ภาวะท่อน้ำตาอุดตัน
เป็นภาวะที่ระบบทางเดินท่อน้ำตามีการปิดกั้น
พบการอุดตันบริเวณของท่อน้ำตาที่ถุงน้ำตากับโพรงจมูกมากที่สุด
ส่งผลให้น้ำตาและของเสียคั่งค้างไม่สามารถผ่านออกไปได้ ทำให้มีน้ำตาไหลตลอดเวลา
ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดการอักเสบกลายเป็นฝีหนอง
ซึ่งมีโอกาสลุกลามเข้าไปในเบ้าตา เกิดการติดเชื้อรุนแรงที่ตาตามมาได้
วัตถุประสงค์ในการผ่าตัดแก้ไขท่อน้ำตาอุดตัน เพื่อสร้างทางระบายน้ำตาใหม่
ต่อเชื่อมจากถุงน้ำตา ลงในจมูก ซึ่งการผ่าตัดจะมีการนำกระดูกบางส่วนออก
เพื่อเชื่อมทางใหม่ หลังผ่าตัดจะมีการใส่สายซิลิโคนจากหัวตา ผ่านทางระบายใหม่ต่อลงจมูก
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด โรคเลือด หรือโรคอื่นๆ ให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อควบคุมตัวโรคเหล่านั้นร่วมด้วย
ถ้าท่านมีโรคประจำตัว มียาหรืออาหารเสริมที่รับประทานอยู่ หรือ มีประวัติแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
งดยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน (aspirin) 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด, งดวิตามินรวม วิตามิน C วิตามิน E อาหารเสริมสมุนไพร เช่น แปะก๊วย โสม ขิง ถั่งเช่า น้ำมันตับปลา อาหารประเภทที่มีกรดไขมันชนิดอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันดอกคำฝอย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด หรือตามแพทย์สั่ง
ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ (pacemaker) ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการผ่าตัด เนื่องจากการใช้เครื่องจี้ขณะผ่าตัดไฟฟ้า อาจมีผลต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้
ถ้ามียาหยอดตาที่แพทย์สั่งให้ เช่น ยาต้อหิน หรือยาปฏิชีวนะ สามารถหยอดยาได้ตามปกติ
ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกแล้วใส่แว่นตาในวันที่เข้ารับการผ่าตัด
ก่อนถึงวันนัดผ่าตัด ถ้าพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาแดง อักเสบ ควรมาพบแพทย์ก่อนนัด
งดน้ำ งดอาหารตามเวลาที่ได้รับแจ้ง ในกรณีที่ผ่าตัดโดยการดมยาสลบ
การปฏิบัติตัวขณะผ่าตัด
นอนหงายราบนิ่งๆตลอดระยะเวลาผ่าตัด โดยทั่วไปการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 60 นาที
เมื่อผ่าตัดเสร็จ แพทย์จะปิดแผลบริเวณหัวตาที่ทำผ่าตัด
หลังผ่าตัดจะมีการใส่ผ้าก๊อซ เข้าไปในรูจมูกข้างที่ทำผ่าตัดประมาณ 1 วันเพื่อห้ามเลือด ให้หายใจทางปากหรือผ่านจมูกอีกข้าง
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
การดูแลแผลผ่าตัด
กรณีผ่าตัดโดยส่องกล้องผ่านทางจมูก จะไม่มีแผลผ่าตัด สามารถล้างหน้าได้ตามปกติตั้งแต่วันแรก
กรณีผ่าตัดทางผิวหนัง จะมีแผลผ่าตัดเล็กๆบริเวณข้างจมูกใต้หัวตาข้างที่ผ่าตัด ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าแทนการล้างหน้าจนกว่าจะตัดไหม
ในกรณีที่มีแผ่นปิดแผล ไม่ต้องเปิดทำความสะอาดแผล ถ้าแผ่นปิดแผลหลุดให้เช็ดทำความสะอาดแผลด้วยสำลีสะอาดปราศจากเชื้อชุบน้ำเกลือวันละ 1 ครั้ง
ภายใน 2-3 วันแรกอาจมีเลือดซึมออกทางจมูกข้างที่ผ่าตัดได้ ให้ใช้เจลเย็นประคบที่สันจมูกบ่อยๆ หลีกเลี่ยงท่าก้ม กิจกรรมที่เพิ่มแรงเบ่ง การยกของหนัก ออกกำลังกาย การเดินทางโดยเครื่องบินในสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ถ้าเลือดไหลออกทางจมูกไม่หยุดหรือไหลลงคอตลอดเวลาให้มาพบแพทย์ทันที
ห้ามแคะจมูก และหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ
ในกรณีที่แพทย์ใส่ท่อซิลิโคนไว้ที่หัวตา ท่านจะสังเกตเห็นสายใสๆขนาดเล็กอยู่ที่หัวตา แต่จะไม่มีอาการเคืองหรือเจ็บตา สายซิลิโคนนี้จะถูกผูกอยู่ในจมูก หลีกเลี่ยงการขยี้ตาและเช็ดตาแรงๆ เพราะจะทำให้สายซิลิโคนเลื่อนออกมาได้ หลีกเลี่ยงการดึงหรือแคะจมูก ถ้าสายซิลิโคนเลื่อนหลุดออกมาที่หัวตา ให้ใช้เทปติดสายซิลิโคนไว้ที่หน้าผากเเละมาพบแพทย์ ห้ามตัดหรือดึงสายซิลิโคนออก
รับประทานยา หยอดยาหรือใช้ยาพ่นจมูกตามแพทย์สั่ง งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน ต่ออีก 1-3 วันหลังผ่าตัดหรือตามที่แพทย์แนะนำ
ท่านจะได้รับการนัดหมายประมาณ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ลักษณะที่อาจพบได้หลังการผ่าตัดท่อน้ำตา
เปลือกตามีอาการบวมและช้ำหรือมีรอยเขียวช้ำ บริเวณแผล และใต้ตาภายใน 1 สัปดาห์แรก หลังผ่าตัด
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
เลือดออกมากผิดปกติ
การติดเชื้อหลังผ่าตัด ถ้ามีการติดเชื้อซ้ำซ้อน ทำให้เกิดถุงน้ำตาอักเสบและมีหนองออกมาจากรูน้ำตา บางรายอาจเกิดเป็นฝีและมีหนองทะลุออกมาทางผิวหนัง หรือการอักเสบลุกลามไปรอบ ๆ เบ้าตา ทำให้เกิดการอักเสบของเบ้าตาได้
รอยแผลเป็นหลังผ่าตัด มักเกิดในผู้ป่วยที่ผ่าตัดแก้ไขท่อน้ำตาอุดตันด้วยการเปิดแผลทางผิวหนัง โดยส่วนใหญ่ 80–90 % จะไม่มีรอยแผลเป็น
ที่มา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล