สงครามเสียกรุงครั้งที่ 1 พ.ศ. 2112 การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างอาณาจักร พม่า และอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา อันเป็นผลมาจากพระเจ้าบุเรงนองต้องการได้กรุงศรีอยุธยา เป็นประเทศราช และอาจถือได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามช้างเผือก ในปี พ.ศ. 2106 ที่ ทรงตีกรุงศรีอยุธยาไม่ส าเร็จ ความขัดแย้งภายในกรุงศรีอยุธยาระหว่างสมเด็จพระมหา จักรพรรดิกับเจ้าเมืองพิษณุโลก พระมหาธรรมราชา ซึ่งมีพระทัยฝักใฝ่พม่าได้น าไปสู่ความ พินาศของกรุงศรีอยุธยาในที่สุดจนกระทั่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพ ให้กับอาณาจักรอยุธยาในอีก 15 ปีต่อมา
ก่อนการเสียกรุง พระมหาธรรมราชาเสด็จไปเฝ้าพระเจ้าบุเรงนองในปี พ.ศ. 2108 โดยทรงกล่าวโทษ ว่ากรุงศรีอยุธยาวางแผนก าจัดพระองค์พระเจ้าบุเรงนองจึงให้พระมหาธรรมราชาเป็นเจ้าเมือง ประเทศราช ทรงพระนามว่า พระศรีสรรเพชญ์ เจ้าฟ้าพิษณุโลก หรือเจ้าฟ้าสองแคว อันอยู่ใน ฐานะกบฏต่ออาณาจักรกรุงศรีอยุธยา พระมหาจักรพรรดิกับพระมหินทราธิราช เสด็จขึ้นไป เมืองพิษณุโลก ในขณะที่พระมหาธรรมราชาเสด็จไปหงสาวดีแล้วน าพระวิสุทธิกษัตรีพร้อมด้วย พระเอกาทศรถ มาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาเมื่อพระมหาธรรมราชาทราบเรื่องจึงให้ไปเข้ากับหงสาวดี อย่างเปิดเผย ถึงแม้ว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจะทรงน าพระชายา พระโอรสและพระธิดาของ พระมหาธรรมราชาลงมายังกรุงศรีอยุธยา โดยหวังว่าพระมหาธรรมราชาจะไม่ทรงกล้า ด าเนินการใด ๆ ต่อกรุงศรีอยุธยา แต่เหตุการณ์มิได้เป็นเช่นนั้น เมื่อพระมหาธรรมราชาทราบว่า พระอัครชายาและโอรส ธิดาถูกจับเป็นองค์ประกัน ก็ทรงวิตกยิ่งนัก แล้วรีบส่งสาส์นไปยัง พระเจ้าหงสาวดีให้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ก่อนการเสียกรุง พ.ศ. 2112 พระมหาธรรมราชาได้ ทรงส่งกองทัพมาร่วมล้อมกรุงศรีอยุธยาร่วมกับทัพใหญ่ของพระเจ้าบุเรงนองด้วย และได้ปฏิบัติ หน้าที่ส าคัญในกองทัพพม่าด้วย และในปี พ.ศ. 2112 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 แห่งล้านช้าง ทรงส่งกองทัพเข้าช่วยเหลือกรุงศรีอยุธยา พระมหาธรรมราชาก็ทรงปลอมเอกสารลวงให้กองทัพ ล้านช้างน าทัพผ่านบริเวณที่ทหารพม่าคอยดักอยู่ กองทัพล้านช้างจึงแตกพ่ายกลับไป
พระเจ้าบุเรงนองทรงน าทัพเข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2111 ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เมืองตาก รวมทั้งหมด 6 ทัพ ประกอบด้วย พระมหาอุปราชา เจ้าเมืองแปร เจ้าเมืองตองอู เจ้าเมืองอังวะ เจ้าเมืองเชียงใหม่ และเชียงตุง เข้ามาทางเมืองก าแพงเพชร โดย ได้เกณฑ์หัวเมืองทางเหนือ รวมทั้งเมืองพิษณุโลกมาร่วมสงครามด้วยรวมจ านวนได้กว่า 500,000 นาย ยกทัพลงมาถึงพระนครในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โดยให้พระมหาธรรมราชา เป็นกองหลังดูแลคลังเสบียง ทัพพระเจ้าบุเรงนองก็ตั้งค่ายรายล้อมพระนครอยู่ไม่ห่าง การตั้งรับ ภายในพระนคร ส่งผลให้มีการระดมยิงปืนใหญ่ของข้าศึกท าลายอาคารบ้านเรือนอยู่ตลอด ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเมื่อทราบว่าหัวเมืองทางเหนือเป็นของพม่าแล้ว จึงเตรียมรบอยู่ที่พระนคร น าปืนนารายณ์สังหารยิงไปยังกองทัพพระเจ้าหงสาวดีที่ตั้งอยู่บริเวณ ทุ่งลุมพลีถูกทหาร ช้าง ม้าล้มตายจ านวนมาก พม่าจึงถอยทัพมาตั้งที่บ้านพราหมณ์ให้พ้นทางปืน แล้วพระเจ้าหงสาวดีจึงเรียกประชุมการศึก พระมหาอุปราชเห็นสมควรให้ยกทัพเข้าตีไทย ทุกด้านเพราะมีก าลังมากกว่า แต่พระเจ้าหงสาวดีไม่เห็นด้วยเพราะกรุงศรีอยุธยามีท าเลดีมีน้ า ล้อมรอบ จึงสั่งให้ตีเฉพาะด้านตะวันออกเพราะคูเมืองแคบที่สุด พม่าพยายามจะท าสะพานข้าม คูเมืองโดยน าดินมาถมเป็นสะพาน พระมหาเทพนายกองรักษาด่านอย่างเต็มความสามารถ โดย ให้ทหารไทยใช้ปืนยิงทหารพม่าที่ขนดินถมเป็นสะพานเข้ามา ทำให้พม่าล้มตายจ านวนมาก จึงถอยข้ามคูกลับไป
พระเจ้าบุเรงนอง ทรงพยายามโจมตีอยู่นานจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2112 ก็ยังไม่ได้กรุงศรีอยุธยา อีกทั้งยังสูญเสียก าลังพลเป็นจ านวนมาก พระองค์ทรงพยายามเปลี่ยน ที่ตั้งค่ายอยู่หลายระยะ ภายหลังทรงย้ายค่ายเข้าไปใกล้ก าแพงเมือง จนท าให้สูญเสียพลอย่างมาก ระหว่างการสงคราม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวร และสวรรคตในเวลาต่อมา สมเด็จ พระมหินทราธิราชขึ้นครองราชย์และทรงบัญชาการรบแทน พระเจ้าบุเรงนองจึงถามพระมหาธรรมราชาว่าจะท าอย่างไรให้ชนะศึกโดยเร็ว พระมหาธรรมราชาทรงแนะว่าพระยารามเป็น แม่ทัพส าคัญหากได้ตัวมาการยึดพระนครจักส าเร็จ จึงมีสาส์นมาถึงพระอัครชายาว่า “...การศึก เกิดจากพระยารามที่ยุยงให้พี่น้องต้องทะเลาะกัน ถ้าส่งตัวพระยารามมาให้พระเจ้าหงสาวดี จะยอมเป็นไมตรี...” สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงอ่านสาส์นแล้ว ปรึกษากับข้าราชการต่าง ๆ จึงเห็นสมควรสงบศึกเพราะผู้คนล้มตายกันมากแล้ว สมเด็จพระมหินทราธิราช มีรับสั่งให้ส่ง พระสังฆราชออกไปเจรจาและส่งตัวพระยารามให้พระเจ้าบุเรงนองเพื่อเป็นไมตรี แต่พระเจ้าบุเรงนองตระบัดสัตย์ไม่ยอมเป็นไมตรี ท าให้สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงพิโรธโกรธแค้น ในการกลับกลอกของพระเจ้าบุเรงนองอย่างมาก มีรับสั่งให้ขุนศึกทหารทั้งปวงรักษาพระนคร อย่างเข้มแข็ง พระเจ้าบุเรงนองเห็นว่ายังไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้จึงส่งพระมหาธรรมราชา มาเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้แต่ถูกทหารไทยเอาปืนไล่ยิงจนต้องหนีกลับไป
พระเจ้าหงสาวดีคิดอุบายจะใช้พระยาจักรีที่จับตัวได้เป็นประกัน เมื่อครั้ง สงครามช้างเผือกเป็นไส้ศึก จึงให้พระมหาธรรมราชาทรงเกลี้ยกล่อมพระยาจักรีให้เป็นไส้ศึกใน กรุงศรีอยุธยา แล้วแกล้งปล่อยตัวออกมา รุ่งเช้าพม่าท าทีเป็นตามหาแต่ไม่พบเลยจับตัวผู้คุมมา ตัดหัวเสียบไว้ริมแม่น้ าเพื่อให้ไทยหลงกล สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงดีพระทัยที่พระยาจักรี หนีมาได้จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชาการรบแทนที่พระยาราม
ครั้นพระยาจักรีได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาพระนครแล้วจึงดำเนินการ สับเปลี่ยนหน้าที่ของฝ่ายต่าง ๆ จนกระทั่งการป้องกันพระนครอ่อนแอลง พระยาจักรีได้ใส่ร้าย ให้พระศรีสาวราชว่าเป็นกบฏจึงถูกส าเร็จโทษ เมื่อเห็นว่าได้เวลาอันควรพระยาจักรีจึงให้ สัญญาณแก่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาทุกด้าน และให้กองทัพพม่าเข้ายึดพระนครส าเร็จกรุงศรีอยุธยา จึงตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าในปี พ.ศ 2112
