2. ช่วยเหลือบรรเจิดและบรรจง

Post date: Dec 4, 2009 3:43:42 AM

ที่มา: คุณวุ้น -- สมาชิก CnxDonate ของเราค่ะ

เด็กชายบรรเจิดและเด็กชายบรรจง อายุ 4 ขวบและ 7 เดือน สองพี่น้องที่ต้องอาศัยอยู่กับปู่(ปู่เลี้ยง พ่อเลี้ยงของพ่อ)และย่า ซึ่งบ้านที่อาศัยอยู่เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่สร้างคร่อมทางน้ำของเทศบาลเมืองเชียงใหม่ ทางน้ำที่ว่านี้ก็ไม่เหลือสภาพน้ำใสๆ ให้เห็นแล้ว เพราะเป็นที่ระบายของเสียจากบ้านเรือนในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำมีตะกอนและเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ

บ้านน้อยของเด็กทั้งสองอยู่ข้างรั้วของตลาดนัดขายของเก่า เจ เจ มาร์เก็ตเชียงใหม่ หากได้ไปยืนไหว้พระภูมิเจ้าที่ แล้วเหลือบตาไปมองทางด้านซ้ายของรั้ว มักจะเห็นเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งปีนบันไดบ้านเล่นอย่างเพลิดเพลิน พอเข้าไปสอบถามตามความสงสัย ว่าอายุเท่าไหร่ เรียนชั้นอะไร เด็กน้อยก็ตอบกลับมาถึงเรื่องเรียนว่า เขาไม่อยากเรียนหนังสือ แต่เขาอยากเป็นช่างซ่อมมอเตอร์ไซด์ พอสอบถามไปยังผู้เป็นย่าของเด็กน้อย ได้คำตอบมาว่า ช่วงนี้มีข่าวคราวเรื่องการลักพาตัวเด็กไปขายตามแนวชายแดน ก็ทำให้เด็กชายบรรเจิดรู้สึกหวาดกลัว แต่ก่อนเคยแอบปีนรั้วมาเล่นบริเวณตลาดเจ เจ แต่หลังจากมีข่าวการลักตัวเด็ก เขาก็ไม่อยากออกไปไหนอีกเลย ความรู้สึกของเด็กที่ผูกพันกับบ้านกับคนที่เลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ปู่ หรือย่า ก็ทำให้เด็กไม่อยากจากบ้านไปแม้สภาพที่เป็นอยู่จะเล็กและคับแคบ แต่ก็ได้รับความอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อ แม่ ปู่และย่า พอนั่งคุยกันไปสักพักได้ยินเสียงเด็กเล็กๆ ร้องไห้จ้า จึงได้เจอกับเด็กชายบรรจงน้องชายอายุ 7 เดือนของบรรเจิด เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เด็กน้อยยังเล็กนักหน้ากลมทำตาแป๋ว สงสัยว่ามีคนแปลกหน้ามาเกาะรั้วบ้าน สภาพตอนเห็นครั้งแรก เด็กน้อยใส่เสื้อกล้ามเก่าๆ ไม่ได้ใส่กางเกง เห็นแล้วนึกถึงเวลาที่อากาศหนาวๆ เด็กน้อยคงจะหนาวมาก ยิ่งเป็นเด็กเล็กๆ ภูมิต้านทานต่อโรค ต่ออากาศไม่เท่ากับผู้ใหญ่ ก็เลยไปซื้อเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวสำหรับเด็กไปให้

หลายอาทิตย์ต่อมาอากาศเริ่ม ได้กลับไปเยี่ยมบรรจงอีกครั้ง เห็นเด็กน้อยใส่เสื้อผ้าที่นำไปให้แล้วรู้สึกอิ่มใจ และได้คุยกับผู้เป็นย่า จึงได้รู้เรื่องราวของเด็กทั้งสองว่า เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาแม่ของเด็กน้อยได้หนีไป ผู้เป็นย่าเล่าว่า คงทนความลำบากไม่ไหว อีกทั้งผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยทั้งสองไปทำงานเป็นพนักงานเสริฟที่ร้านผับร้านบาร์ คงไปเจอคนที่เขาพอจะเลี้ยงดูได้ ก็เลยไปอยู่กับแฟนใหม่ ในใจของย่าก็หวังว่า แม่ของเด็กน้อยคงจะคิดถึงลูกบ้าง ตอนนี้แม้ยังไม่กลับมาเยี่ยม ก็หวังในอนาคตแม่ของเด็กน้อยจะกลับมาเยี่ยมลูกบ้าง ส่วนพ่อของเด็กทั้งสองรู้สึกเหงาที่ถูกทิ้ง ตอนนี้มีแฟนใหม่แล้วก็ไปอาศัยอยู่กับแฟนใหม่ กลับมาเยี่ยมบ้านบ้างเป็นบางครั้ง เด็กน้อยทั้งสองคนจึงต้องอยู่กับปู่และย่า

