หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ศาสนากับการดำเนินชีวิต
บทที่ 1
พระพุทธศาสนา
1. ความสำคัญของพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาอยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน คำสอนในพุทธศาสนาจึงมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยในหลายเรื่อง พระพุทธศาสนาจึงมีความสำคัญต่อประเทศไทย ดังนี้
1) พระพุทธศาสนาเป็นเอกลักษณ์ของชาติ จากที่คนไทยนับถือพระพุทธศาสนามานานจึงได้มีการผสมผสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็น พิธีกรรมต่างๆ กิจกรรททางสังคม จะมีหลักทางพระพุทธศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รวมถึงลักษณะนิสัยของคนไทย เช่น การมีความเมตตากรุณา เสียสละ ยิ้มง่าย การทักทายด้วยการไหว้ ฯลฯ ล้วนเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างชาติรู้จัก
2) พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานและมรดกทางวัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมไทยล้วนได้รับอิทธิพลจากความเชื่อทางพุทธศาสนาและส่งผลถึงการแสดงออกด้านวัฒนธรรมต่างๆ เช่น
2.1) สถาปัตยกรรม ปติมากรรม จิตรกรรม
· สถาปัตยกรรม / การก่อสร้าง วัด โบสถ์ วิหาร
· ปติมากรรม / ศิลปะการปั้นรูป แกะสลัก เช่น รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูป
· จิตรกรรม / ศิลปะการวาดเขียนภาพ
2.2) ประเพณี เช่น สงกรานต์ เข้าพรรษา ตักบาตร งานบุญต่างๆ
2.3) ภาษาและวรรณคดี วรรณคดีบางเรื่องมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น มหาเวสสันดรชาดก ไตรภูมิพระร่วง วรรณคดีเหล่านี้เป็นหนังสือสอนศีลธรรม บาปบุญคุณโทษที่ได้รับความเชื่อมาจากพระพุทธศาสนา ที่สอนเรื่องบาปบุญคุณโทษซึ่งมีอิทธิพลต่อความเชื่อในสังคมไทย
3) พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจ พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์กลางในการอบรมสั่งสอนจริยธรรมในสังคมไทย มีวัดเป็นสถานที่ในการประกอบกิจกรรม พิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อ
4) พระพุทธศาสนาเป็นหลักในการพัฒนาชาติไทย การพัฒนาชาติ ต้องอาศัยการพัฒนาด้านจิตใจควบคู่กับการพัฒนาด้านวัตถุ ซึ่งหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาช่วยให้การพัฒนาชาติไทยเป็นไปในทางที่ถูกต้อง เหมาะสม เช่น โอวาท 3 ที่สอนให้ ละเว้นความชั่ว ทำความดี และทำใจให้บริสุทธิ์ เมื่อคนไทยปฏิบัติตาม ก็จะส่งผลให้เป็นคนดี มีศีลธรรม ก็จะทำให้การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ปฏิบัติตนไปในทางที่ดี เพื่อพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
ประเพณีแห่งเทียนพรรษา
ประเพณีสงกรานต์
ประเพณีทอดกฐิน
2. ประวัติพระพุทธศาสนา
ประวัติพระพุทธเจ้า แบ่งเป็น 3 ช่วงสำคัญ เพื่อให้เข้าใจง่าย ดังนี้
ประวัติพระพุทธเจ้า ประสูติ
พระพุทธเจ้ามีพระนามเดิมว่า “สิทธัตถะ” เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา ประสูติในตระกูลกษัตริย์ ในวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ณ สวนลุมพินีวัน เมื่อประสูติแล้วทรงพระดำเนินได้ 7 ก้าว โดยมีดอกบัวรองรับ จากนั้นยกพระหัตถ์ขวา และกล่าววาจาขึ้นได้ทันที
หลังจากที่ประสูติได้เพียง 7 วัน พระราชมารดาก็เสด็จสวรรคต เมื่ออายุเพียง 8 พรรษาก็สามารถศึกษาศิลปวิทยาได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน
เมื่อพระชนมายุ 16 พรรษา พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางพิมพา หรือพระนางพิมพายโสธารา จนเมื่อพระชนมายุ 29 พรรษา พระนางพิมพาได้ประสูติพระโอรส มีพระนามว่า “ราหุล”
ประวัติพระพุทธเจ้า ตรัสรู้
หลังจากที่พระองค์ได้ทรงเห็นคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย และเกิดความเบื่อหน่ายจำเจกับในปราสาท ในกลางดึกคืนหนึ่งพระองค์ได้ตัดสินใจออกบวช โดยมีนายฉันนะและม้ากัณฑกะเดินทางร่วมกันไปยังแม่น้ำอโนมานที พระองค์นั่งบนพื้น ตัดผมด้วยพระขรรค์ และเปลี่ยนชุด ก่อนจะเดินทางไปยังแคว้นมคธ เพื่อแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
ในช่วงแรกพระองค์ได้ศึกษาธรรมหลายรูปแบบ และบำเพ็ญทุกรกริยา ก่อนจะพบกับทางสายกลาง เรียกว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” ซึ่งเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การพ้นทุกข์ได้ เมื่อเวลารุ่งอรุณ ในวันเพ็ญเดือน 6 ปีระกา ขณะพระชนมายุ 35 พรรษา พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ณ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ เมืองพาราณสีโดยพระธรรมที่ตรัสรู้คือ อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชา พระองค์เสด็จไปแสดงธรรมชื่อว่า “ธัมมะจักกัปปวัตสูตร” แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ซึ่งพระอัญญาโกณฑัญญะเกิดความเลื่อมใสและขออุปสมบทเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพุทธศาสนา
ประวัติพระพุทธเจ้า ปรินิพพาน
พระองค์แสดงธรรมให้กับสาวกและเผยแผ่พระศาสนา เป็นเวลา 45 พรรษา กระทั่งวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ขณะพระชนมายุ 80 พรรษา พระองค์ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานใต้ต้นสาละ ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ และเป็นการเริ่มต้นพุทธศักราช
สังเวชนียสถานสำคัญ 4 แห่งของพุทธศาสนา
รุมมินเด-สถานประสูติ
พุทธคยา-ตรัสรู้
สารนาถ-แสดงปฐมเทศนา
กาเซีย-ปรินิพพาน
แบบทดสอบ