การผ่าตัดเบ้าตา (Orbital surgery)
เช่น การผ่าตัดแก้ไขตาโปนจากโรคไทรอยด์เป็นพิษ
การผ่าตัดนำก้อนเนื้อในเบ้าตาไปส่งตรวจ เป็นต้น
ส่วนใหญ่จะทำผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ
และผู้ป่วยมักจะต้องนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 คืน
เพื่อติดตามดูอาการและภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด โรคเลือด หรือโรคอื่นๆ ให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อควบคุมตัวโรคเหล่านั้นร่วมด้วย
ถ้าท่านมีโรคประจำตัว มียาหรืออาหารเสริมที่รับประทานอยู่ หรือ มีประวัติแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
งดยาละลายลิ่มเลือด แอสไพริน (aspirin) ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด, งดวิตามินรวม วิตามิน C วิตามิน E อาหารเสริมสมุนไพร เช่น แปะก๊วย โสม ขิง ถั่งเช่า น้ำมันตับปลา อาหารประเภทที่มีกรดไขมันชนิดอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันดอกคำฝอย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด หรือตามแพทย์สั่ง
ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ (pacemaker) ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการผ่าตัด เนื่องจากการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าขณะผ่าตัด อาจมีผลต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้
ถ้ามียาหยอดตาที่แพทย์สั่งให้ เช่น ยาต้อหิน หรือยาปฏิชีวนะ สามารถหยอดยาได้ตามปกติ
ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกแล้วใส่แว่นตาในวันที่เข้ารับการผ่าตัด
ก่อนถึงวันนัดผ่าตัด ถ้าพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาแดง อักเสบ ควรมาพบแพทย์ก่อนนัด
ผู้ป่วยที่จะได้รับการทำผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ จะมีการตรวจเลือด คลื่นหัวใจ และเอกซเรย์ปอด ก่อนผ่าตัด
วันผ่าตัดต้องมีญาติมาด้วยอย่างน้อย 1 คน
งดน้ำ งดอาหารตามเวลาที่ได้รับแจ้ง ในกรณีที่ผ่าตัดโดยการดมยาสลบ
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
หลังผ่าตัด บริเวณเปลือกตาและรอบเบ้าตาจะบวมและมีรอยช้ำได้ใน 24-72 ชั่วโมงแรก ให้ประคบเย็นบริเวณตาและรอบตาให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อช่วยให้ยุบบวมและหยุดเลือด ถ้ามีเลือดซึมบริเวณแผลผ่าตัด ให้ใช้ผ้าก๊อซหรือทิชชูสะอาดกดที่แผลจนกว่าเลือดจะหยุด ถ้ามีเลือดไหลมากไม่หยุดหลังกด ปวดตามาก คลื่นไส้ อาเจียน ตามัวลง ตาโปนมากขึ้น ให้มาพบแพทย์ทันที
ถ้ามีแผ่นปิดแผลบริเวณที่ผ่าตัด ไม่ต้องเปิดเช็ดทำความสะอาดแผล ถ้าไม่มีแผ่นปิดแผล ให้ใช้ไม้พันสำลีหรือสำลีก้อนชุบน้ำเกลือเช็ดแผลหรือทายาขี้ผึ้งที่แผลตามแพทย์สั่ง
ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดหน้าแทนการล้างหน้า
รับประทานยา หยอดยาหรือใช้ยาพ่นจมูกตามแพทย์สั่ง งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน ต่ออีก 1-3 วันหลังผ่าตัดหรือตามที่แพทย์แนะนำ
รับประทานอาหารได้ตามปกติ
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มแรงเบ่ง เช่น ออกกำลัง ยกของหนัก ในสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
ท่านจะได้รับการนัดหมายมาพบแพทย์ประมาณ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดเบ้าตา
เปลือกตาบวม จะเด่นชัดใน 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด จากนั้นจะค่อยๆยุบลง และจะดีขึ้นประมาณ 80% ภายในเดือนแรก และกลับมาเป็นปกติประมาณ 3-6 เดือนหลังผ่าตัด
รอยช้ำรอบดวงตา จะจางหายไปภายใน 1-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
แผลติดเชื้อ จะมีลักษณะบวมแดงร้อน ปวดเป็นจังหวะ หากมีอาการเหล่านี้ต้องมาพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
เลือดออกในเบ้าตา เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบน้อยมาก จะมีอาการปวดเบ้าตาอย่างรุนแรง ตาโปนมาก เปิดเปลือกตาไม่ขึ้น การมองเห็นลดลง หากมีอาการดังกล่าวต้องมาพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
ผู้ป่วยบางรายอาจมองเห็นภาพซ้อนหลังผ่าตัด ซึ่งจะค่อยๆดีขึ้น อาจใช้เวลาถึง 6 เดือน ถ้าภาพซ้อนยังคงอยู่อาจต้องผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้อตาในภายหลัง
แผลเป็น หลังตัดไหม รอยแผลอาจจะเห็นชัดเป็นสีชมพู ซึ่งส่วนใหญ่จะจางลงเป็นธรรมชาติใน 3-6 เดือน แต่บางคนอาจพบแผลเป็นนูนที่เห็นชัด หรือที่เรียกว่าคีลอยด์ (keloid) ซึ่งพบได้น้อย อาจต้องมีการฉีดยาลดการอักเสบที่รอยแผลเป็นในกรณีที่เป็น keloid
การสูญเสียการมองเห็น เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบน้อยมาก มักเกิดจากการที่เส้นประสาทตาได้รับบาดเจ็บระหว่างการผ่าตัด ในกรณีที่ต้องผ่าตัดนำก้อนเนื้อที่อยู่ในเบ้าตาส่วนลึกออก
ที่มา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล