ต้อเนื้อ
ต้อเนื้อ (Pterygium) คือ โรคที่เกิดจากการเสื่อมของเยื่อตา
ทำให้เกิดการหนาตัวของเยื่อตาขึ้นเป็นรูปสามเหลี่ยมข้างกระจกตา และยื่นเข้ามาคลุมกระจกตา
ส่วนใหญ่พบทางด้านหัวตา ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดต้อเนื้อ ได้แก่ การได้รับแสงอัลตราไวโอเลต ลม ฝุ่น
และสารระคายเคืองตาเรื้อรังเป็นประจำ
การรักษาต้อเนื้อ
มีตั้งแต่ การป้องกันไม่ให้ต้อเนื้อลุกลามมากขึ้นโดยการสวมแว่นกันแดด หยอดน้ำตาเทียมร่วมกับการใช้ยาหยอดตาแก้อาการเคืองตา และการผ่าตัด ซึ่งจะพิจารณาทำในรายที่ต้อเนื้อยื่นล้ำเข้ามาในกระจกตามาก มีอาการเคืองตามาก หรือเหตุผลเรื่องความสวยงามหรือรูปลักษณ์
ผลการผ่าตัดส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะหายเป็นปกติหลังได้รับการผ่าตัดต้อเนื้อออก แต่โอกาสที่ต้อเนื้อจะเป็นซ้ำหลังผ่าตัดภายในระยะเวลา 3 เดือนได้ ประมาณร้อยละ 5-30 ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ การสัมผัสแสงแดด รวมถึงการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยภายหลังการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด โรคเลือด หรือโรคอื่นๆ ให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
ผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน หรือยาละลายลิ่มเลือดอื่นๆ เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ผู้สั่งยานั้น เพื่อขออนุญาตหยุดยาก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หากมียาชนิดอื่นที่รับประทานเป็นประจำหรือเคยมีอาการแพ้ยาใดๆ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบและควรนำยาที่ใช้มาในวันผ่าตัดด้วย
ถ้ามียาหยอดตาที่แพทย์สั่งให้ เช่น ยาต้อหิน หรือยาปฏิชีวนะ ให้หยอดยาตามคำสั่งแพทย์
ก่อนถึงวันนัดผ่าตัด ถ้าพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาแดง อักเสบ ควรมาพบแพทย์ก่อน เพื่อทำการรักษา
การปฏิบัติตัวก่อนการผ่าตัด
วันผ่าตัดอาบน้ำ สระผมให้สะอาดก่อนมาโรงพยาบาล
อาหารเช้า ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม หรือ ดื่มน้ำหวาน 1 แก้ว ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินควร
รับประทานยา หรือหยอดยาที่แพทย์สั่งได้ตามปกติ ยกเว้นยาที่แพทย์สั่งหยุด
ไม่ควรทาแป้งหรือแต่งหน้าในวันที่มาผ่าตัด
ต้องมีญาติหรือเพื่อนมาด้วยอย่างน้อย 1 คน
การปฏิบัติตัวขณะผ่าตัด
นอนหงายราบไม่หมุนหมอน โดยนอนนิ่งๆตลอดระยะเวลาผ่าตัด โดยทั่วไปการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
หายใจใต้ผ้าปลอดเชื้อคลุมจมูก
เมื่อผ่าเสร็จจะมีผ้าปิดตาแน่น
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
หลังผ่าตัด (วันที่ทำผ่าตัด)
ควรพักผ่อน ลุกนั่งและเดินเท่าที่จำเป็น เช่น รับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ
รับประทานอาหารอ่อนและรับประทานยาตามแพทย์สั่ง (ถ้ามี)
ไม่ต้องเปิดตาเพื่อหยอดยาหรือป้ายยาใดๆ เว้นแต่มีคำสั่งพิเศษของแพทย์
วันรุ่งขึ้นมาพบแพทย์ตามนัด
หลังจากที่แพทย์เปิดตาหลังผ่าตัดแล้ว ในวันต่อๆไปให้ทำความสะอาดรอบๆตาข้างที่ผ่าตัดโดยใช้สำลีสะอาดชุบน้ำต้มสุกทิ้งให้เย็นหรือน้ำเกลือที่แพทย์จัดให้ บีบให้หมาด เช็ดตาอย่างเบามือ
ระวังไม่ให้น้ำ หรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เข้าตาข้างที่ทำผ่าตัด ห้ามล้างหน้าโดยเด็ดขาด ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดให้หมาด เช็ดหน้าแทนการล้างหน้าประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
อาบน้ำหรือสระผมได้ แต่ต้องไม่ให้น้ำเข้าตาข้างที่ทำผ่าตัด
หยอดยาและป้ายยาตามแพทย์สั่ง
หลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อนานประมาณ 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด เช่น การปรุงอาหาร การทำความสะอาดบ้าน การเป่าพัดลมตรงๆเข้าหน้าตา การทำสวน การจ่ายตลาด การเล่นกับสัตว์เลี้ยง หรืออื่นๆ ที่อาจทำให้ฝุ่น น้ำ ควันเข้าตา
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ฝุ่น ลม และสวมแว่นกันแดดเมื่อออกนอกบ้านเสมอ อย่างน้อย 4 สัปดาห์
ใช้สายตาได้ตามปกติ เช่น อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ แต่ควรหยุดพักเมื่อรู้สึกแสบตา
มาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง
วิธีการเช็ดตา
ล้างมือให้สะอาด เช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
หยิบสำลีในลักษณะประกบกัน 2 ก้อน
เทน้ำเกลือหรือน้ำต้มสุกที่ทิ้งให้เย็นลงบนสำลี บีบแห้งหมาด ๆ
แยกสำลีออกเป็นสองก้อน โดยไม่สัมผัสบริเวณด้านในของสำลี
ใช้สำลีก้อนแรกเช็ดหนังตาบนจากด้านหัวตาไปหางตา แล้วทิ้งไป แล้วใช้สำลีก้อนที่สองเช็ดหนังตาล่างด้านหัวตาไปหางตา อย่าเช็ดย้อนทางไปมา ถ้ายังไม่สะอาดให้ทำซ้ำตามขั้นตอนด้วยสำลีก้อนใหม่จนรู้สึกสะอาด
วิธีหยอดตา
ตรวจสอบขวดยาหยอดตาให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันการหยิบยาผิด
นั่งแหงนหน้า หรือนอน และมองขึ้นข้างบน ใช้นิ้วมือข้างที่ไม่ถนัดดึงหนังตาล่างลง เพื่อเปิดกระพุ้งตาล่าง แล้วใช้มืออีกข้างถือขวดยา หยอดยาลงในกระพุ้งตา 1 หยด ระมัดระวังไม่ให้ปลายขวดยาสัมผัสตา
หลับตา ลืมตาเบา ๆ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ยากระจายทั่วตา หลับไว้สักพัก ใช้สำลีหรือกระดาษนุ่มที่สะอาดซับน้ำยาส่วนที่ล้นออกนอกตา
ถ้าต้องหยอดยามากกว่า 1 ชนิด ให้หยอดห่างกัน ประมาณ 5 นาที
วิธีป้ายยา
ปฏิบัติเช่นเดียวกับการหยอดยา โดยบีบยาลงบนกระพุ้งตาล่าง จากหัวตาไปหางตา ระวังไม่ให้ปลายหลอดยาสัมผัสตา
ให้ป้ายยาหลังหยอดยาเสมอ
ห้ามนำยาไปให้ผู้อื่นใช้
เก็บยาไว้ในตู้เย็น (ถ้ามี) หรือในที่ซึ่งไม่ถูกแดดหรือความร้อน
ยาที่เปิดใช้แล้วควรใช้ภายใน 1 เดือน หรือตามเอกสารกำกับ ถ้าเปลี่ยนสีให้ทิ้งไม่ควรนำมาใช้อีก
ถ้ามีอาการตาแดง คัน เคืองตามาก ทุกครั้งที่หยอดยาหรือป้ายยา ควรหยุดใช้ยาและรีบมาพบแพทย์ทันที
ที่มา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล