Heaventise Cast EP6:
Type of Tasks
Heaventise Cast EP6:
Type of Tasks
ณ วาระใกล้ปีใหม่นี้ เชื่อเหลือเกินว่ามีหลาย ๆ คนที่ตั้งใจทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายในปีที่ผ่านมา ผมก็เช่นกันครับ ตั้งใจทำงานมาก แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในหลาย ๆ ครั้งที่งานง่าย ๆ บางทีก็กลายเป็นงานยาก ๆ ได้ และเช่นเดียวกัน งานยาก ๆ ในบางครั้ง มันก็กลายเป็นงานที่ง่าย ๆ ไปซะอย่างนั้น มันทำให้ผมฉุกคิดว่า อ่าว แล้วอย่างนี้เราจะประเมินเวลาและบาลานส์พลังงานในการทำงานได้อย่างไร เพื่อให้เราสามารถที่จะประเมินงานได้ดี เพื่อที่เราจะได้ไม่ Burn Out และได้สามารถจัดการงานประเภทต่าง ๆ ได้โดยง่าย ผมและรายการ Heaventise Cast จึงมีความยินดีที่จะนำเสนอมุมมองเพื่อที่จะทำให้ทุก ๆ คนที่รักในการทำงานได้นำเอามาใช้เพื่อจัดการการ Balance ต่าง ๆ ได้ดียิ่ง ๆ ขึ้น สำหรับวันนี้ เสนอตอน Type of Tasks การทำความเข้าใจความซับซ้อนของงานจากมุมมองที่หลากหลาย
ในชีวิตประจำวันของเรา เราต้องเผชิญกับงานมากมายที่มีความซับซ้อนแตกต่างกันไป ตั้งแต่งานที่ดูเหมือนง่ายไปจนถึงงานที่ยุ่งยากซับซ้อน การสำรวจมิติของความซับซ้อนของงานย่อมจะเผยให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของผู้คน การนำใช้ทักษะ การตั้งมั่นอยู่ในประสบการณ์ และการรับรู้ของแต่ละบุคคล ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกการจำแนกประเภทของงานโดยแยกแยะตามความซับซ้อน และเราจะมาร่วมกันรับทราบถึงข้อเท็จจริง รวมถึงแง่คิดในการจัดการงานประเภทต่าง ๆ ให้อยู่หมัด
จากการศึกษาจากสหสาขาวิชา ผู้คนที่เป็นนักบริหารจึงได้สรุปความว่า ความซับซ้อนของงานนั้นมีอยู่ด้วยกันสามระดับ จะขอเล่าให้ฟังตั้งแต่ระดับ Baby ไปจนถึงระดับคว้าดาว เป็นดังนี้ครับ
1. งาน Simple Task หรืองานง่าย ๆ Simple Task เป็นส่วนสำคัญของกิจวัตรประจำวันของเรา เป็นกิจกรรมที่บุคคลสามารถดำเนินการได้อย่างง่ายดายภายในขอบเขตทักษะและความสามารถของตน ตัวอย่างมีตั้งแต่การกระทำทางกายภาพขั้นพื้นฐาน เช่น การยกมือ ไปจนถึงกระบวนการรับรู้ตามปกติที่วิญญูชน (บุคคลผู้รู้ผิดรู้ชอบตามปกติทั่วไป) พึ่งทำได้
ณ จุดนี้ เริ่มมีเรื่องน่าคิดเรื่องแรกที่อยากฝากไว้ให้คิดก็คือ เพราะความเรียบง่ายของงานไม่ใช่การวัดผลที่สมบูรณ์ ดังนั้นสิ่งที่อาจถือว่าง่ายสำหรับคนคนหนึ่งอาจก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับอีกคนหนึ่งโดยพิจารณาจากความสามารถและประสบการณ์ของแต่ละคน
ต่อมาครับ Task ประเภทที่ 2. The Complex Task หรืองานที่ซับซ้อน:
Complex Task ในทางตรงกันข้าม เป็นงานที่ซับซ้อนอยู่เหนือขอบเขตของความเรียบง่าย โดยต้องใช้ Simple Task หลาย ๆ Simple Task หลายอย่างมากผลเข้าด้วยกัน มันเริ่มที่จะมีความต้องการในความทุ่มเท และบ่อยครั้งที่ Complex Task นี้ต้องใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะทาง เช่นการเดินทางไปธนาคารเพื่อทำธุรกรรมโอนเงิน การกระทำที่ดูเหมือนจะตรงไปตรงมานี้ เกี่ยวข้องกับงาน Simple Task ต่างๆ ที่ผสม ผสาน เชื่อมโยงถึงกัน เช่น การออกเดินทาง การกรอกแบบฟอร์ม การโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร และการปฏิบัติตามขั้นตอนทางการเงินต่าง ๆ จะเห็นได้แล้วว่า Complex Task คือการเอา Simple Task หลาย ๆ อันต่อ ๆ กัน
ที่น่าสนใจก็คือ Complex Task ของคน ๆ หนึ่ง กลับเป็น Simple Task ของคนอีกคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ควรมีการเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่เราจะได้ยอมรับในข้อเท็จจริงที่ว่า ความซับซ้อนของงานนี้เพิ่มขึ้นย่อมต้องอาศัยบุคคลที่มีความสามารถที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมีมีระดับความมุ่งมั่น และรวมถึงการมีทักษะเฉพาะทางที่สูงขึ้นด้วย
และงานประเภทสุดท้าย ประเภทที่ 3. คืองานที่ต้องพึ่งพา หรือ Dependency Task:
