มีเก็บเงินปลายทาง จัดส่งฟรี (เมื่อโอนชำระ)
15 บาท สั่ง 10 ชิ้นขึ้นไป *จัดส่งฟรี
99 บาท แถมคู่มือ *จัดส่งฟรี เมื่อสั่ง 2 ชิ้นขึ้นไป
199 บาท แถมีคู่มือพร้อมถุงผ้าและ *จัดส่งฟรี
299 บาท แถมคู่มือพร้อมถุงผ้าและ *จัดส่่งฟรี
399 บาท แถมคู่มือพร้อมถุงผ้าและ* จัดส่งฟรี
* จัดส่งฟรี เมื่อโอนชำระ
เก็บเงินปลายทางเพิ่มค่าส่ง
โหวดคีย์ Am
มีครบทุกคีย์ (Am Bm Cm Dm Em Fm Gm
สินค้าพร้อมส่ง (ส่งฟรีทั่วประเทศ+เทสสินค้าก่อนจัดส่งให้ลูกค้าทุกตัว
รับประกันสินค้า
สินค้าได้คุณภาพ เสียงได้มาตรฐาน ตรงคีย์ ไม่ผิดเพี้ยน
เป่าง่าย ไม่ฝืด ไม่เปลืองลม ใช้ลมในการเป่าน้อย
ติดตัวโน้ตฟรี ดูแลรักษาง่าย มีขนาดน้ำหนักเบา
ช่างที่มีฝีมือและเชี่ยวชาญในการทำโหวดมานานมากกว่า 20 ปี
คัดไม้พิเศษ เลือกวัสดุที่ดีและได้คุณภาพ
ออกงานเดี่ยว ออกงานเต็มวง
ใช้เป็นของฝาก ของที่ระลึก ของชำร่วย
ใช้ประดับตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงาม
ราคาเพียง 120 - 350 บาท
การันตีน้ำเสียงความไพเราะและได้มาตรฐาน
ผลิตจากโรงงานที่ได้คุณภาพเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สินค้าทุกตัวมีการรับประกันจากผู้ขาย
พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของสินค้าได้แล้วที่นี่
ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดนตรีอีสานทุกชนิด
สินค้าทุกตัวถ่ายจากงานจริงตรงปก มีของพร้อมส่ง สต็อกสินค้าแน่น
กรอกข้อมูลตาม แบบฟอร์มต่อไปนี้ => [ คลิ๊กที่นี่ ]
ประวัติโหวด
โหวดเป็นเครื่องดนตรีของชาวอีสาน เดิมโหวดเป็นของเล่นของเด็กเลี้ยงควายชาวภาคอีสานทั่วๆนิยมนำไปแกว่งเล่นเหมือน “สนู“ ใช้เล่นในช่วงปลายฤดูฝนก่อนเก็บเกี่ยวข้าวนาปีของเล่นชนิดหนึ่งของชาวอีสาน ต่อมาโหวดได้ดัดแปลงมาเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสาน โหวดเกิดขึ้นในสมัยใดนั้น ยังไม่สามารถบอกได้แน่นอนหรือยืนยันได้ แต่ก็มีประวัติที่เล่าเป็นนิยายปรัมปรา สืบต่อกันมา ดังนี้
ในสมัยก่อนพุทธกาล มีเมืองหนึ่งชื่อเมืองพันทุมาลัย เมืองนั้นมีพระโพธิสัตว์ เสวยชาติมาเป็นพระยาคางคก สมัยก่อนมีความเชื่อเรื่องพระยาแถน เรื่องฝน ฟ้า อากาศ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปบนบานศาลกล่าวต่อพระยาแถน แต่พอมีพระยาคางคก ก็ทำให้คนและสัตย์หันไปนับถือพระยาคางคก ทำให้พระยาแถนไม่พอใจ ฝนฟ้าที่เคยตกต้องตามฤดูกาล