ภาษาของเผ่าอาข่าจัดอยู่ในสาจา ยิ (โลโล) ของตระกูลพม่า-ธิเบต มีภาษาพูดแต่ไม่มีภาษาเขียน ไม่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภาษา และต้นกำเนิดที่แน่ชัด แต่จะเป็นในลักษณะสืบทอดต่อ ๆ กันมามากกว่า อย่างไรก็ตาม การใช้ภาษาของชนเผ่าอาข่า มีลักษณะการสื่อเพื่อให้เกิดความเข้าใจต่างกัน โดยใช้ลักษณะ วัย และลักษณะ งาน เป็นตัวแยกแยะการพูดสื่อสาร กล่าวคือหากพูดกับเด็กเล็กที่กำลังฝึกพูดจะมีการใช้ภาษาอีกแบบหนึ่ง เช่น น้ำ ก็จะเรียกว่า “อ่าอ่า” ในขณะที่ถ้าสื่อสารกัน ได้ก็จะเรียกว่า “อี๊จุ” และหากมีการใช้ภาษาในพิธีกรรม เช่น งานศพ ก็จะใช้ศัพท์ ค่อนข้างยาก อาทิเช่น เรียกพระอาทิตย์ คำเต็ม เรียกว่า “น๊องมา” แต่ถ้ามาใช้ในการสวดพิธีก็จะใช้แทนพระอาทิตย์ว่า “น๊อง” โดยไม่ใช้คำเต็ม เป็นต้น สำเนียงภาษาพูดของชนเผ่าอาข่ามีลักษณะเสียงสั้นสูง นิยมตะโกนออกเสียงดัง และมีเสียงแหลมอาจเป็นเพราะว่าอาข่าอาศัยอยู่บนพื้นที่สูง และอากาศหนาวเย็น จึงมีการใช้เสียงดัง เพื่อจะได้ยินในระยะไกลเนื่องจากว่าอาข่ามีหลายแขนงที่แตกออกไป กระจัดกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ การใช้ภาษาถึงแม้จะคล้ายกัน แต่ต่างกันตรงสำเนียง จะสื่อสารกันได้ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้ภาษาในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่กำลังเติบโตมาทุกวันนี้แล้ว เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะความเจริญที่เข้าไป ไม่ว่าจะด้วยเรื่องการศึกษา การทำงานของคนรุ่นใหม่ กับสังคมเมืองมีมากขึ้นทุกวัน การใช้ภาษาซึ่งเป็นพื้นฐานของตนเอง เริ่มน้อยลงทันตาเห็น แม้กระทั่งเด็กที่เพิ่งออกมาดูโลกก็ได้รับการปลูกฝังให้พูดอีกภาษาหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมของสังคมเมือง
ภาษาของกลุ่มอู่โล้อาข่า
ภาษาอาข่าของกลุ่มอู่โล้อาข่าถือว่าเป็นภาษากลางของทุกกลุ่มอาข่า ด้วยการออกเสียงระดับเดียวกัน ฟังออกจะแข็ง ๆ การออกเสียงไม่ค่อยมีความสลับซับซ้อน กล่าวคือ พูดเป็นธรรมชาติ ไม่มีการปิดลมจมูก หรือใช้ลิ้นในการบังคับเสียง และเสียงที่เกิดขึ้นส่วนมากเกิดจากลำคอ จากความง่ายในการพูด ออกเสียง จึงทำให้ภาษาอู่โล้เป็นภาษากลางในการสื่อสารไปโดยปริยาย และสามารถพบเห็นกลุ่มอาข่าต่าง ๆ มาใช้ภาษาอู่โล้ในการสื่อสารทั่วไป
ภาษาของกลุ่มลอมี้อาข่า
ในการออกเสียงภาษาพูดของกลุ่มลอมี้อาข่าจะไม่แหลมเหมือนกลุ่มอู่โล้ทั่วไป จะมีความนุ่มและพูดไม่ดัง ศัพท์และคำพูดส่วนมากก็คล้ายกับกลุ่มอู่โล้ทั่วไป แต่อาจมีความต่างในการเรียกชื่อสิ่งของและสัตว์ เช่น เรียกวิทยุ เสาบ้าน หมู กลอง กล้องถ่ายรูป เป็นต้น โดยการออกเสียงนั้นจะเน้นการใช้ลิ้นบังคับเสียง ซึ่งการบังคับนี้ทำให้กลุ่มอาข่ากลุ่มอื่น ๆ ไม่สามารถพูดเหมือนกลุ่มลอมี้ได้ นับว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีความ
แตกต่าง ในด้านน้ำหนักเสียง การออกเสียง สำเนียง แต่อาข่ากลุ่มนี้ก็สามารถสื่อสารกับอาข่าทั่วไปได้
ภาษาของกลุ่มผะหมี๊อาข่า
