ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่เอกชนหรือประชาชนทั่วไป มีเสรีภาพในการตัดสินใจทำกิจกรรมต่าง ๆ
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดและวางแผนในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในการตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกิจแบบผสม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจแบบผสมนี้เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาและข้อบกพร่องของระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมและแบบสังคมนิยม โดยจะมีทั้งการใช้กลไกราคา เป็นกากำหนด และการวางแผนมาจากรัฐบาลส่วนกลาง
ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบผสมมากขึ้นจะเห็นได้จากการที่รัฐบาลได้ให้โอกาสประชาชนมีเสรีภาพทำกิจกรรมทางธุรกิจได้มากขึ้น โดยอาศัยกลไกราคาเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแต่กิจกรรมทางธุรกิจใช้วิธีการควบคุมหรือดำเนินการโดยรัฐ เช่น กิจการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน เป็นต้น
1. ความแตกต่างของรายได้ ผลจากการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอดีตที่ผ่านมา มีการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจเป็นไปในลักษณะที่ขาดความสมดุล ระหว่างประชาชนในเมืองกับชนบท
2. สินค้าขั้นปฐม เป็นสินค้าพื้นฐานของคนไทย อันได้แก่ สินค้าด้านการเกษตร เป็นสินค้าผลิตผลจากการทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์และการประมง ลักษณะสินค้าเกษตรไทย ในปัจจุบันราคาผลผลิตตกต่ำ
3. การตลาด ลักษณะทางการตลาดของไทยมีทั้งเป็นตลาดแบบผูกขาดและตลาดแบบกึ่งแข่งขัน กึ่งผูกขาด
4. การขาดดุลการค้า และดุลการชำระเงิน คำว่า ดุลการค้า หมายถึง รายรับรายจ่ายจากการค้าระหว่างประเทศ ดุลการค้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของดุลการชำระเงินเท่านั้น
5. การว่างงาน การว่างงานย่อมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และรวมถึงการเมืองด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น ก่อให้เกิดความยากจน
6. การเงินและการชำระหนี้ การกำหนดและควบคุมปริมาณเงินให้พอดีกับความต้องการและความจำเป็นในการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ
7. เงินเฟ้อ (Inflation) เงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ราคาของสินค้าสูงขึ้น หรือหมายถึงภาวะที่ค่าของเงินลดลง สิ่งที่จะทำให้เห็นชัดถึงภาวะเงินเฟ้อ คือ ดัชนีผู้บริโภค เงินเฟ้อมี 2 ประเภท คือ
1. เงินเฟ้ออย่างอ่อน คือ ภาวะที่ราคาของสินค้าและบริการสูงขึ้นเรื่อย ๆ
2. เงินเฟ้ออย่างรุนแรง คือ ภาวะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
1. อาชีพเกษตรกร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ดังนั้นอาชีพเกษตรจึงมีความสำคัญยิ่งสำหรับคนไทย อาชีพเกษตรมีทั้งการทำนา ทำสวน ทำไร่ และเลี้ยงสัตว์ สินค้าเกษตรเป็นสินค้าขั้นปฐมของไทย และเป็นสินค้าที่ส่งไปขายต่างประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลพยายามส่งเสริมอาชีพเกษตรมากขึ้น และพยายามเชิญชวนให้เกษตรกรไทยเปลี่ยนแปลงการปลูกพืชบางชนิด เมื่อเห็นว่าพืชนั้นมีผู้ผลิตมากและล้นตลาด ทำให้สินค้าราคาถูก
2. อาชีพอุตสาหกรรม จากข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมพบว่า โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพียงร้อยละ 6 อีกร้อยละ 94 เป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดย่อมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แทนที่จะจ้างคนงานมาก แต่กลับจ้างคนงานน้อย เพราะมีการใช้เครื่องจักรแทนแรงคนฉะนั้นความหวังที่จะเข้าไปรับจ้างทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมจึงเป็นเรื่องยาก
