ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเครื่องแก้ววัดปริมาตร
บทความโดย พรพรรณ ผายพิมพ์
หัวหน้าห้องสอบเทียบปริมาตร
ฝ่ายบริการสอบเทียบและวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม ส.ส.ท.
ประเภทของเครื่องแก้ววัดปริมาตร
ในการใช้งานเครื่องแก้ววัดปริมาตรในห้องปฏิบัติการด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น ตามลักษณะการใช้งาน ตามความถูกต้องแม่นยำ จัดแบ่งตามเกณฑ์ได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
1) แบ่งตามการใช้งาน
2) ตามการสอบเทียบ
3) แบ่งตามระดับชั้นคุณภาพ
Activity1
สำรวจเครื่องแก้วในห้องปฏิบัติการของเราที่ใช้ทำการทดลองในวิชาเรียนและทำวิจัย ว่าแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง ตรงหรือสอดคล้องกับข้อมูลความรู้เรื่องเครื่องแก้วทางซ้ายมือหรือไม่
Activity2
เครื่องแก้ววัดปริมาตร (Volumetric glassware) ที่ใช้ภายในห้องปฏิบัติการมีหลายประเภทด้วยกันขึ้นกับ การใช้งาน ได้แก่
ขวดวัดปริมาตร (Volumetric flask) สำหรับเตรียมสารละลายที่ต้องการความเข้มข้นที่แน่นอนหรือถ่ายของเหลวท ี่ต้องการปริมาตรที่แน่นอนจากภาชนะหนึ่งไปยังอีกภาชนะหนึ่ง
กระบอกตวง (Cylinder) สำหรับวัดปริมาตรของของเหลวหรือใช้ในการถ่ายของเหลวจากภาชนะหนึ่งไปยังอีกภาชนะหนึ่ง (ในกรณีที่ไม่ต้องการความแม่นสูง)
ปิเปตต์ (Pipette) สำหรับตวงหรือถ่ายปริมาตรตามความต้องการ
บิวเรตต์ (Burette) สำหรับการไทเทรต
ถ้าใช้วิธี การสอบเทียบมาเป็นเกณฑ์การแบ่งชนิดของเครื่องแก้ววัดปริมาตร จะแบ่งได้ 2 ชนิด
1) เครื่องแก้วสำหรับบรรจุ (To Contain) ใช้ตัวย่อ TC หรือ C หรือ In เช่น ขวดวัดปริมาตรขวดวัดความถ่วงจำเพาะ เครื่องแก้วชนิดนี้เมื่อใส่ของเหลวเข้าไปจะได้ปริมาตรตามที่ระบุ
2) เครื่องแก้วสำหรับถ่ายเท (To Deliver) ใช้ตัวย่อ TD หรือ D หรือ Ex เช่น ปิเปตต์ บิวเรต กระบอกตวง เครื่องแก้วชนิดนี้ เมื่อใส่ของเหลวเข้าไปจะไม่รู้ปริมาตรที่แน่นอน แต่เมื่อถ่ายออกมาปริมาตรที่ถ่ายออกมาจะได้ปริมาตรตามที่ระบุ
เครื่องแก้วบางประเภทมีทั้งชนิด To contain และ To deliver เช่น กระบอกตวง ขวดวัด ปริมาตร หรือเครื่องแก้วบางชิ้นผู้ผลิต ออกแบบให้ใช้งานได้ทั้งชนิด To contain และ To deliver ดังนั้น ผู้ใช้งานต้องดูให้แน่ใจก่อนนำไปใช้
ถ้าแบ่งตาม ระดับชั้นคุณภาพ ของเครื่องแก้ว จะแบ่งได้ ดังนี้
1) Class A ใช้สัญลักษณ์ A เป็นเครื่องแก้วที่มีความแม่นยำสูง มีค่าความคลาดเคลื่อนของปริมาตร (Tolerance) ต่ำ ใช้สำหรับ งานทดสอบ งานวิเคราะห์ ที่ต้องการความแม่นสูง
2) Class B ใช้สัญลักษณ์ B เป็นเครื่องแก้วที่มีความแม่นยำต่ำกว่าและมีค่า Tolerance เป็นสองเท่าของเครื่องแก้ว Class A (ASTM, ISO, BS)
3) General Purpose เป็นเครื่องแก้วที่ไม่จัดรวมใน Class A และ Class B ค่าความคลาดเคลื่อนขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน
4) Special Tolerance เป็นเครื่องแก้วที่กำหนดค่าความคลาดเคลื่อนสำหรับการใช้งานเฉพาะด้าน
สิ่งที่ต้องคำนึงในการใช้งานเครื่องแก้ววัดปริมาตร คือ ชนิดของเครื่องแก้วปริมาตร หรือปริมาณสารและความถูกต้อง ความแม่นยำและความละเอียดของเครื่องแก้วโดยสามารถพิจารณาได้จากรายละเอียดที่ระบุไว้บนเครื่องแก้ววัดปริมาตร เพื่อเลือกใช้เครื่องแก้วได้อย่างเหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์
http://www.tpa.or.th/tpanews/upload/mag_content/48/ContentFile816.pdf