ภาษาพูดของกลุ่มผะหมี้อาข่า จะไม่พูดดัง เสียงจะมีความนุ่มนวล ไพเราะและมีสำเนียงการพูดเหมือนกับลอมี้อาข่าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อสัตว์ สิ่งของ น้ำหนักเสียง จุดเกิดเสียง ซึ่งสายสัมพันธ์ด้านภาษาและคำพูด ตลอดถึงวัฒนธรรมความเป็นมาของกลุ่มลอมี้และผะหมี้ มีส่วนทำให้สองกลุ่มอาข่ามีความคล้ายคลึงกัน
ภาษาของกลุ่มหน่าค๊าอาข่า
อาข่ากลุ่มนี้มีภาษาของตนเอง จัดอยู่ในสาขาพม่า-โลโล กลุ่มตระกูลภาษาย่อยทิเบต-พม่า มีความสัมพันธ์ทางภาษากับพวกมูเซอและชาวลีซอ มีบางคำที่ยืมมาจากภาษาจีน และถึงแม้ว่ากลุ่มหน่าค๊าอาข่านี้จะมีภาษาเป็นของตนเอง แต่ไม่มีตัวอักษรใช้
ภาษาของกลุ่มเปี๊ยะอาข่า
ภาษาพูดของเปี๊ยะอาข่ากลุ่มนี้ มีลักษณะการพูดเร็ว เสียงสั้น และดัง การพูดคุยสำเนียงจะเหมือนกับกลุ่มอู่โล้อาข่าทั่วไป น้ำเสียงมาจากลำคอ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามีสำเนียงการพูดจาเหมือนกับกลุ่มอู่โล้ทั่วไป แต่มีคำพูดหลายคำที่มีการใช้คำหมายไม่เหมือนกัน เช่นคำว่า ตัด กัด เป็นต้น
ภาษาของกลุ่มอ้าเค้ออาข่า
กลุ่มอ่าเค้ออาข่ามีภาษาต่างจากคนอาข่าทั่วไปอย่างสิ้นเชิง จนไม่สามารถสื่อสารกันได้ สายสัมพันธ์ของอ้าเค้อไปทาง เท่อ เพอะโซว้ะ, เท่อ เพอะ หมื่อ ต่างจากอาข่ากลุ่มอื่น ๆ ที่มาทาง เท่อ เพอะ เม้อง ทำให้สายสัมพันธ์ห่างเกินกว่า ๕๐ ชั่วอายุคน อย่างไรก็ตามอ้าเค้ออาข่ามีลักษณะคำพูดคล้ายกับกลุ่มอาข่า ที่อาศัยอยู่ที่หงเหอ ในประเทศจีน การสื่อสารกันระหว่างกลุ่มคนอ้าเค้อ มักพูดภาษาอู่โล้ได้ ซึ่งเป็นภาษากลาง แต่อาข่ากลุ่มอื่น ๆ ในเมืองไทยไม่สามารถพูดภาษาอ้าเค้อได้เลย
ภาษาของกลุ่มอ้าจ้ออาข่า
กลุ่มอ้าจ้ออาข่า นับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาข่าที่มีทั้งประวัติศาสตร์และตำนาน ภาษาของอาข่ากลุ่มนี้ หากไม่คุ้นเคยมักงงและไม่เข้าใจ เพราะกลุ่มอาข่ากลุ่มนี้มักพูดเร็ว รวนและดูเหมือนพูดภาษาอาข่าไม่ชัด หากไม่ตั้งใจฟังอาจจะฟังไม่ออก อ้าจ้ออาข่าได้รับอิทธิพลทางด้านภาษาไทใหญ่ ตอนอยู่ประเทศพม่า จะสังเกตได้ว่ามักพูดภาษาไทใหญ่ได้ดี การออกเสียงโดยมากมักต่างกันกับกลุ่มอาข่าอื่น ๆ อย่างไรก็ตามปัจจุบันกลุ่มเยาวชน และเด็กรุ่นใหม่โดยเฉพาะเด็กที่ผ่านการศึกษา
ในสถานศึกษา มักปรับเปลี่ยนภาษาพูดแบบอู่โล้อาข่าเพราะได้ปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มอาข่ากลุ่มนี้ และมีแนวโน้มที่ภาษาอ้าจ้ออาจหายเพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยพูดคุยกัน
ภาษาของกลุ่มอูพีอาข่า
กลุ่มอู่พีอาข่ามีประวัติศาสตร์ทั้งในด้านพื้นที่อยู่อาศัย (ตอนอยู่ในประเทศพม่า) การอพยพเข้ามาสู่เมืองไทย ไปสัมพันธ์กับลอเมี๊ยะอาข่า ซึ่งเข้ามาพร้อมกับกลุ่มลอเมี๊ยะที่เข้ามาทาง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เช่น ลอเมี๊ยะอาข่าบ้านป่ากล้วย จึงมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง เช่น ภาษาพูด กลุ่มอู่พีอาข่ารุ่นหลังเข้าใจว่าตนเองเป็นกลุ่มลอเมี๊ยะเพราะได้รับอิทธิพลไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย ภาษาพูด หรือความใกล้เคียง ในด้านสายบรรพชน จนในที่สุดถูกดูดกลืนไป ภาษาพูดอาข่ากลุ่มนี้มักพูดเสียงนุ่ม แต่ดัง แต่สำเนียงจะเหมือนกับล่อเมี๊ยะอาข่าทุกประการ มีการออกเสียงเหมือนกับไม่ชัด มีความต่างในด้านการออกเสียง เช่น เรียกชื่อไก่ เสาบ้าน เป็นต้น