ก็ทำให้เมืองนี้แห้งแล้งเป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน คนและสัตย์รวมทั้งพืชพันธ์ธัญญาหารล้มตาย ทำให้มวลมนุษย์และสัตย์เดือดร้อนก็เลยทำสงครามกับพระยาแถน แต่มนุษย์ก็ไม่ชนะสักที จึงมาปรึกษากับพระยาคางคก พระยาคางคกก็รับอาสาจะไปสู้กับพระยาแถน พระยาคางคกก็นำทัพไปรบกับพระยาแถน แต่งตั้งให้พระยาปลวกทำสะพานดินเป็นถนนขึ้นสู่เมืองพระยาแถน ให้พระยามดขึ้นไปสู่เมืองพระยาแถนก่อนเพื่อไปเจาะดาบอาวุธยุทธโธปกรณ์ ให้จวนจะหัก และพระยาตะขาบ แมงป่อง อสรพิษทั้งหลายไปดักอยู่ตามเสื้อผ้า อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทหารพระยาแถนใช้ พอถึงวันแรม 7 ค่ำ พระยาคางคกก็นำทัพขึ้นไปเจรจาขอฝนกับพระยาแถน พระยาแถนก็โกรธและไม่ประธานฝนให้ แล้วก็ประกาศสงครามกัน แผนต่างๆ ที่พระยาคางคก วางเอาไว้ก็เริ่มปฏิบัติการ ตะขาบ แมงป่อง ก็ออกมากัดทหารให้ล้มตาย ส่วนพระยาคางคกกับพระยาแถนก็ต่อสู้กันบนหลังช้าง สู้กันไปกันมา พระยาแถนใช้ดาบฟันพระยาคางคก ดาบก็หัก จะใช้ตะขอเกี่ยว ตะขอก็หัก ในที่สุดพระยาคางคกได้จังหวะ ก็ใช้บ่วงศ์ (บ่วงนาคบาศก์) ดับพระยาแถนได้จนตกจากหลังช้าง พระยาแถนจึงยอมตกลงตามสัญญา โดยมีเงื่อนไขกันอยู่ 3 ประการ คือ
ประการที่ 1 ให้พระยาแถน ประทานน้ำฝนให้เหมือนเดิม ถึงเดือนหก ถ้าฝนไม่ตกมนุษย์จะทำบั้งไฟ จุดขึ้นไปเป็นการบอกกล่าว เตือนพระยาแถนให้ประทานฝนลงมาให้มนุษย์
ประการที่ 2 การได้ยินเสียง กบ อึ่งอ่าง เขียดร้อง แสดงว่ามนุษย์ได้รับน้ำฝนแล้ว
ประการที่ 3 เมื่อใดที่ได้ฝนเพียงพอแล้วก็จะแกว่งโหวดขึ้นสู่ท้องฟ้าให้เกิดเสียงดังเป็นสัญญาณ ให้พระยาแถนทราบว่าได้รับน้ำฝนเพยงพอแล้วเพื่อให้ลดปริมาณฝนลง หรือให้ฝนหยุด
ปัจจุบันนี้โหวดเป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมมาก และเป็นเครื่องดนตรีที่นำมาบรรเลงเข้ากับเครื่องดนตรีอีสานได้ เช่น พิณ แคน โปงลาง กลอง และเกิดเป็นวงดนตรีพื้นเมืองอีสานดังปรากฏในปัจจุบันนี้
โหวดใช้เล่น 3 กรณี คือ
เป่าเล่นเพื่อประโลมใจขณะขี่หลังควายหรือพาควายเล็มหญ้าตามทุ่งนา
