3.2 ตัวปรับแต่งความเป็นส่วนตัว (Access Modifiers) 

Access Modifiers (ตัวปรับแต่งความเป็นส่วนตัว)  ในการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP) ใช้เพื่อกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลและฟังก์ชัน (หรือเมธอด) ภายในคลาส ตัวปรับแต่งความเป็นส่วนตัวช่วยให้คุณสามารถควบคุมว่าผู้ใช้หรืออ็อบเจกต์อื่นๆ สามารถเข้าถึงสมาชิก (เช่น ตัวแปรหรือเมธอด) ของคลาสได้หรือไม่ และสามารถปรับแต่งการเข้าถึงข้อมูลได้ตามความต้องการ 

ประเภทของ Access Modifiers:

โดยทั่วไปแล้วในภาษาการเขียนโปรแกรม OOP จะมี สามประเภทหลัก ของตัวปรับแต่งความเป็นส่วนตัว:

1. Public

2. Private

3. Protected

1. Public

• ความหมาย: สมาชิกที่ถูกประกาศเป็น public สามารถเข้าถึงได้จากภายนอกคลาสหรือภายนอกแพคเกจ (ในบางภาษา) โดยไม่มีข้อจำกัด

• การใช้งาน: หากต้องการให้ข้อมูลหรือเมธอดสามารถใช้งานได้ทั่วโลก (จากทุกคลาสในโปรเจ็กต์) ก็สามารถตั้งเป็น public

ตัวอย่าง 

Python: 

class Person:

    def __init__(self, name, age):

        self.name = name  # public variable

        self.age = age    # public variable

    def greet(self):   # public method

        print(f"Hello, my name is {self.name} and I am {self.age} years old.")

p1 = Person("Alice", 30)

p1.greet()  # สามารถเรียกใช้ได้จากภายนอก

Java: 

public class Person {

    public String name;  // public variable

    public int age;      // public variable

    public Person(String name, int age) {

        this.name = name;

        this.age = age;

    }

    public void greet() {   // public method

        System.out.println("Hello, my name is " + name + " and I am " + age + " years old.");

    }

}

public class Main {

    public static void main(String[] args) {

        Person p1 = new Person("Alice", 30);

        p1.greet();  // สามารถเรียกใช้ได้จากภายนอก

    }

}

2. Private

• ความหมาย: สมาชิกที่ถูกประกาศเป็น private จะไม่สามารถเข้าถึงได้จากภายนอกคลาสที่ประกาศไว้ มักใช้เพื่อปกป้องข้อมูลและซ่อนรายละเอียดของการทำงานภายในคลาส

• การใช้งาน: ใช้เพื่อไม่ให้ข้อมูลสำคัญหรือกระบวนการภายในคลาสถูกดัดแปลงหรือเข้าถึงจากภายนอก

ตัวอย่าง

Python:

Copy code

class Person:

    def __init__(self, name, age):

        self.__name = name  # private variable

        self.__age = age    # private variable

    def __get_name(self):   # private method

        return self.__name

p1 = Person("Bob", 25)

# print(p1.__name)  # จะเกิดข้อผิดพลาด เนื่องจาก __name เป็น private

Java:

Copy code

public class Person {

    private String name;  // private variable

    private int age;      // private variable

    public Person(String name, int age) {

        this.name = name;

        this.age = age;

    }

    private void display() {  // private method

        System.out.println("Name: " + name + ", Age: " + age);

    }

}

public class Main {

    public static void main(String[] args) {

        Person p1 = new Person("Bob", 25);

        // p1.display();  // จะเกิดข้อผิดพลาด เนื่องจาก display() เป็น private

    }

}

3. Protected

• ความหมาย: สมาชิกที่ประกาศเป็น protected สามารถเข้าถึงได้จากคลาสภายในแพคเกจเดียวกันและคลาสที่สืบทอด (subclass) จากคลาสนี้

• การใช้งาน: ใช้เมื่อคุณต้องการให้การเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ เป็นไปได้ในคลาสที่สืบทอดมาจากคลาสนี้ แต่ไม่ให้เข้าถึงจากภายนอก

ตัวอย่าง

Python: 

class Person:

    def __init__(self, name, age):

        self._name = name  # protected variable

        self._age = age    # protected variable

    def _greet(self):   # protected method

        print(f"Hello, my name is {self._name} and I am {self._age} years old.")

class Student(Person):

    def __init__(self, name, age, student_id):

        super().__init__(name, age)

        self.student_id = student_id

    def show_details(self):

        self._greet()  # สามารถเข้าถึง _name และ _age ได้จากคลาสที่สืบทอด

        print(f"My student ID is {self.student_id}")

s1 = Student("Charlie", 20, "S12345")

s1.show_details()  # สามารถเรียกใช้ได้จากคลาสที่สืบทอด

Java: 

public class Person {

    protected String name;  // protected variable

    protected int age;      // protected variable

    public Person(String name, int age) {

        this.name = name;

        this.age = age;

    }

    protected void greet() {  // protected method

        System.out.println("Hello, my name is " + name + " and I am " + age + " years old.");

    }

}

public class Student extends Person {

    private String studentId;

    public Student(String name, int age, String studentId) {

        super(name, age);

        this.studentId = studentId;

    }

    public void showDetails() {

        greet();  // สามารถเข้าถึง method greet() จากคลาสที่สืบทอด

        System.out.println("My student ID is " + studentId);

    }

}

public class Main {

    public static void main(String[] args) {

        Student s1 = new Student("Charlie", 20, "S12345");

        s1.showDetails();  // สามารถเรียกใช้ได้จากคลาสที่สืบทอด

    }

}

สรุป:

• Public: สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่

• Private: สามารถเข้าถึงได้เฉพาะภายในคลาสเท่านั้น

• Protected: สามารถเข้าถึงได้จากคลาสภายในแพคเกจเดียวกันและจากคลาสที่สืบทอด

• Default (Package-Private): สามารถเข้าถึงได้ภายในแพคเกจเดียวกัน

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ 👇👇