อาณาจักรกรุงธนบุรีแม้จะด ารงอยู่ได้เพียง 15 ปี แต่กรุงธนบุรีก็ได้มีการพัฒนา ทางด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัย กรุงธนบุรี มีลักษณะส าคัญ 2 ประการ คือ 1) การป้องกันประเทศจากการรุกรานของต่างชาติ 2) การแผ่ขยายอำนาจไปยังอาณาจักรข้างเคียง เป็นลักษณะการเผชิญหน้าทางการทหาร เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงแก่บ้านเมือง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ทางด้านความมั่นคงและความ ปลอดภัยจากการรุกรานของข้าศึก อีกทั้งเพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและการค้าของ อาณาจักรธนบุรี
ลักษณะความสัมพันธ์กับต่างชาติสมัยกรุงธนบุรีเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ในระยะสั้น ๆ เพียง 15 ปี ได้แก่ ความสัมพันธ์กับรัฐเพื่อนบ้าน ความสัมพันธ์กับประเทศ ในทวีปเอเชีย และความสัมพันธ์กับประเทศในทวีปยุโรป
ล้านนาเป็นเมืองที่กองทัพพม่าเข้ามาคุกคาม บ่อยครั้ง แต่ไทยก็พยายามขับไล่พม่าออกไปจากล้านนาได้ส าเร็จทุกครั้ง แต่ไทยก็ไม่สามารถ รักษาเมืองล้านนาไว้ได้ เพราะเมื่อทัพกรุงธนบุรีออกจากเมืองล้านนา ทัพพม่าก็เข้ามาคุกคาม เมืองล้านนาอีก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเห็นว่าเมืองล้านนาเป็นเมืองซึ่งพม่าใช้เป็นฐาน ทัพทุกครั้งที่พม่ายกทัพมาตีเมืองไทย ทุกครั้งที่พม่ามารบกับไทย พม่าจะใช้เมืองล้านนาเป็น สถานที่เก็บคลังเสบียง ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงต้องทรงยกทัพไป ตีเมืองเชียงใหม่ และเมื่อตีเมืองเชียงใหม่ได้ส าเร็จ เมืองล้านนาก็เป็นอิสระ โดยมีกรุงธนบุรี คุ้มครองป้องกัน
หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310 หัวเมืองมลายู ได้แก่ เมืองปัตตานี ไทรบุรี กลันตัน และตรังกานู ที่เคยเป็นเมืองขึ้นของไทยมาตลอด สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ตั้งตนเป็นอิสระในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพไปตี เมืองนครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง แต่มิได้ยกทัพไปตีเมืองมลายู มีแต่ออกอุบายให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราชไปยืมเงินเมืองปัตตานี และไทรบุรี เมืองละ 1,000 ชั่ง ส าหรับที่จะซื้อเครื่องศาสตราวุธ เพื่อหยั่งท่าทีพระยาไทรบุรี และพระยาปัตตานี ดูว่าจะทำประการใด แต่ทั้งสองเมืองไม่ยอมให้ขอยืม สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็มิได้ยกทัพไปตีหัวเมืองมลายู เพราะเห็นว่าขณะนั้นเป็นการเกิน กำลังของพระองค์ที่จะยกทัพไปปราบ จึงปล่อยให้หัวเมืองมลายูเป็นอิสระต่อไป