เพราะงานบางอย่างโดยเนื้อแท้ของมันคืองานที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน งาน Dependency Task เรียกร้องให้บุคคลหรือองค์กรหลายรายเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงได้ การสร้างครอบครัวถือเป็นตัวอย่างที่เจ็บปวดของงานที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน จำเป็นต้องมีความร่วมมือ การสื่อสาร และความมุ่งมั่นร่วมกันของบุคคลอย่างน้อยสองคนเพื่อจัดตั้งหน่วยครอบครัว
งาน Dependency Task ต้องใช้การพึ่งพิงที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของความเกื้อกูลกันทางสังคมและความพยายามในการทำงานร่วมกัน Dependency Task เป็นเครื่องเน้นย้ำว่า เป้าหมายบางอย่างไม่สามารถบรรลุได้โดยลำพัง และจำเป็นต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายราย
เรื่องที่น่าคิดจากการได้รู้จัก Task ทั้ง 3 ชนิดคืออย่างนี้ครับ…
สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักก็คือว่า การรับรู้ถึงความซับซ้อนของงานเป็นเรื่องที่เป็นส่วนตัวอย่างมาก สิ่งที่อาจเป็นงานง่ายๆ สำหรับคนๆ หนึ่งอาจเป็นงานที่ซับซ้อนสำหรับอีกคนหนึ่งก็ได้ ขึ้นอยู่กับทักษะ ประสบการณ์ และความชอบส่วนบุคคล ความเป็นอัตวิสัย (Subjective) นี้เน้นให้เห็นถึงความหลากหลายของมุมมองของมนุษย์ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเอาใจใส่เมื่อพิจารณาถึงความท้าทายที่ผู้อื่นอาจเผชิญในการทำงานประจำวันของพวกเขา และในความคิดเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า มันคงจะดูเหมือนกับว่าเราจะขาดความเข้าใจ ถ้าเรายังกล่าวคำว่า “ก็แค่” และถามคำถามที่ว่า “ง่ายๆ แค่นี้ ทำไมทำไม่ได้” อยู่ร่ำไป ก็เพราะ Complex Task ของใครบางคน คือ Simple Task ของใครอีกคนนั่นเอง นั่นคือข้อเท็จจริงครับ
และหากเราอยากจะจัดการอะไรบางอย่างเกี่ยวกัน Task ได้ เราควรจะทำอะไร ? คำถามนี้คือคำถามที่เราถูกถามมาบ่อยมาก ขออนุญาตเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับว่า เราควรจะแปลงงาน Dependency Task ให้กลายเป็นงาน Complex Task ให้ได้ แล้วหลังจากนั้นค่อยแตกงาน Complex Task ออกมาเป็น Simple Task เพื่อที่เราจะได้เห็นพลังงานที่เราได้ลงแรงลงเงินไปได้อย่างแม่นยำ
ความแปลงจาก Dependency Task ให้ได้กลายเป็น Complex Task ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การแปลงนี้อาจจะสามารถทำได้ผ่านการใช้บุคคลที่ 3 ที่จะเข้ามาเป็นตัวกลาง หรืออาจจะทำได้โดยการได้มาซึ่งทรัพยากรที่เคยเป็นของผู้ที่เราเคยต้องไปพึ่งพา
การทำความเข้าใจความซับซ้อนของงานคือการสำรวจธรรมชาติของกิจกรรมของมนุษย์ Task 3 ระดับ— Simple Task, Complex Task และ Dependency Task — ให้เลนส์ที่มีคุณค่าในการวิเคราะห์และเข้าถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญ การตระหนักถึงความเป็นอัตวิสัยของความซับซ้อนของงานจะส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจและเปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น ส่งเสริมความเข้าใจที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีในการจัดการกับงานการต่าง ๆ ที่แต่ละบุคคลต้องประสพ พบเจอ Task ทั้ง 3 ประเภทที่ได้กล่าวมา จะจัดการกับความซับซ้อนของงานที่ผู้คนจะต้องพบเจอในแต่ละวัน การรับรู้ถึงสิ่งที่ควรทำกับคำว่า Task จะเป็นการตอกย้ำถึงความจำเป็นในการปรับตัวและการมีความคิดสร้างสรรค์อันไม่มีที่สิ้นสุดในแนวทางการจัดการของของเรา เพื่อให้เราได้สามารถรับมือกับความท้าทายที่มีได้
ความสามารถในการปรับตัว การมีความคิดสร้างสรรค์ และความลื่นไหลของการจำแนกประเภท Task เหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาลักษณะของงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในโลกที่ไม่หยุดนิ่งของเรา บุคคลซึ่งมีทรัพยากรที่เหมาะสมสามารถจะสามารถลดการพึ่งพา และนำสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นอิสระได้ในที่สุด