พระเจ้าบุเรงนองประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาจนกระทั่ง วันศุกร์ขึ้นหกค่ า เดือนสิบสอง ปีมะเส็ง พ.ศ. 2112 ได้อภิเษกให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา ในฐานะประเทศราช ทรงพระนามว่า สมเด็จพระสรรเพชญที่ 1 บางแห่งเรียก “พระสุธรรมราชา” สมเด็จพระมหินทราธิราช พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ ได้ถูกน าไปกรุงหงสาวดีด้วย แต่สมเด็จพระมหินทราธิราช ประชวรและสวรรคตระหว่างทางไปกรุงหงสาวดีพม่าเข้ายึดทรัพย์สิน และกวาดต้อนผู้คนกลับไปพม่าเป็นจ านวนมาก โดยเหลือให้รักษาเมืองเพียง 1,000 คน คนที่ เหลือก็หนีไปหลบอาศัยอยู่ที่อื่น บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายได้รับความเสียหายเป็นอันมาก อาณาจักรอยุธยาจึงตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเป็นเวลานาน 15 ปี
หลังจากเสร็จสิ้นสงครามช้างเผือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ปรับปรุงบ้านเมือง เพื่อเตรียมรับศึก รวมทั้งสร้างสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งเป็นเหตุให้สมเด็จพระมหินทราธิราช พระราชโอรสของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเกิดความขัดแย้ง กับพระมหาธรรมราชา เจ้าผู้ครองเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระมหินทราธิราช จึงได้ให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ส่งกองทัพมาช่วยตีเมืองพิษณุโลก แต่พระมหาธรรมราชาสามารถป้องกันเมืองไว้ได้
พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทรงสถาปนาพระมหาธรรมราชา เป็นเจ้าประเทศราชของกรุงหงสาวดี ปกครองเมืองพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือ โดยไม่ขึ้นต่อ กรุงศรีอยุธยา จากการขัดแย้งระหว่างพระมหาธรรมราชากับสมเด็จพระมหินทราธิราช ท าให้ทาง กรุงศรีอยุธยาอ่อนแอลง
ในปี พ.ศ. 2111 พระเจ้าบุเรงนอง ยกทัพใหญ่มาหมายตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกพ่าย กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายเดือน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ายึดได้เพราะทหารกรุงศรี อยุธยาได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เพื่อรอให้ถึงฤดูน้ าหลาก ซึ่งจะท าให้กองทัพพม่าตั้งค่ายอยู่ไม่ได้ ระหว่างที่ศึกมาประชิดกรุงนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวรและเสด็จสวรรคตใน เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2111 พระมหินทร์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระนามว่า สมเด็จ พระมหินทราธิราช และทรงต่อสู้ป้องกันกรุงศรีอยุธยาต่อไป หลังจากนั้นทางพม่าได้ใช้กลอุบาย ให้พระยาจักรีมาเป็นไส้ศึก กรุงศรีอยุธยาจึงเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2112
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ท าให้สมเด็จพระมหินทราธิราชถูกจับไปเป็นเชลย ที่หงสาวดีรวมทั้งข้าราชบริพารอีกจ านวนหนึ่งและท าให้กรุงศรีอยุธยาได้กลายเป็นประเทศราช ของกรุงหงสาวดีนับแต่นั้นมา ซึ่งนับเป็นการสูญเสียอิสรภาพของคนไทยเป็นครั้งแรก
การเสียกรุงครั้งที่ 1 โดยสาเหตุใหญ่มาจากการแตกความสามัคคี ไม่จงรักภักดีต่อชาติและพระมหากษัตริย์ บรรดาขุนนางผู้มีอำนาจทั้งในพระนคร และหัวเมือง ใหญ่ต่างมีความรู้สึกแตกแยกแบ่งเขาแบ่งเรา แก่งแย่งชิงดี กอบโกยอ านาจสู่ตนเอง ท าตนเป็น ไส้ศึกให้ฝ่ายตรงข้าม ขาดความเป็นน้ าหนึ่งใจเดียวกันของพลเมือง จึงท าให้ไม่อาจรวมพลัง ต้านทานกองก าลังแสนยานุภาพของข้าศึกศัตรูได