ใช้แกว่งและเหวี่ยงเพื่อฟังเสียง ด้วยการต่อหางโหวดให้ยาว แล้วเอาบ่วง 2 หัว ที่เรียกว่า “ตอง” คล้องหัวและหางโหวด แล้วแกว่งรอบศรีษะด้วยความเร็วสูง เสียงปะทะรูโหวดทุกลูกพร้อมๆ กัน จะเกิดเสียงดังว่า “ลาวๆ” หรือ “แงวๆ” ฟังแล้วชวนเพลิดเพลิน ชาวไทยลาวภาคอีสานเรียกการแกว่งโหวด เช่นนี้ว่า “การแงวโหวด“ การโยนเล่นเป็นกีฬา กล่าวคือเมื่อแกว่งโหวดฟังเสียงพอใจแล้วก็ปล่อยหางบ่วง ทำให้โหวดลอยโด่งขึ้นไปในอากาศเกิดเสียงดัง “โหวดๆ” หรือ “โหว่ๆ” เรียกว่า การทิ้มโหวด (ถิ้ม-ทิ้ม) คนโบราณมีความเชื่อว่า โหวดเกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้ว ตามนิยายปรัมปราที่เล่าขานกันมา โหวดคนอีสานโบราณเชื่อกันว่า เป็นสื่อที่มนุษย์ใช้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอให้ฝนหยุดตก ในที่นี้หมายถึงพระยาแถน ผู้ซึ่งประทานน้ำฝนให้ตกในเมืองมนุษย์ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทำให้ความเสียหายกับผลิตผลได้ จึงเป็นผลให้ไม่เป็นที่นิยมเล่นโหวดในฤดูฝน (เพราะกลัวฝนแล้ง)
การโยนเล่นเป็นกีฬา กล่าวคือเมื่อแกว่งโหวดฟังเสียงพอใจแล้วก็ปล่อยหางบ่วง ทำให้โหวดลอยโด่งขึ้นไปในอากาศเกิดเสียงดัง “โหวดๆ” หรือ “โหว่ๆ” เรียกว่า การทิ้มโหวด (ถิ้ม-ทิ้ม)
คนโบราณมีความเชื่อว่าโหวดเกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้วตามนิยายปรัมปราที่เล่า ขานกันมาโหวดคนอีสานโบราณเชื่อกันว่า เป็นสื่อที่มนุษย์ใช้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอให้ฝนหยุดตก ในที่นี้หมายถึงพระยาแถน ผู้ซึ่งประทานน้ำฝนให้ตกในเมืองมนุษย์ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทำให้ความเสียหายกับผลิตผลได้ จึงเป็นผลให้ไม่เป็นที่นิยมเล่นโหวดในฤดูฝน (เพราะกลัวฝนแล้ง)
การพัฒนาเป็นเครื่องดนตรี
การนำโหวดมาปรับปรุงใช้เครื่องดนตรีทีมีระดับเสียงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ทำขึ้นครั้งแรกโดยชาวอำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด มีนายทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ เป็นหมอโหวดคนสำคัญ เป็นผู้คิดเอาโหวดประสมกับวงแคนและซุง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511-2516 เรียกวงดนตรีชนิด นั้นว่า “วงโหวดเสียงทองหนองพอก“ ต่อมาปี พ.ศ. 2517 จึงนำวงโปงลางเข้ามาประสมด้วย อันเป็นสาเหตุให้ต้องปรับปรุงมาตราเสียงของโหวดให้ตรงกับมาตราเสียงของโปงลาง คือมีระดับเสียงจากต่ำไปสูง จนแพร่หลายไปทั่วประเทศ และต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน
อาจารย์ทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์
การทำโหวด
การเรียนเป็นช่างทำโหวด จะเรียนรู้จากผู้รู้ โดยหลักการส่วนใหญ่ๆ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต้องอาศัยทักษะความชำนาญ ความแม่นยำในการฟังระดับเสียง และคิดค้นรูปแบบใหม่ๆ เพื่อพัฒนาให้ทันสมัย
วัสดุที่ใช้ในการทำโหวด
ประกอบด้วยไม้ไผ่เฮี้ยหรือไม้ไผ่รวก และขี้สูด (รังของแมลงจำพวกแมงน้อย แมงน้อยนี้ชอบทำรังตามจอมปลวกหรือตามโพรงไม้ รังของมันมีน้ำหวานปั้นเอาน้ำหวานออก เรียก ขี้สูดแมงน้อย แมงน้อยไม่มีเหล็กไน ต่อยคนไม่เป็น)
อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ในการทำโหวด
ได้แก่ มีดอีโต้ (สำหรับตัดลำไม้ไผ่) มีดตอก (สำหรับเจียน ตกแต่ง) ไม้สำหรับปรับระดับเสียง และน้ำมันก๊าด (สำหรับล้างทำความสะอาด)
ขั้นตอนในการทำโหวด
เตรียมแกนโหวด โดยนำลำไม้ไผ่มาเหลา ให้ได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่เหมาะสม สำหรับติดลูกโหวดรอบแกน ให้ได้ทั้งหมดที่เตรียมไว้ (13-15ลูก) ด้านหัวของแกน เป็นปล้องไม้ไผ่ที่ไม่ทะลุปล้อง ด้านท้ายปาดให้มีลักษณะเวียน เหลาทำเป็นหางโหวด โดยส่วนหางโหวดต้องยาวกว่าลูกโหวดที่ยาวที่สุด
นำไม้ไผ่เฮี้ยที่เลือกสรรแล้ว มาตัดเรียงความยาวลดหลั่นกันตามลำดับ
ตัดแต่งลูกโหวดแต่ละลูก โดยตัดเฉียงเป็นมุม 45 องศา
นำไม้รวกมาตัดแต่งทำเป็นแกนโหวด โดยเลือกไม้ไผ่ให้มีขนาดใหญ่หรือเล็กตามขนาดของลูกโหวด
นำลูกโหวดมาติดเข้ากับแกน ด้วยขี้สูด โดยติดเริ่มจากลูกที่ยาวที่สุด เรียงลำดับไปเรื่อยๆ จนครบทุกลูก
นำขี้สูดอีกส่วนหนึ่งติดที่หัวของโหวด ตกแต่งให้เรียบนูนสวยงาม และตกแต่งรูลูกโหวดให้เป่าง่ายไม่เปลืองลม
นำขี้สูดซึ่งผสมขี้ซีแล้ว มาติดตกแต่งหัวโหวด ให้มีลักษณะสอบแหลม ปลายมน ตกแต่งขี้สูดตรงปากฉลามลูกโหวด ให้ได้องศาที่รับกัน เพื่อให้เป่าดังง่าย…. ทดสอบเป่าเป็นเพลง หากเสียงเพี้ยน ให้ปรับจูนเสียงใหม่ ตกแต่งขอบปากใหม่ จนเสร็จเรียบร้อย
หากต้องการให้ลูกโหวดติดกับแกนอย่างมั่นคงถาวร ให้หยอดกาวติดซ้ำเข้าไป
นำแผ่นพลาสติกอ่อนบาง มาแปะติดที่หัวโหวด เพื่อป้องกันขี้สูดติดคางเวลาเป่า
ขนาดของโหวด
ขนาดของโหวดแต่ดั้งเดิมนั้นนิยมทำกันอยู่ 3 ขนาด คือ 1) ขนาดเล็ก มีลูกโหวด 3-7 ลูก 2) โหวดกลาง มีลูกโหวด 9 ลูก 3) โหวดใหญ่ มีลูกโหวด 11-13 ลูก
