ปัญญ์ธรรม

วันที่โพสต์: 6 เม.ย. 2014, 8:22:39

เวลาที่กล่าวว่าใครดีใครชั่ว เพราะอะไร? เพราะจิตดีหรือจิตชั่ว ถ้าจิตดี ก็กล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นคนดี เพราะเหตุว่า กายก็ดี วาจาก็ดี ตามจิตที่ดี แต่ถ้าจิตไม่ดี จะกล่าวว่าคนนั้นดีได้ไหม? ก็ไม่ได้ จุดประสงค์สูงสุดของการฟังพระธรรม ไม่ใช่เพียงการฟังเฉยๆ แต่จะต้องให้ถึงบรรลุ สูงสุด คือ การดับกิเลสเป็นสมุจเฉท(ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ซึ่งถ้าไม่อาศัยการฟัง พระธรรม จะไม่มีโอกาสที่จะดับกิเลสเลย เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะได้ทราบว่า ฟังทำไม พิจารณาธรรมทำไม ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทำไม? เพื่อการดับกิเลส ผู้ที่เป็นบัณฑิต คือ ผู้ที่เจริญกุศลทุกประการ จึงไม่เบียดเบียนตนเองและ ไม่เบียดเบียนบุคคลอื่น และเมื่อคิด ก็คิดเพื่อเกื้อกูลแก่ตน เกื้อกูลแก่ผู้อื่น นั่นคือผู้ที่เป็นบัณฑิต ขณะใดที่ขุ่นเคืองใจ ขณะนั้นเบียดเบียนตน แล้วเบียดเบียนบุคคลอื่นด้วย แต่ว่า ขณะใดที่ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ในขณะนั้นก็เกื้อกูลตน เกื้อกูลผู้อื่น ถ้าขณะใดที่เห็นแก่ตัว ขณะนั้นไม่ใช่กุศล ไม่ใช่การเกื้อกูลตนเอง ไม่ใช่เกื้อกูลบุคคลอื่น ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจเป็นมิตรกัน การกระทำและวาจาก็ย่อมจะทำให้ระลึกถึงกัน เพราะเหตุว่าเป็นการกระทำเป็นการกระทำที่ดีต่อกัน และวาจาก็เป็นวาจาที่ดีต่อกัน นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงกุศลจิตในขณะนั้นได้ ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับแต่ละบุคคล เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นสิ่งที่ สามารถที่จะประจักษ์แจ้ง รู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิตประเภท ใด ๆ ก็ตาม กุศลไม่ใช่อยู่ที่อื่น ไม่ใช่อยู่ที่ข้าว ไม่ได้อยู่ที่อาหาร กุศลอยู่ที่จิต การทำกุศลมีหลายประเภท การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้ นักเรียนขาดแคลน อาหารกลางวัน คน

เจ็บไข้ได้ป่วย ครอบครัวซึ่งกำลังทุกข์ยาก แล้วแต่ท่านผู้ฟังจะ เกิดกุศลจิต คือ อโลภะ ความไม่เห็นแก่ตัวขณะใด แล้วก็สละวัตถุเพื่อประโยชน์สุขของ บุคคลอื่นได้ ขณะนั้นเป็นกุศล ซึ่งจะทำให้เกิดจิตใจปลาบปลื้มโสมนัสได้ตามกำลัง ของกุศล พระอรหันต์ดับทั้งกุศลและอกุศล เพราะเหตุว่าถ้ายังเป็นกุศลอยู่ ก็ยังเป็นกรรมที่ จะทำให้วิบากจิตเกิดขึ้น ก็ยังไม่ชื่อว่าดับทุกข์ เพราะฉะนั้น พระอรหันต์เมื่อดับกิเลสแล้ว ก็ดับกรรม ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม จิตของพระอรหันต์เป็นวิบากจิตและกิริยาจิต เพียง ๒ ชาติเท่านั้น จะเห็นได้ว่า ความลำบากทั้งหลายมาจากโลภะทั้งสิ้น ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนหลับ เริ่มตั้งแต่เช้า การบำรุงรักษาร่างกาย ตั้งแต่ตื่น บำรุงผิวด้วยสบู่ หรือว่าด้วยเครื่อง บำรุงต่างๆ บำรุงผม บำรุงรักษาส่วนต่างๆของร่างกาย ทั้งเช้าถึงค่ำ ลองพิจารณาะว่า ทำตัวให้ลำบากไหม ทางวาจา ก็มีเรื่องลำบากหลายเรื่องเหมือนกัน สำหรับบางท่าน เช่นพูดคำหลอก ลวงคนอื่น ในขณะนั้นก็ลำบากแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็ย่อมไม่

