การทำเลเซอร์เพื่อป้องกันโรคต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน
เป็นการยิงเลเซอร์เพื่อเจาะม่านตาบริเวณรอบนอกให้เป็นรู
เพื่อสร้างทางระบายน้ำจากช่องด้านหลัง ไปสู่ช่องด้านหน้าลูกตาโดยตรง
โดยไม่ต้องไหลผ่านม่านตาและเลนส์ตาที่ติดชิดกัน
ทำให้น้ำในลูกตาสามารถระบายออกได้ดีขึ้น
เพื่อป้องกันการเกิดต้อหินมุมปิดเฉียบพลันและเป็นการรักษาภาวะต้อหินจากมุมตาแคบ
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์
ผู้ป่วยต้องมีญาติมาด้วย 1 คน และไม่ขับรถมาเอง เนื่องจากหลังทำการรักษาด้วยเลเซอร์ในช่วงแรกอาจมีอาการตามัว
ไม่ต้องงดน้ำและอาหารก่อนทำการรักษาด้วยเลเซอร์
กรณีมีโรคประจำตัว มียาที่รับประทานประจำ มีประวัติการแพ้ยาหรือแพ้อาหารต้องแจ้งให้จักษุแพทย์ทราบ แพทย์อาจพิจารณาให้งดยากลุ่มที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น ยาละลายลิ่มเลือด อาหารเสริมที่มี Omega 3 วิตามินอี หรือยาสมุนไพร 1 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ เนื่องจากยากลุ่มดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกในตาขณะทำเลเซอร์
แพทย์/พยาบาลจะแนะนำและอธิบายขั้นตอนการทำเลเซอร์ ประโยชน์ที่ได้รับ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังทำการรักษาด้วยเลเซอร์ พร้อมให้ผู้ป่วยลงนามในหนังสือยินยอมรับการรักษา (consent form)
การปฏิบัติตัวขณะทำเลเซอร์
ก่อนทำการรักษาด้วยเลเซอร์ ผู้ป่วยจะได้รับการหยอดยาหดรูม่านตาในตาข้างที่จะทำการรักษา ซึ่งอาจจะทำให้มีอาการปวดตา ตาแดง ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวให้แจ้งกับแพทย์/พยาบาลทันที นอกจากนั้นจะทำให้มีอาการตามัวประมาณ 6 – 8 ชั่วโมงหลังหยอดยาหดรูม่านตา
จากนั้นจะได้รับการหยอดยาชาในตาข้างที่จะทำการรักษา ผู้ป่วยอาจจะยังรู้สึกเจ็บได้ในระหว่างการทำเลเซอร์
ขณะทำเลเซอร์ ผู้ป่วยควรนั่งในท่าที่สบายตามตำแหน่งที่เหมาะสม วางคางบนแป้นและหน้าผากชิดที่กั้น ไม่เกร็ง เนื่องจากอาจต้องใช้เวลานานในการทำเลเซอร์ ให้ผู้ป่วยลืมตาทั้งสองข้างและมองตำแหน่งที่แพทย์แนะนำ ไม่กลอกตาไปมาและไม่จ้องแสงเลเซอร์
ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ หน้ามืด ต้องการที่จะไอหรือจาม ให้แจ้งพยาบาลที่ช่วยแพทย์ทำหัตถการ เพื่อพักการยิงแสงเลเซอร์ชั่วคราว
การปฏิบัติตัวหลังทำเลเซอร์
งดการขยี้ตาในข้างนั้น อย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันกระจกตาถลอกจากผลของยาชาที่หยอด
อาการตามัวหลังทำเลเซอร์ จะกลับเป็นปกติ ภายใน 6-8 ชั่วโมง ต้องระมัดระวังการพลัดตกหกล้ม
อาบน้ำ ล้างหน้า ประกอบกิจวัตรประจำวัน รับประทานอาหารได้ตามปกติ
ใช้ยาหยอดตาหรือรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ถ้ามีอาการปวดตาหรือไม่สบายตา ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
หลีกเลี่ยงการเบ่งหรือเกร็งหน้าท้อง เช่น การยกของหนักๆ เบ่งหรือกลั้นหายใจเวลาถ่าย การไอ จาม หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือเป็นกิจกรรมที่ต้องออกแรง เช่น เล่นกีฬา ทำครัว (สับหมู,ตำน้ำพริก)
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดตามาก ตามัวลง ตาแดง ควรรีบมาพบแพทย์
มาตรวจตามนัดหมาย เพื่อประเมินผลการรักษา
การปฏิบัติตัวหลังทำเลเซอร์
ความดันตาสูงขึ้นพบได้ 6–10% พบมีภายใน 4 ชั่วโมงหลังทำเลเซอร์ ซึ่งจะเป็นเพียงชั่วคราว
เลือดออกที่ช่องหน้าม่านตา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่รับประทานยากลุ่มละลายลิ่มเลือด ถ้าพบขณะทำการรักษาอยู่แพทย์จะทำการหยุดเลือดโดยการกดเบา ๆ ที่ลูกตา
ผู้ที่มีปัญหาน้ำวุ้นลูกตาขุ่นหรือเสื่อมมาก่อน อาจพบเงาดำลอยไปมาในตาเพิ่มขึ้นได้
ปวดตา
ที่มา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล