Topic 1

Request, Suggestion and Description 

Request การขอร้อง คำขอร้อง การอ้อนวอน คำอ้อนวอน หรือความต้องการ เป็นคำนาม  (noun) และเมื่อเป็นคำกริยา (verb) มีความหมายว่าขอร้อง เรียกร้อง ขอ ถามหา หรืออ้อนวอน โครงสร้างประโยค request อาจเป็นประโยคบอกเล่าซึ่งเขียนได้ 2 แบบ คือ วาง Please ไว้  ต้นประโยค คือ  

- Please ………………………………… .  

หรืออาจวาง please ไว้ท้ายประโยค คือ 

- …………………………………, please. 

 ประโยคทั้ง 2 แบบนี้มีความหมายว่า  

- กรุณา/โปรด ………………………………… โดยบอกสิ่งที่ขอร้องหรืออ้อนวอน ตัวอย่างเช่น - Please open the window. 

- Open the window, please. 

- กรุณา/โปรดเปิดหน้าต่าง 

Suggestion เป็นคำนาม (noun) หมายถึง การเสนอแนะ การแนะนำ การชักชวน หรืออาจ หมายถึงข้อชวนคิด แต่ถ้าเป็น verb แปลว่า เสนอแนะ แนะนำ ชักชวน 

โครงสร้างประโยค suggestion อาจเป็นประโยคบอกเล่าที่นิยมใช้กันมาก คือ  - Let’s …………………………………  หมายความว่า  

- เรา ………………………………… กันเถอะ  

คำว่า Let’s ลดรูปมาจาก Let us เป็นประโยค suggestion อาจเป็นประโยคคำถาม ซึ่งมีโครงสร้างประโยค ดังนี้ 

- Shall ………………………………… ? 

- เรา ………………………………… กันไหม 

หรืออาจเป็นประโยคคำถามปฏิเสธ คือ

- Why don’ t ………………………………… ? 

- ทำไมไม่ ………………………………… ล่ะ 

ตัวอย่างเช่น 

- Let’s have lunch now. / I’m very hungry. 

- ไปทานข้าวกลางวันกันเถอะ ฉันหิวมากแล้ว 

- Why don’t we have lunch? / I’m very hungry. 

- ทำไมไม่ไปทานข้าวกลางวันกันล่ะ ฉันหิวมากแล้ว 

Description เป็นคำนาม (noun) มีความหมายว่าการบรรยาย การพรรณนา แต่ถ้าเป็น verb จะใช้ describe คือ บรรยายหรือพรรณนา 

ตัวอย่างเช่น 

- He describes his new car to us. 

- เขาอธิบายถึงรถยนต์คันใหม่ของเขาให้พวกเราฟัง 

การอธิบายเรื่องราวหรือสิ่งของต่าง ๆ ส่วนมากจะใช้ Verb to be  

ตัวอย่างเช่น 

- I am a student. หรืออาจลดรูปเป็น 

- I’m a student. 

- ฉันเป็นนักศึกษา 

โครงสร้างประโยคที่พบเห็นได้บ่อยและใช้กันอยู่เสมอ ได้แก่ 

- I am ………………………………… หรืออาจลดรูปเป็น  

- I’m ………………………………… .แปลว่า  

- ฉันคือ ………………………………… หรือ  

- ฉันเป็น ………………………………… 

แต่ถ้าเปลี่ยนจาก I เป็น He, She, It ก็ต้องเปลี่ยนกริยาเป็น is ดังนี้  

- He is ………………………………… . ลดรูปเป็น  

- He ’s ………………………………… . 

- เขาคือ ………………………………… หรือ เขาเป็น ………………………………… ตัวอย่างเช่น 

- He is my friend. ลดรูปเป็น 

- He’s my friend. 

- เขาเป็นเพื่อนของฉัน 

- She is ………………………………… . ลดรูปเป็น  

- She ’s ………………………………… . 

- เธอคือ ………………………………… หรือ เธอเป็น ………………………………… ตัวอย่างเช่น 

- She is good at gymnastic. 

- She ’s good at gymnastic. 

- เธอเก่งยิมนาสติก 

- It is ………………………………… .  

- It’s ………………………………… .  

- มันคือ ………………………………… หรือ มันเป็น ………………………………… 

ตัวอย่างเช่น 

- It is easy. 

- It’s easy. 

- มันง่าย 

โครงสร้างที่กล่าวมานี้เป็นรูปเอกพจน์ (singular) นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างรูปพหูพจน์ (plural)  คือ  

- They are ………………………………… . ลดรูปเป็น 

- They’re ………………………………… . 

- เขาเหล่านั้นคือ ………………………………… หรือ เขาเหล่านั้นเป็น ………………………………… 

- They are football player. 

- They ’re football player. 

- พวกเขาเป็นนักฟุตบอล 

ยังมีอีกโครงสร้างหนึ่งที่เป็น plural คือ  

- We are ………………………………… . ลดรูปเป็น  

- We’re ………………………………… .  

- เราทั้งหมดคือ ………………………………… หรือ เราทั้งหมด ………………………………… ตัวอย่างเช่น 

- We are carrying our luggage to the check in counter.  

- We’re carrying our luggage to the check in counter. 

- เรากำลังนำกระเป๋าเดินทางของเราไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน 

เรื่องที่ 1 Airport

สนามบิน (Airport) เป็นสถานที่ผู้โดยสารไปขึ้นหรือลงเครื่องบิน ผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบิน  (aeroplane หรือ airplane) จะต้องไปขึ้นเอง คำศัพท์และความหมายที่พบเห็นบ่อยที่สนามบิน หรือ Airport ได้แก่ 

ที่มาจาก http://itmoomoo.wordpress.com 7 ส.ค. 57 

ที่มาจาก www.hongkongfanclub.com/ 7 ส.ค. 57 

เมื่อทราบคำศัพท์และความหมายที่มักใช้ในสนามบินแล้ว ทีนี้ขอให้นักศึกษามาดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มักพบที่สนามบิน เริ่มต้นด้วยที่เคาน์เตอร์   เช็คอิน

เจ้าหน้าที่ทักทายแจเน็ทแล้วสอบถามว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง แจเน็ทแจ้งว่าทำโทรศัพท์เคลื่อนที่หายเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว ลืมทิ้งไว้ในห้องน้ำพอกลับไปดูอีกทีมันหายไปแล้ว เจ้าหน้าที่เลยให้กรอกแบบฟอร์ม แล้วกำชับให้กรอกที่อยู่หรือ e-mail ไว้ด้วยจะได้ติดต่อกลับ แจเน็ทกล่าวขอบคุณ แล้วลาจากไป

เรื่องที่ 2 Money Exchange

ที่มาจาก http://www.iphoneapptube.com 7 ส.ค. 57 

       การเดินทางที่สะดวกสบาย รวมทั้งการใช้จ่ายเงินในต่างประเทศ สามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (credit card) ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามผู้นิยมเดินทางต่างประเทศยังจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเงินตราในภาษาอังกฤษเรียกว่า money exchange เพื่อใช้จ่ายในบางสถานที่ เช่น ร้านค้าย่อย ตลาดขายผัก ผลไม้และดอกไม้ รวมทั้งร้านขายขนม อาหาร และร้านกาแฟบริเวณริมถนน การแลกเปลี่ยนเงินตรา (money exchange) จะมีการซื้อขายเฉพาะธนบัตร (banknote) ธนบัตรราคาสูงจะซื้อขายแพงกว่าธนบัตรย่อย ส่วนเหรียญ (coin) ไม่รับซื้อขายแลกเปลี่ยน แต่ใช้ได้เฉพาะภายในประเทศนั้น ๆ