ความยาวของลูกโหวดในแต่ละลูกนั้นจะสั้นยาวแตกต่างกัน ลูกที่ยาวที่สุดประมาณ 25 เซนติเมตร ลูกต่อมายาวลดหลั่นกันลงมา จนถึงลูกที่สั้นที่สุด ประมาณ 6เซนติเมตร คนโบราณเรียกลูกโหวดลูกที่ยาวที่สุดว่า ” ลูกโอ้” ลูกที่เหลือไม่ปรากฎชื่อ ในปัจจุบันจะเรียกชื่อลูกโหวดตามระดับเสียงโน้ตสากล คือ โด เร มี ซอล ลา
โหวดพื้นเมืองมี 5 บันไดเสียง คือ โด เร มี ซอล ลา แต่ในปัจจุบันมีการปรับระดับเสียงให้ครบทั้ง 7 เสียง เพื่อให้สามารถนำไปบรรเลงประกอบวงดนตรีสากลได้ ทางดนตรีหรือลายโหวดประกอบการแสดงส่วนมากเป็นลายที่แต่งขึ้นใหม่ โดยอาศัยทำนองจากลายแคน จากทำนองหมอลำ จากทำนองสรภัญญะบ้าง
ประเภทของโหวด
โหวด จำแนกประเภทตามลักษณะรูปทรงได้ 3 ประเภท ดังนี้
1.โหวดหาง หรือโหวดแกว่ง
2.โหวดกลม (ทั่วไป)
3.โหวดแผง
โหวดหาง เครื่องเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน
โหวด สมัยก่อน เป็นอุปกรณ์เครื่องเล่นเพื่อความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง เท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นเครื่องดนตรี เพราะยังไม่มีการนำมาบรรเลงเป็นเพลงจริงๆ โดยโหวดในสมัยก่อน ประกอบด้วย แกนกลาง ซึ่งทำจากไม้ไผ่ลำโตขนาดกลาง และลูกโหวด ซึ่งทำจากลำไผ่เล็กมีรู หากลูกโหวดมีผิวหนา ก็ใช้มีดเหลาเปลือกออกให้บางลง นำลูกโหวดมาติดรอบแกนด้วยขี้สูด หรือหากไม่มีขี้สูดก็ใช้ยางมูก (มูก เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง มียางเหนียว) เป็นตัวประสาน ซึ่งโหวดนี้ สามารถถือเป่าเล่นเพื่อความเพลิดเพลินได้
นอกจากนั้น สามารถนำโหวดนี้ไปเล่นในลักษณะอื่นได้ โดยนำไม้ไผ่ลำเล็ก ยาวประมาณ 1 วา หรือสมดุลกับตัวโหวด มามัดติดเข้ากับเข้ากับตัวโหวด ทำเป็นหางโหวด เรียกโหวดนี้ว่า โหวดหาง
การเล่นโหวดหาง คือ ใช้เชือกทำเป็นบ่วง สองอัน คล้องมัดกับตัวโหวด ให้สมดุลย์ จากนั้น จับหางเชือก แกว่งเวียนรอบศีรษะ ในทิศทางที่หัวโหวดต้านลม จะเกิดเสียงดัง ฟังสนุกสนาน หากต้องการขว้างแข่งกัน ก็ปล่อยหางเชือก ให้โหวดลอยไปในอากาศ ซึ่งก็จะเกิดเสียงดัง เช่นกัน
ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว หรือหน้าหนาว นิยมทำโหวดหางมาขว้างแข่งกัน โดยใครขว้างได้ไกลกว่า เป็นผู้ชนะ ซึ่งโหวดที่นำมาเล่น ต้องมีเสียงดังด้วย หากไม่ดัง แม้จะไปไกลกว่า ก็ไม่ถือว่าชนะ
โหวดหาง เอาเพียงแค่มีเสียงดัง ซึ่งก็มีทั้งเสียงทุ้ม และเสียงแหลม แต่ยังไม่มีการเรียงเป็นโน้ต หรือไม่มีการปรับระดับโทนเสียงให้เล่นเป็นเพลงได้ แม้จะนำมาเป่าเพื่อความเพลิดเพลินได้ แต่ก็ยังไม่จัดว่าเป็นเครื่องดนตรี