ลำบาก หรือบางท่านก็ถึงกับใช้คนอื่นให้ไปว่าคนที่ตนไม่พอใจ นี่ก็เป็นสิ่งซึ่งเป็น ชีวิตประจำวันจริงๆ จะว่าโลภะ ดีนั้น เป็นไปไม่ได้เลย สำหรับคนที่ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตาม ความเป็นจริง เป็นที่เข้าใจอยู่ว่า ทุกคนในโลกนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในสังสารวัฏฏ์ไม่ได้ ถ้าปราศจากโลภะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม โดยลักษณะสภาพแท้จริงของโลภะแล้ว เป็นอธรรม คือ ไม่ใช่ธรรมฝ่ายดี โดยส่วนเดียวเท่านั้น อกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ทำให้เป็นผู้ตรง จะเห็นได้ว่า ที่กุศลจิตจะเกิดต้องประกอบด้วยโสภณสาธารณเจตสิก(เจตสิกฝ่ายดี ที่เกิดร่วมกับจิตที่ดีงามทุกประเภท) เพราะเหตุใดจึงไม่ง่ายที่กุศลจิตจะเกิด เพราะนอกจากจะต้องเป็นผู้มีศรัทธา มีสติระลึกได้ มีหิริ ความรังเกียจอกุศล มีโอตตัปปะ ที่เห็นโทษภัยของอกุศล และถอยกลับจากอกุศล ยังจะต้องมีอโลภ

เจตสิก อโทสเจตสิก และเจตสิกอื่นๆซึ่งเป็นโสภณสาธารณเจตสิกด้วย วันหนึ่งๆจะเห็นได้ว่า ต้องอบรมเจริญกุศลต่อไปอีกๆ จนกว่ากุศลจะเพิ่มขึ้นๆจริงๆ และในวันหนึ่งๆ ทุกคนซึ่งเป็นผู้ตรง ก็จะรู้ได้ว่า กุศลเกิดมากหรือน้อยเทียบกับเวลาของ วันเวลาในวันหนึ่ง ตอนเช้ามีกุศลสักกี่ขณะ กี่เหตุการณ์ ตอนกลางวัน มีกุศลหรือเปล่า ตอนเย็นมีกุศลไหม หรือว่าโลภะบ้าง โทสะบ้าง และก็ความหวั่นไหวด้วยอคติต่างๆบ้าง ต้องการที่จะเจริญเมตตาหรืออยากจะท่องเมตตา? วันหนึ่งท่องมาก แต่ว่า ไม่เมตตาเลย หรือว่าไม่ต้องท่อง แต่คิดถึงใครก็คิดด้วยจิตที่เมตตา และก็คิดแต่ ประโยชน์ที่จะเกื้อกูลบุคคลอื่น แล้วเวลาที่พบกัน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายมี ปฏิสันถาร(ต้อนรับ) เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยากไหม? หรือไม่ยากเลย ง่ายมาก ซึ่งก็ต้องแล้วแต่จิตใจของแต่ละบุคคล พระธรรมเริ่มจะส่องเป็นกระจกอย่างดี ที่จะเห็นทุกซอกมุมของจิตใจของตนเองว่า เป็นบุคคลประเภทใด แต่ต้องเป็นผู้ตรงด้วย ธรรมเป็นเรื่องของตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ตั้งแต่เกิดจนตาย พระธรรมที่ พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลจริงๆ เรื่องของการเห็น แล้วก็ชอบใจ ไม่ชอบใจ เกิดการกระทำทางกาย ทางวาจาที่เป็นด้วยกุศลจิตบ้าง อกุศลจิตบ้าง เพราะฉะนั้นเมื่อได้ศึกษาพระธรรมแล้ว ก็ย่อมเป็นผู้ที่เข้าใจสภาพธรรมที่ตัวเองชัดเจน ถูกต้อง การฟังพระธรรม เรื่องของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จะโดยนัยใดๆ ก็ตาม เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก.

Credit By......................

ทุกข์เกิดจากการที่ไม่ได้ตามปรารถ.mp3