ปู่และย่ามีอาชีพรับจ้างทั่วไป บางครั้งก็ไปงมหอยขมในแม่น้ำปิงมาขายที่ตลาด ที่บ้านมีรถจักรยานคันเล็กๆ 2 คัน และรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆ อีกหนึ่งคัน แต่โชคร้ายลูกชายไม่มีเงินจึงนำรถมอเตอร์ไซด์ ซึ่งเป็นสมบัติที่ใช้ทำมาหากินของพ่อและแม่ไปจำนำ ในราคา 1,300 บาท ใจของผู้เป็นแม่อยากจะหาเงินไปไถ่เอารถคืนมา เพราะหากไม่มีรถคันนี้แล้ว ต้องขี่จักรยานคันเล็ก (จักรยานของเด็ก) ไปงมหอยในแม่น้ำปิง ซึ่งต้องขี่ไปไกลถึงบริเวณอ.สันทราย แถวๆ ม.แม่โจ้ ระยะทางประมาณหลายสิบกิโล ตอนเดินทางไปก็ไม่ลำบากนัก แต่พอตอนขนหอยกลับมา น้ำหนักรวมตัวหอยและน้ำในถังมันก็หนักเอาการ บางครั้งทำให้รถเหวี่ยงเกือบล้มไปก็มี อาชีพงมหอยขายก็ไม่ได้สร้างรายได้มากมายเพราะมีหลานเล็กๆ ที่ต้องเลี้ยงดู ผู้เป็นปู่และย่าต้องสลับกันออกไปทำงาน บางวันก็ขายไม่ได้ บางวันก็ไม่ได้ไปขาย บางทีสัปดาห์หนึ่งๆ ขายหอยได้แค่ 40 บาท ซึ่งเฉลี่ยแล้วทั้งปู่และย่าสามารถหารายได้มาจุนเจือครอบครัวได้ประมาณเดือนละ 1,000-2,000 บาทเท่านั้น เนื่องจากเป็นคนจนเรื่องการเรียนของลูกและหลานก็เลยเป็นไปตามอัตภาพ ลูกชายทั้งสอง(พ่อและลุงของเด็กน้อย) จบชั้น ป.4 เพราะไม่มีเงินส่งให้เรียนจึงสามารถส่งลูกเรียนได้เท่านี้ ลุงของเด็กน้อยอายุประมาณ 40 ปี ตอนนี้ทำอาชีพรับจ้างทำกระจก หากมีงานก็มีเงิน แต่เนื่องจากลุงก็มีครอบครัวที่จะต้องส่งเสีย จึงไม่สามารถช่วยเหลือเด็กน้อยได้อย่างเต็มที่ ส่วนพ่อของเด็กน้อย อายุ 24 ปี ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ตอนนี้รับจ้างเป็นพนักงานเสริฟในร้านอาหารซึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก ผู้เป็นย่าได้แต่เพ้อว่า เราไม่มีเงินส่งเขาเรียนสูงๆ เขาก็เลยหางานทำได้เท่านี้ ในใจก็คิดอยากส่งลูกเรียนสูงๆ อย่างคนอื่นๆ บ้าง สมัยก่อนเคยไปรับจ้างไปมาเกือบทั่วประเทศ แต่ชีวิตก็เป็นอย่างที่เห็น ลำบากมาก เคยถามผู้เป็นย่าว่าอยากได้อะไร ย่าตอบว่าอยากได้นาฬิกาปลุกสักเรือน เพราะทุกวันนี้ที่บ้านไม่มีนาฬิกาเลย ค่อยอาศัยฟังเสียงไก่ของชาวเขาที่สร้างบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน ที่น่าสงสารก็เห็นจะเป็นเด็กน้อยทั้งสอง นมเด็กเล็กก็ราคาแพง ย่าได้แต่ซื้อนมที่มีราคาถูก กระป๋องละ 100 กว่าบาท เดือนหนึ่งกิน 2 กระป๋อง รายละเอียดก็ไม่รู้ว่าเป็นนมยี่ห้ออะไร เพราะขนาดลูกเรากินนมเดือนละ 2 กระป๋องๆ ละ 1,500 กรัม ราคาเป็นพัน นมเด็กแพงมากคนเป็นพ่อเป็นแม่จะเลี่ยงซื้อนมราคาถูกให้ลูกตัวเองกินก็ไม่ได้ เพราะใครๆ ก็ต้องรักลูก แต่หากเลือกไม่ได้มันก็จำเป็นดีกว่าไม่ได้กินเลย เด็กน้อยอาศัยบนน้ำเน่าเสียจึงป่วยบ่อย ลืมถามไปเหมือนกันว่าพาหลานไปฉีดวัคซีนตามกำหนดหรือยัง เด็กทั้งสองเป็นเด็กยังเล็กนัก ไม่รู้เรื่องราวของสังคมในปัจจุบันดีที่เขาเกิดเป็นเด็กผู้ชาย ความน่าเป็นห่วงคงไม่เท่ากับเด็กผู้หญิง แต่เด็กทั้งสองจะโตขึ้นมาเป็นยังไงก็ต้องแล้วแต่สิ่งแวดล้อมและความใจบุญของผู้พบเห็น น่าสงสารเด็กน้อยหากมีโอกาสที่ช่วยได้ อยากช่วยด้านการศึกษาเป็นที่สุด ไม่จำเป็นต้องเรียนสูง แต่อยากให้เขาเรียนรู้จักการประกอบสัมมาชีพและใช้ชีวิตในโลกใบนี้ได้อย่างภาคภูมิใจ