ที่ตั้งจิตไว้ชอบ

วันที่โพสต์: 3 เม.ย. 2014, 15:04:58

พระธรรมทุกบท มีประโยชน์และมีค่า สำหรับผู้ที่ตั้งจิตไว้ชอบ ด้วยกุศลธรรมหาก แต่ว่า การศึกษาพระธรรม ที่ไม่ดีที่เรียกว่า การศึกษาพระธรรมแบบ จับงูพิษ ที่หาง งู พิษย่อมแว้งกัดได้ เพราะจับไว้ไม่ดี ก็ทำให้เป็นทุกข์ปางตายฉันใด การศึกษาพระธรรม อันเป็นไปด้วยอำนาจกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อละ สละขัดเกลา มีการเพื่อให้ได้ลาภ สักการะ สรรเสริญ รวมทั้ง เพื่อว่าร้ายผู้อื่น ๆ สรุปคือ ศึกษาพระธรรม เพื่อการเพิ่มอกุศล หรือ อกุศลเจริญขึ้น ย่อมมีโทษกับผู้ที่ศึกษาและกล่าวธรรมในทางที่ผิด เพราะการตั้งจิตไว้ ผิด ตั้งจิตในทางอกุศลนั่นเองซึ่งในพระไตรปิฎก แสดงไว้ว่า มีสมณพราหมณ์จำนวนมาก ต่างก็โต้เถียงกล่าว ว่า ด้วยถ้อยคำที่กล่าวด้วยธรรมของตนในกันและกัน ผู้หนึ่งเห็นเหตุการณ์นี้จึงกราบทูล พระพุทธเจ้าว่าสมณพราหมณ์เหล่านี้ มีการโต้เถียง ขัดแย้ง เป็นอานิสงส์ หรือ เป็นผล ส่วนธรรมของพระองค์มีอะไรเป็นผล อานิสงส์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมที่บุคคลศึกษา ดีแล้ว ย่อมมี วิชชาและวิมุตติ คือ การหลุดพ้นจากกิเลสและการเกิดเป็นอานิสงส์ คือ เป็นผล ดังนั้น ผู้ที่ศึกษาธรรมที่ผิด ทำให้มีการโต้เถียง และกล่าวว่ากันด้วยการยกธรรม อานิสงส์ หรือ ผล ของการกระทำนั้น ก็ตรงกันข้ามกับ

การศึกษาธรรมที่ถูก ผล คือ เพิ่ม อกุศล คือ อวิชชา ความไม่รู้และกิเลสประการต่าง ๆ และทำให้ไม่หลุดพ้นจากกิเลส และไม่หลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตายได้

เลยนี่ คือ ผลของผู้ที่ ศึกษาธรรมผิดมีการยกพระธรรมมาว่าร้ายกัน เป็นต้นและขณะที่ตั้งใจว่าร้าย แม้คำนั้น จะเป็นคำที่สุภาพตามชาวเมืองกล่าวกัน หรือ เป็นคำที่เป็นพระธรรมของพระพุทธเจ้า แต่มีจิตร้าย ที่เป็นโทสะ ต้องการว่า ขณะนั้นก็เป็นผรุสวาจาแล้ว เป็นคำหยาบ หาก ครบกรรมบถ ถ้ากรรมให้ผล ก็ทำให้ไปอบายภูมิได้การศึกษาพระธรรม จึงเป็นไปเพื่อละ

สละขัดเกลากิเลส ดังนั้น การศึกษาพระธรรม จึงมีโทษและมีประโยชน์ หากเป็นผู้ตั้งใจไว้ไม่ดี และ ดีการแสดงธรรมที่ถูกต้อง จึงต้องเป็นไปเพื่อนุเคราะห์ เกื้อกูลกับผู้ที่ได้รับฟัง ให้ได้รับประโยชน์ ธรรมนั้นจึงจะ บริสุทธิ์ และเป็นไปเพื่อละ สละกิเลสกับทั้งผู้แสดงและผู้ฟัง อันเป็นไปในการที่จะได้ รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเพราะไม่มีพระธรรมบทไหนเลย ที่จะแสดงให้ผู้แสดง ธรรมและผู้รับฟังเกิดอกุศล ดังนั้น โทษของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไม่มีโทษ มีแต่ผู้ที่ศึกษาพระธรรมเองเท่านั้นการแสดงธรรม หรือ การกล่าวธรรม รวมไปถึงการสนทนาธรรม ด้วย ทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อลาภ สักการะ สรรเสริญ ไม่ใช่เพื่อโต้เถียงหรือแข่งกันว่า ใครจะเก่งกว่ากัน เป็นต้น แต่เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้รับฟัง