3. อาชีพบริการ ถ้าจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยจะได้ 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่หนึ่ง ประกอบด้วย ข้าราชการและลูกจ้างหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ข้าราชการหมายรวมถึง ทหาร ตำรวจ ด้วย
กลุ่มที่สอง เป็นพวกที่เป็นลูกจ้างหน่วยงานเอกชน ตามโรงงานอุตสาหกรรม ไร่ สวน และตามบริษัทห้างร้านต่างๆ
กลุ่มที่สาม เป็นกลุ่มที่ประกอบอาชีพอิสระ แนวทางพัฒนาอาชีพในอนาคตนั้น
1. การพัฒนาการเกษตรในรูปการเกษตรครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาผลผลิตการเกษตรอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่อง ตลอดจนการจัดการเรื่องตลาดและเสถียรภาพของราคาในพืชหลักที่มีอยู่ การพัฒนาการเกษตรแบบผสมผสานที่เป็นการขยายชนิดพืชและใช้พื้นที่มากขึ้นในเขตชลประทานและเขตน้ำฝน
2. การสร้างงานเกษตรในฤดูแล้ง เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าปัญหาในเขตชนบทส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในฤดูแล้ง มาตรการที่จะช่วยสร้างงานทางการเกษตร ได้แก่ การนำเทคโนโลยีคิดค้นมาได้ไปปฏิบัติ เช่นการทำฝนเทียม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชนบทยากจน เทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำให้มีน้ำพอเพียงในฤดูแล้งส่งผลให้เกิดผลดีในด้านการประมง การเลี้ยงสัตว์ การเพาะปลูก ตลอดจนการเพิ่มมาตรการเกี่ยวกับไม้ยืนต้นไม้โตเร็ว เพื่อใช้สอยในระดับหมู่บ้าน การสนับสนุนเรื่องต่าง ๆ
3. การสร้างงานโดยการสนับสนุนอุตสาหกรรมชนบท ส่งเสริมอุตสาหกรรมชนบทที่ใช้วัตถุดิบทางการเกษตร การสร้างงานให้มากขึ้นในต่างจังหวัดจะเป็นการรองรับแรงงานจำนวนมาก และลดความจำเป็นที่จะอพยพเข้ามาหางานทำในกรุงเทพมหานคร หรือนอกท้องถิ่น ในขณะนี้ได้มีการทดลองการให้บริการสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างจังหวัดโดยวิธีระดมสรรพกำลังภาครัฐบาลที่มีอยู่ในด้านทุน เทคโนโลยี การจัดการและการตลาดในหลายจังหวัด คือ พิษณุโลก สงขลา ขอนแก่น และกาญจนบุรี
4. การสร้างงานโดยการพัฒนาอาชีพนอกการเกษตร การขยายการจ้างงานในสาขาเกษตรจำเป็นที่จะต้องขยายงานนอกการเกษตรภายในชนบท เช่น โครงการส่งเสริมหัตถกรรมและอุตสาหกรรมในครัวเรือน ซึ่งเป็นสินค้าออกที่สำคัญประเภทหนึ่งของประเทศไทย โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นให้มากที่สุด โดยรัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือ จัดให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าไปดำเนินการส่งเสริมในเรื่องนี้ ฝึกอบรมผู้ที่สนใจให้มีความรู้พิจารณาแหล่งสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบกิจกรรมและการตลาด อย่างไรก็ดีการที่จะขยายการผลิตในกิจกรรมนอกการเกษตร
5. การเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงาน ถ้านักศึกษาติดตามข่าวทางหนังสือพิมพ์ จะพบข่าวอยู่เสมอเกี่ยวกับการที่มีเด็ก ๆ ไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งที่อายุยังน้อย ยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดงาน เด็กเหล่านี้จะได้ค่าจ้างต่ำและบางครั้งต้องประสบภัยอันตรายจากการทำงาน ทั้งนี้เนื่องจากเด็กเหล่านั้นยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน การเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงานนั้นจะต้องพยายามให้การศึกษาด้านวิชาชีพแก่เด็ก ๆ
เทคโนโลยี (Technology) คือ วิทยาการซึ่งได้มาโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสิ่งที่เป็นหลักการ วิธีการ และเครื่องมือต่าง ๆเทคโนโลยีที่ได้นำมาใช้เกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ในประเทศไทยเรามีมากมาย เช่นการรู้จักใช้เครื่องทุ่นแรง รู้จักการใช้ปุ๋ยชนิดต่าง ๆ รู้จักการปรับปรุงดิน รู้จักการผสมพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ทั้งนี้เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร
ผลผลิตทางการเกษตร หมายถึง สิ่งที่ได้จากการทำเกษตรกรรม และรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผลิตผลนั้น ๆ ด้วย
1. อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หมายถึง อุตสาหกรรมที่ต้องใช้เครื่องจักรกล อุปกรณ์และเงินทุนจำนวนมาก เช่น โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ โรงงานผลิตเครื่องดื่ม เป็นต้น
2. อุตสาหกรรมขนาดย่อม เป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดเล็ก ใช้คนงานตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 50คน และใช้เงินทุนไม่เกิน 2 ล้านบาท อุตสาหกรรมขนาดย่อมนี้ใช้วัตถุที่ได้จากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มาผลิตของสำเร็จรูปอีกต่อหนึ่ง เพื่อจะได้เป็นเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น การทำน้ำตาล การฟอกหนัง การทำน้ำแข็งการทำรองเท้า เป็นต้น
3. อุตสาหกรรมในครอบครัว หมายถึง อุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ทำกันในครอบครัว ใช้แรงงานของคนในครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ความชำนาญทางฝีมือแล้วนำออกจำหน่าย เช่นการประดิษฐ์ดอกไม้ การทำอาหารหมักดอง การทำขนม เป็นต้น ประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมได้ จะต้องเป็นประเทศที่มีความเจริญทางด้านวิชาการสูง สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีออกไปจำหน่ายแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ ในกรณีของประเทศไทยยังมีอุตสาหกรรมประเภทนี้อยู่ไม่มากนัก และอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กลงทุนไม่มาก
1. ยุทธศาสตร์การเพิ่มศักยภาพของคนทุกกลุ่มเป้าหมาย อายุและเพศ ให้คนมีทางเลือกในชีวิตและเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
1.1 ปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้และฝึกอบรมให้คิดเป็นทำเป็น มีการเรียนรู้จากประสบการณ์และของจริง
1.2 สนับสนุนให้เกิดการกระจายอำนาจการศึกษาเพื่อเปิดโอกาสให้ครอบครัว ชุมชน และท้องถิ่นเข้ามามีบทบาท
1.3 ให้ความสำคัญเป็นลำดับสูงในการปฏิรูปการฝึกหัดครูเพื่อให้ครูเป็นวิชาชีพที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี
1.4 เสริมสร้างศักยภาพของสื่อสารมวลชน
2. ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคนในกระบวนการพัฒนา โดย
2.1 ส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว และชุมชนให้มีบทบาทและส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และการเมืองการปกครอง โดยให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและมีความต่อเนื่อง
2.2 สนับสนุนการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ด้อยโอกาสในสังคมให้สามารถมีรายได้และพึ่งตนเองได้ เพื่อช่วยลดช่องว่างระหว่างรายได้
2.3 ส่งเสริมบทบาทของสตรีให้เป็นพลังในการพัฒนา และเป็นผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจใน
ทุกระดับ ทั้งนี้ เพื่อบูรณาการและสร้างความสมดุลของการพัฒนา2.4 เร่งรัดการพัฒนาชนบทและกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค โดยเน้นให้มีโครงสร้างขั้นพื้นฐานทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน
2.5 เพิ่มบทบาทของประชาชนในการเรียนรู้การพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และจัดการสิ่งแวดล้อม
1. ที่ดิน
2. แรงงาน
3. ทุน
4. ผู้ประกอบการ