โหวดกลม (ทั่วไป)
โหวดที่เป็นเครื่องดนตรี ได้รับการปรับปรุงพัฒนา โดยนายทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ โดยอาศัยหลักการของโหวดหาง แต่จัดรูปแบบโน้ตโดยหลักการทางดนตรี เทียบเสียงกับแคน ซึ่งในสมัยแรก ใช้เพียง 5 โน้ต ตามลักษณะลายเพลงพื้นบ้านอีสาน
โหวดแผง
โหวดแผง คือโหวดที่เป็นเครื่องดนตรี ใช้หลักการเดียวกันกับโหวดกลม ผสมผสานกับรูปแบบของเมาท์ออแกน จนออกมาเป็น โหวดแผง ซึ่งโหวดแผง จะติดลูกโหวดเรียงกันเป็นแถวเดียว ตามลำดับความยาว-สั้น
การเลือกโหวด
การเลือกซื้อโหวด ควรคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ดังนี้
รูปร่าง สีสันสวยงาม ถูกใจผู้ใช้
ลูกโหวดที่ดี ไม่ควรหนามาก เพราะหากหนาเกินไป เสียงจะไม่ใส (ลูกโหวดที่หนา เสียงไม่ใส แต่แตกยาก ลูกโหวดที่บาง เสียงจะใส ไพเราะ แต่แตกง่าย)
ปากลูกโหวดแต่ละลูก เฉือนเป็นปากฉลามในระดับองศาเดียวกัน และผิวขอบปากต้องเรียบคม
หัวโหวด โค้งมน ได้องศาที่รับกับดีกับองศาของปากโหวด
เป่าง่าย ดังดีทุกลูก (เป็นผลมาจากปากลูกโหวดและหัวโหวด)
เสียงไม่เพี้ยนในตัวมันเอง คือเป่าเป็นเพลงแล้ว ไม่มีโน้ตที่เสียงเพี้ยน
หากต้องการนำไปบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีอื่น เช่นแคน โปงลาง เป็นต้น คีย์เสียงต้องตรงกัน ไม่ผิดเพี้ยน
การเก็บและดูแลรักษา
โหวด เป็นเครื่องดนตรีที่บอบบาง แตกเสียหายได้ง่าย ดังนั้น จึงควรดูแลรักษาอย่างทะนุถนอม โดยมีข้อควรระวังดังนี้
เนื่องจากโหวดในปัจจุบัน ยังใช้ขี้สูดอยู่ ดังนั้น ไม่ควรเก็บ หรือวางโหวดไว้ในที่อุณหภูมิสูงเกิน 30 องศา เพราะขี้สูดอาจละลาย ทำให้โหวดเสียงเพี้ยนได้
การเก็บโหวด ควรเก็บในที่อุณหภูมิปกติ ในแนวตั้ง เช่น แขวนเอาด้านหางขึ้น เอาด้านหัวลง (หากวางนอนไว้ อาจจะทำให้ขี้สูดที่อุดรูอยู่เยิ้มเอียง ส่งผลให้เสียงเพี้ยนได้ แต่หากวางในแนวตั้ง ขี้สูดจะเยิ้มยาก หรือแม้จะเยิ้ม ก็ไม่ไหลเปลี่ยนตำแหน่ง)
เพื่อป้องกันแมลง และกันแตก ควรเก็บโหวดไว้ในกระบอกกลม มีฝาปิด และวางหรือแขวนไว้ในแนวตั้ง
หากลูกโหวดแตกร้าว ให้ใช้กาว (เช่นกาวตราช้าง) ติด หรือหากแตกเสียหายมาก ให้เปลี่ยนลูกโหวดใหม่
ส่วนประกอบของโหวด
โหวด มีส่วนประกอบสำคัญ ดังนี้
ลูกโหวด
