละทิ้ง ชื่อพระธรรม เพราะ การศึกษาชื่อพระธรรมเพื่อให้เข้าใจ ลักษณะ สภาวะของพระธรรมในขณะนี้ โดยไม่มีตัวตนไปตามดูจิตแต่อย่างไร ซึ่งแล้ว แต่ว่า สติและปัญญาจะเกิดรู้เมื่อไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเกิด เพราะต้องอบรมปัญญา ความคิดนึกเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ๆ ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม ได้แก่จิต และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย ที่เป็นไปทางใจ เพราะตามปกติแล้ว จิต เกิดขึ้นรู้อารมรณ์ทาง ๕ ทวาร ทวารหนึ่งทวารใด แล้ว ต่อด้วยวิถีจิตทางใจ โดยมี ภวังคจิตคั่น นี้คือความเป็นจริงของธรรม หรือ แม้ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่ได้ถูกต้องกระทบสัมผัส ก็คิดนึกได้ คิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคย เห็นเคยได้ยิน เป็นต้น สภาพธรรมที่คิด มีจริง เรื่องที่คิดไม่มีจริง ไม่มีใครที่จะไป บังคับบัญชา ไม่ให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้นเป็นไปได้เลย เพราะธรรม เกิดเพราะเหตุปัจจัย ประโยชน์ที่ควรพิจารณา คือ เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง ๆ ใน ขณะนี้ ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ก็ตาม ที่สำคัญต้องมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ค่อย ๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปเรื่อย ๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม

บทความจาก..........................มูลนิธิบ้านธรรมะ

มัชฌิมประภาสปุญสถาน

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัย เกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืน จิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้ มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