ประเทศไทยได้ยึดหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมีรัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดินมาตั้งแต่พุทธศักราช 2475 จนถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 เป็นแนวทางสำคัญตลอดมาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การปกครองที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุดหรือแบ่งการปกครองของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
1. มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ ซึ่งได้กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการเมือง การปกครองและประชาชน รวมถึงสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ของประชาชนทุกคน
2. มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง คือ อำนาจอธิปไตย ประกอบด้วย อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศและการใช้อำนาจต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนด
3. การปกครองระบอบประชาธิปไตยให้ถือว่าเสียงข้างมากหรือเหตุผลของคนส่วนใหญ่เป็นมติที่ต้องยอมรับ
4. มีความเสมอภาค โดยประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในทุกๆ ด้าน เพราะทุกคนอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน
1. อำนาจนิติบัญญัติ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ใช้พระราชอำนาจนิติบัญญัติผ่านทางรัฐสภา
ซึ่งเป็นอำนาจที่ใช้ในการตรากฎหมาย ควบคุมการบริหาราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหารและกำหนดนโยบาย
ให้ฝ่ายบริหารปฏิบัติ สถาบันทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับอำนาจนิติบัญญัติ ได้แก่ รัฐสภา ประกอบด้วย
สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และให้ถือว่ารัฐสภาเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศและเป็นผู้รักษา
ผลประโยชน์ของประชาชน
2. อำนาจบริหาร พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ใช้พระราชอำนาจบริหารผ่านทางรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ในการวางนโยบาย กำหนดเป้าหมายดำเนินกิจการต่าง ๆ ของรัฐ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ด้วยเหตุนี้อำนาจบริหารจึงมีความสำคัญต่อระบบการปกครองของรัฐ
3. อำนาจตุลาการ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ใช้พระราชอำนาจตุลาการฝ่ายทางศาล มีอำนาจหน้าที่รักษาความยุติธรรมตามที่กฎหมายกำหนด รักษาเสรีภาพของบุคคล ป้องกันและแก้ไขมิให้บุคคลล่วงล้ำเสรีภาพต่อกัน ตลอดจนคอยควบคุมมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจเกินขอบเขต
1. ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการดำรงชีวิตในทุก ๆ ด้าน ทั้งการเมืองการปกครอง การประกอบอาชีพ สิทธิในที่ดิน ครอบครองทรัพย์สิน การนับถือศาสนาและอื่น ๆ โดยไม่ละเมิดกฎหมาย
2. ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในด้านต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าจะร่ำรวย ยากจน ร่างกายสมบูรณ์หรือพิการเพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
3. ประชาชนมีความกระตือรือร้นในการประกอบอาชีพ เพราะสามารถประกอบอาชีพตามความต้องการของตน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถพัฒนาไปสู่ความเจริญได้
4. รัฐบาลไม่สามารถผูกขาดอำนาจได้ เนื่องจากประชาชนเป็นผู้คัดเลือกรัฐบาลและหากไม่พอใจยังสามารถถอดถอนรัฐบาลได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินและมีจริยธรรมในการทำงาน
5. มีความรุนแรงระหว่างประชาชนและรัฐบาลในระดับน้อย เนื่องจากกฎหมายให้อำนาจประชาชนในการคัดเลือกรัฐบาลและการชุมนุมเรียกร้องโดยสันติวิธี มีการเจรจาอย่างมีเหตุผล อีกทั้งมีหน่วยงานที่รองรับกรณีพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน เช่น ศาลปกครอง เป็นต้น
6. ในกรณีที่มีปัญหาต้องแก้ไขจะต้องให้ความสำคัญกับเสียงส่วนใหญ่และเคารพเสียงส่วนน้อย
รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ คือรัฐสภา ซึ่งมีบทบัญญัติกำหนดหลักการสำคัญต่างๆ เช่น รูปแบบการปกครอง การใช้อำนาจอธิปไตยความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการปกครอง ตลอดจนสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ของประชาชน
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักที่สำคัญที่สุด มีรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่เรียกว่า อำนาจอธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ปกครองในระบบรัฐสภา การบริหารประเทศหรือการออกกฎหมายย่อมต้องดำเนินการภายในกรอบของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ถ้าขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญย่อมไม่มีผลบังคับใช้
กฎหมาย คือ ข้อบังคับทั้งหลายของรัฐหรือประเทศที่ใช้บังคับความประพฤติของบุคคล ซึ่งผู้ใดจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะต้องมีความผิดและต้องถูกลงโทษ กฎหมายจึงมีความสำคัญต่อบทบาทของทุก ๆสังคม ทั้งในด้านให้ความคุ้มครองและถูกลงโทษตามเหตุการณ์
1. กฎหมายเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือบริหารประเทศโดยตรง เช่น กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการวางรูปแบบโครงสร้างและกลไกการบริหารงาน และกฎหมายปกครองเป็นกฎหมายที่จัดระเบียบการปกครองประเทศหรือการบริหารรัฐ เป็นต้น
2. กฎหมายเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมให้สมาชิกในสังคม สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสงบสุข เช่น กฎหมายอาญา กฎหมายแรงงาน กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้นซึ่งกฎหมายเหล่านี้นอกจากจะมุ่งเน้นให้ประโยชน์สุขแก่ประชาชนแล้ว ยังป้องกันการกระทำที่เป็นผลร้าย มิให้มีการรังแก เอาเปรียบซึ่งกันและกัน ผู้ที่ก่อให้เกิดผลภัย กระทำการไม่ดีถือว่ากระทำตนไม่ถูกต้องตามกฎหมายต้องถูกลงโทษ เพื่อมิให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่างและเพื่อความสงบสุขของคนส่วนใหญ่ในสังคม
1. คุณค่าทางการเมืองการปกครอง เช่น ประชาชนสามารถเลือกบุคคลที่เป็นตัวแทนปกครองตัวเองได้ด้วยการใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกผู้แทนราษฎร
2. คุณค่าทางเศรษฐกิจ เช่น มีสิทธิเสรีภาพในการซื้อขายจากการผลิต การบริการ โดยได้รับการคุ้มครองจากรัฐอย่างเป็นธรรม
3. คุณค่าทางสังคม เช่น ได้รับความคุ้มครองจากรัฐทั้งชีวิตและทรัพย์สินภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน