คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ที่เข้ารับ
การทำเลเซอร์ที่จอตา

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ที่จอตา

1. ผู้ป่วยต้องมีญาติมาด้วย 1 คน และไม่ขับรถมาเอง เนื่องจากหลังทำการรักษาด้วยเลเซอร์ในช่วงแรกอาจมีอาการตามัว

2. ไม่ต้องงดน้ำและอาหารก่อนทำการรักษาด้วยเลเซอร์

3. ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคลมชัก อาจมีอาการชักขึ้นมาในระหว่างการทำเลเซอร์ได้ ดังนั้นผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลให้ทราบถึงโรคประจำตัวเพื่อจะได้เตรียมการป้องกันที่เหมาะสม

4. แพทย์/พยาบาลจะแนะนำและอธิบายขั้นตอนการทำเลเซอร์ ประโยชน์ที่ได้รับ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังทำการรักษาด้วยเลเซอร์ พร้อมให้ผู้ป่วยลงนามในหนังสือยินยอมรับการรักษา (consent form)

การปฏิบัติตัวขณะทำเลเซอร์ที่จอตา

1. ผู้ป่วยจะได้รับการหยอดยาขยายม่านตาในตาข้างที่จะทำการรักษา ซึ่งจะทำให้ตาพร่ามัวและจ้าแสง ประมาณ 4-6 ชั่วโมง

2. จากนั้นจะได้รับการหยอดยาชาในตาข้างที่จะทำการรักษา ผู้ป่วยอาจจะยังรู้สึกเจ็บได้ในระหว่างการทำเลเซอร์

3. ขณะทำเลเซอร์ ผู้ป่วยควรนั่งในท่าที่สบายตามตำแหน่งที่เหมาะสม วางคางบนแป้นและหน้าผากชิดที่กั้น ไม่เกร็ง เนื่องจากอาจต้องใช้เวลานานในการทำเลเซอร์ ให้ผู้ป่วยลืมตาทั้งสองข้างและมองตำแหน่งที่แพทย์แนะนำ ไม่กลอกตาไปมาและไม่จ้องแสงเลเซอร์

4. ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ หน้ามืด ต้องการที่จะไอหรือจาม ให้แจ้งพยาบาลที่ช่วยแพทย์ทำหัตถการ เพื่อพักการยิงแสงเลเซอร์ชั่วคราว

การปฏิบัติตัวหลังทำเลเซอร์ที่จอตา

1. งดการขยี้ตาในข้างนั้น อย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันกระจกตาถลอกจากผลของยาชาที่หยอด

2. อาการตามัวหลังทำเลเซอร์ จะกลับเป็นปกติ ภายใน 6-8 ชั่วโมง ต้องระมัดระวังการพลัดตกหกล้ม

3. อาบน้ำ ล้างหน้า ประกอบกิจวัตรประจำวัน รับประทานอาหารได้ตามปกติ

4. ใช้ยาหยอดตาหรือรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

5. ถ้ามีอาการปวดตาหรือไม่สบายตา ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้

6. หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดตามาก ตามัวลง ตาแดง ควรรีบมาพบแพทย์

7. มาตรวจตามนัดหมาย เพื่อประเมินผลการรักษา

ภาวะแทรกซ้อนหลังทำเลเซอร์ที่จอตา

1. ระหว่างการยิงเลเซอร์ หากผู้ป่วยกลอกตามาจ้องแสงเลเซอร์อย่างฉับพลัน อาจทำให้แสงเลเซอร์โดนบริเวณจุดรับภาพชัด ซึ่งส่งผลให้การมองเห็นตรงกลางลดลงได้

2. การบวมของชั้นใต้จอตา ทำให้ตามัวลงและมีความดันตาสูงขึ้นได้

3. การมองเห็นแคบลงและความสามารถในการมองเห็นลดลงในที่ที่มีแสงน้อย

ที่มา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล