ยันต์ประทุมรัตนจักร

Post date: Aug 9, 2011 3:44:09 AM

ประกอบด้วยเครื่องหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ ดังแสดงรายละเอียดและความหมายได้ดังนี้

1. วงกลมด้านนอกล้อมรอบด้วยบทสวดบูชาพระนเรศวรมหาราช

“อิติจิตตัง เอหิ เทวะตาหิ จะมหาเตโช นะระปูชิโต โสระโส ปัจจะยา ทิปปะติ นะเรโส จะ มหาราชา เมตตา จะ กะโรยังมหาลาภัง จะทาโสถี ภะวันตุเม นะชาลีติ”

อย่างที่ทราบกันดีว่าพระนเรศวรมหาราชท่านเป็นมหากษัตริย์ไทยองค์หนึ่งที่มีความสำคัญ และมีพระคุณต่อประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง ท่านคือปูชนียบุคคลที่เป็นแบบอย่าง และเป็นผู้ประกาศอิสรภาพแก่ชาติไทย ฯลฯ ถือได้ว่าท่านใดที่บูชาท่านย่อมได้รับอานิสงส์ในส่วนต่างๆ นี้ด้วย นั่นคือมีความเป็นไทแก่ตนเอง

2. ดาว 6 แฉก หรือเรียกกันว่า ดาวเดวิด หรือดาวประทุมรัตนจักร ดานในวงกลม

ในสมัยโบราณเรียกยันต์เฉลว หรือยันต์ 6 แฉก เป็นเครื่องหมายถึงยันต์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในสมัยโบราณนั้นใช้เฉลวในงานต่างๆ เช่น ใช้ในการแพทย์แผนโบราณ ว่ากันว่าหม้อที่บรรจุยาถ้าไม่ลงคาถามีเฉลวปักกันไว้ เมื่อผ่านบ้านหมออื่นหรือคนหรือสิ่งใดที่ถือ อาจทำให้เครื่องยาที่มีอยู่ในนั้นเสื่อมคุณภาพหายความศักดิ์สิทธิ์ หรือกันไม่ให้ใครเติมอะไรลงไปหรือกันอะไรที่จะไปทำลายยาให้เสียไป ดังนี้จึงต้องปักเฉลวไว้ เวลาคลอดลูกอยู่ไฟโบราณก็มีการปักเฉลวด้วย นอกจากปักเฉลวแล้วยังมีการเสกคาถาอาคมลงยันต์บนเฉลวที่ใช้ปักหม้อยาด้วย

นอกเหนือจากนี้แล้ว ดาวเดวิด ยังเกี่ยวข้องกับดาวพระโพธิสัตว์ รวมถึงเชื่อมโยงกับสิ่งที่มองไม่เห็น ศาสตร์ลึกลับ และเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณอีกด้วย

ในความหมายของดาวประทุมรัตนจักรตามที่อาจารย์ศุภรัตน์ได้กล่าวไว้ คือดาวที่มีดอกบัวอยู่ตรงกลาง และเมื่อหมุนจะกลายเป็นจักร

นอกจากนี้แล้ว แฉกทั้ง 6 ของดาว ยังให้ความหมายถึงดาวศุกร์ หรือดาววีนัส ซึ่งเป็นดาวแห่งโภคทรัพย์หรือความร่ำรวย และถ้ามองในอีกมุมหนึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นลักษณะของปิรามิดจำนวน 6 แท่งวางต่อกัน ซึ่งปิรามิดยังสื่อความหมายถึงการเชื่อมโยงกับพลังของจักรวาล และด้วยคุณลักษณะพิเศษของปิรามิด ที่จะช่วยสะท้อนพลังงานที่ไม่ดีออกไปด้วย

3. ยันต์ต่างๆ ที่อยู่ในวงกลมและดาวประทุมรัตนจักร

3.1 นะ ใช้แทนบทสวดที่ขึ้นต้นด้วย นะ ทั้งหมด เช่น

  • นะชาลีติ (อานุภาพในทางโชคลาภ เมตตามหานิยม อีกทั้งใช้เป็นคาถาบูชาพญาครุฑด้วย)
  • นะโมพุทธายะ (พระนามของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งเรียกกันว่าคาถาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์)

3.2 มะ ใช้แทนบทสวดที่ขึ้นต้นด้วย มะ ทั้งหมด เช่น

  • มะอะอุ (บทสวดบูชาพระโพธิสัตว์ และพระตรีมูรติ)

ซึ่งพระตรีมูรติ ประกอบไปด้วย พระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ์ ซึ่งทั้ง 3 พระองค์เป็นเทพผู้บันดาลความเป็นไปของมวลมนุษย์ในโลก หรือ 3 ภพภูมินั้นเอง

3.3 อิ ใช้แทนบทสวดที่ขึ้นต้นด้วย อิ ทั้งหมด เช่น

  • อิระชา คะตะระสาฯ (คาถายันต์เกราะเพชร หรืออิติปิโส 8 ทิศ อานุภาพในทางป้องกัน)
  • อิติปิโส วิเสเสอิฯ (คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า อานุภาพในทางป้องกัน)

3.4 ตา คือ ตาวะติสา หมายถึงพระอินทร์หรือพระศิวะ ซึ่งเป็นผู้เป็นใหญ่แห่งเทวดาทั้งปวง มีอานุภาพสูงที่สุดในบรรดาเทพทั้งปวง สามารถดลบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆได้ มีแว่นแก้วหมายถึงคำทำนาย

3.5 ยันต์เดือนตะวันเบิกเมฆ หรือสัญลักษณ์อิติปิโส

  • แสดงความหมายถึงปัญญาอันเกิดแต่ศรัทธาและพลังแห่งพุทธธรรม ย่อมกำจัดความมืดคืออวิชชา ทั้งกลางวันและกลางคืน มีความหมายอันศักดิ์สิทธิ์เสมอกับอักษร “โอม” ในไสยศาสตร์ฝ่ายพราหมณ์
  • นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการเปิด 3 แดนโลกธาตุ ให้ความหมายถึงการที่ขอพรแล้วกระเทือนไปทั้ง 3 โลก

3.6 สัญลักษณ์นารายณ์พลิกแผ่นดิน ให้ความหมายถึงการพลิกดวงชะตา (จากร้ายกลายเป็นดี จากดีให้ดียิ่งขึ้นไป)

4. ภาพพระนเรศวรมหาราช

สื่อความหมายถึงการรวมจิตท่าน ส่งผลให้ผู้บูชามีอำนาจ บารมี และวาสนา