ลูกโหวด จากไม้ตระกูลไผ่ ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ทำแคน ช่างแคนนิยมเรียกไว้ชนิดนี้ว่า ไม้กู่แคน โดยมากมักใช้ส่วนที่เหลือจากการทำลูกแคน มาตัดทำเป็นลูกโหวด
แกนโหวด
แกนโหวด เป็นส่วนสำหรับนำลูกโหวดมาติดเรียงเข้าด้วยกัน ตามลำดับโน้ต ทำจากลำไม้ไผ่ เหลาให้เหลือเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว และปาดเฉือนทำเป็นหางด้วย
หัวโหวด
หัวโหวดมีลักษณะสอบแหลม ปลายมน ใช้เพื่อให้เป่าลูกโหวดได้ง่าย ทำจากขี้สูด ผสมกับขี้ซี (ยางไม้ เช่น ต้นจิก ต้นแคน เป็นต้น) ปัจจุบัน อาจใช้วัสดุอย่างอื่น ทดแทน
ลักษณะการเป่าโหวด
การเป่าโหวดเพื่อให้ได้คุณภาพของเสียงที่ดี มีลักษณะ ดังนี้
1. การเป่าผ่อนลม เป็นการเป่าโดยใช้ลมยาวซึ่งต้องเป่าลมออกไปไม่แรงนักหรือค่อยๆเป่าลมออกอย่างเดียวสม่ำเสมอ การเป่าแบบนี้เป็นการเป่าเพื่อให้ได้ระดับเสียงเรียบ คงที่และเสียงยาวต่อเนื่อง
2. การเป่าตัดลม เป็นการเป่าลมออกมาอย่างแรง แล้วใช้ปลายลิ้นมาอุดที่ริมฝีปาก ทำให้ลมที่เป่าออกหยุดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดเสียงสั้น และตักเสียง ( Staccato) ซึ่งมีความจำเป็น
จะต้องใช้ในบางช่วงของบทเพลง
4. การเป่าสะบัดเสียง เป็นการเป่าลมออกหนึ่งครั้งให้ได้เสียงโหวดเป็น 2 -3 เสียง ดังสลับกัน การเป่าสะบัดเสียงจะใช้การเป่าผ่อนลม และการเป่าตัดลมมาผสมกัน การเป่าต้องใช้เสียงหนึ่งสะบัดไปอีกเสียงหนึ่งอย่างรวดเร็ว ข้อสังเกต ในการเป่าสะบัดเสียง ผู้เป่าจะต้องสะบัดข้อมือ ขณะเป่าสะบัดเสียงอย่างรวดเร็ว จึงจะทำให้การเป่าสะบัดเสียงมรความไพเราะน่าฟัง
4. การเป่าอ้อนเสียง เป็นการเป่าที่ให้เสียงยาวเป็นคลื่น หรือเสียงสั่น ( Vibrato) การเป่าต้องเป่าอ้อนเสียงให้ยาว และปล่อยลมให้เป็นคลื่นออกมา โดยจะใช้มือที่จับโหวดกระดิกไปมาด้วย
*** ก่อนการฝึกตามหลักการดังกล่าว ควรฝึกเป่าไล่เสียง ด้วยการใช้ข้อมือหมุนให้คล่องและแม่นยำ
เทคนิคการเป่าโหวด
เทคนิคการเป่าโหวดมีดังนี้
1. ใช้มือซ้ายหรือมือขวาจับโหวด โดยให้หัวแม่มืออยู่ที่ลูกที่ 1ลูกใหญ่ นิ้วชี้อยู่ในลูกที่ 4
2. นำหัว (ตรงขี้สูท) มาเป่า โดยเป่าลมออกให้เกิดเสียง และให้ขยับหาเสียงที่ชัดมาที่สุด
3. ฝึกเป่าโดยการไล่เสียงจากเสียงสูงไปหาเสียงต่ำหรือ จากเสียงต่ำไปหาเสียงสูง
4. ฝึกเป่าลมออกให้ยาวๆ
5. ฝีกเป่าลายง่ายๆ เช่น ลายโปงลาง เต้น เป็นต้น
ที่มาของข้อมูล
ไซต์ครูกฤษฎากรณ์ https://kroodasmusic.wordpress.com/about/