เป็นสำคัญที่จะ ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ได้ฟัง อันเป็นความจริง เป็นสิ่งที่มีจริงที่พระสัมมาสัมพุทธ เจ้าทรงแสดง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ถ้ากล่าวธรรม ด้วยการตั้ง จิตไว้ไม่ชอบ ซึ่งก็คือ ตั้งจิตไว้ผิด (เป็นอกุศล) ย่อมไม่บริุสุทธิ์เลย เป็นการเพิ่มอกุศล ให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น ขึ้นชื่อว่าอกุศลแล้ว ไม่ดีเลย โดยประการทั้งปวง ครับ ดังนั้น การกล่าวธรรม เพื่อกระทบผู้อื่น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และ ไม่ใช่การกล่าวธรรมเพราะ ขณะนั้น จิต เป้นอกุศล ไม่ใช่ กุศล พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓- หน้าที่ ๓๓๔ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ การแสดงธรรมแก่ผู้อื่น ไม่ใช่ทำได้ง่าย ภิกษุเมื่อจะแสดงธรรมแก่ผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ ประการไว้ ภายใน แล้วจึงแสดงธรรมแก่ผู้อื่น ๕ ประการเป็นไฉน ?

คือ ภิกษุพึงตั้งใจว่า.............................

เราจักแสดงธรรมไปโดยลำดับ ๑

เราจักแสดงอ้างเหตุผล ๑

เราจักแสดงธรรมอาศัยความเอ็นดู ๑

เราจักเป็นผู้ไม่เพ่งอามิสแสดงธรรม ๑

เราจักไม่แสดงให้กระทบตนและผู้อื่น ๑

แล้วจึงแสดงธรรมแก่ผู้อื่น ดูก่อนอานนท์ การแสดงธรรมแก่ผู้อื่นไม่ใช่ทำได้ง่าย ภิกษุเมื่อจะแสดงธรรม แก่ผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ ประการนี้ไว้ในภายใน แล้วจึงแสดงธรรมแก่ผู้อื่นพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นปรากฏเป็นไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทุกวัน ทุกขณะ เพื่อให้พุทธบริษัทเห็นโทษภัยของอกุศลธรรม และเห็นถึงภัย ของ สังสารวัฏฏ์ ซึ่งตราบใดที่ปัญญายังไม่ได้อบรมเจริญจนกระทั่งถึงขั้นที่จะดับ กิเลสทั้งปวง ได้โดยเด็ดขาด สังสารวัฏฏ์ก็จะไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นถ้าไม่ได้

อาศัยพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พุทธบริษัทก็จะไม่เห็นโทษภัยของ อกุศลธรรมและภัยของสังสารวัฏฏ์แล้วก็จะไม่มีการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะ ประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง แต่เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสัตว์โลกทั้งปวง พระองค์จึง ทรงแสดงธรรม เพื่อปลดเปลื้องหมู่สัตว์ออกจากสังสารวัฏฏ์ โดยที่พระองค์ไม่ ทรงหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เลย จากการแสดงธรรมของพระองค์ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นความจริง ดังนั้น ผู้ที่กล่าวธรรม ก็ควรที่จะแสดงแต่ความจริงตามที่พระองค์ทรงแสดง เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจ ถูกเห็นถูก เป็นสำคัญ ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น และที่สำคัญ ขณะที่กล่าวธรรม สนทนาธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกนั่นไม่ใช่การคลุกคลี เพราะการคลุกคลี เป็นเรื่องของอกุศล

Credit By.............................Click

มัชฌิมประภาสปุญสถาน

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัย เกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืน จิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้ มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