       เงินตรา (currency) ศัพท์นี้เป็นคำนาม การซื้อ (buying) และการขาย (selling) เงินสกุลต่าง ๆจะมีราคาขึ้นลงตามกระแสเศรษฐกิจ แต่ละประเทศมีสกุลเงินของประเทศตน เช่น ประเทศไทยใช้เงินบาท(baht) สังเกตว่าแม้จำนวนเงินมากกว่า 1 บาท คำว่า baht จะไม่เติม s ท้ายคำ ซึ่งต่างจากสกุลเงินของประเทศอื่น ๆ

      เมื่อพูดถึง dollar ถ้ามากกว่า 1 dollar จะเติม s ที่ท้ายคำ ได้แก่ 5 dollars, 12 dollars, 35 dollars ฯลฯ หลายประเทศใช้สกุลเงิน dollar เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เป็นต้น โดยมูลค่าของ dollar ในแต่ละประเทศจะต่างกัน ประเทศสหราชอาณาจักร (The United Kingdom) ประกอบด้วย อังกฤษ (England) สก็อตแลนด์ (Scotland) เวลส์ (Wales) และไอร์แลนด์ (Ireland) ประเทศเหล่านี้ใช้สกุลเงินปอนด์ (pound) ส่วนอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป (Europe) ใช้สกุลเงินยูโร (euro) ในทวีปเอเชีย (Asia) ยังมีประเทศญี่ปุ่นใช้สกุลเงินเยน (yen) ประเทศเกาหลีใช้สกุลเงินวอน (won) ประเทศอินโดนีเซียใช้สกุล เงินรูปียา (rupiah) ประเทศเวียดนามใช้สกุลเงินด่อง (dong) อีกประเทศหนึ่งที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใคร ก็คงเป็นประเทศจีนซึ่งใช้สกุลเงินหยวน (yuan)

ที่มาจาก http://www.sarapee.ac.th 7 ส.ค. 57

นักศึกษาลองมาดูบทสนทนาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตรา ให้สังเกตสำนวนและรูปประโยคที่ใช้ด้วย

     โทนี่ไปสอบถามอัตราแลกเปลี่ยนเงินอเมริกันดอลลาร์ และต้องการแลกเงิน 2,000 ดอลลาร์ โดยต้องการแต่ธนบัตรใบละ 100 ดอลลาร์ แต่เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตราบอกว่า มีให้แค่ 1,800 ดอลลาร์ ที่เหลือต้องเป็นธนบัตรใบละ 20 ดอลลาร์ ซึ่งราคาจะถูกกว่า ทั้งหมดเป็นเงินไทย 66,900 บาท และสามารถจ่ายโดยบัตรเครดิตได้ ซึ่งโทนี่ได้ซื้อธนบัตรดอลลาร์ตามนั้น

      นอกจากการแลกเงินที่เคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตราแล้ว นักศึกษายังสามารถแลกเงินในเครื่องแลกเงินที่มีอยู่ในสนามบินบางแห่งได้ด้วย ลองมาอ่านตัวอย่างในเรื่องนี้ และพยายามทำความเข้าใจในเนื้อหาให้ชัดเจน

         อลิสต้องการแลกเงินเหรียญ (small change) จึงลากกระเป๋าไปที่เครื่องแลกเงิน (a money changer machine) ซึ่งอยู่ในล็อบบี้ผู้โดยสารขาเข้า (the arrival lobby) ที่สนามบิน อลิสจึงใส่ธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ (one dollar bill) เข้าไปในเครื่องแลกเงิน เหรียญ 25 เซ็นต์ ออกมาจากเครื่อง 4 เหรียญ 

         ขอให้นักศึกษาสังเกตด้วยว่าธนบัตรใช้ a banknote หรือ a bill ก็ได้ และเหรียญ 25 เซ็นต์  (1 ดอลลาร์เท่ากับ 100 เซ็นต์) เรียกว่า a quarter