รวบรวม เรียบเรียง โดย ดร.ธีรภัทร์ ถิ่นแสนดี
ขอบพระคุณแหล่งข้อมูลทุกแหล่งมา ณ ที่นี้
อู่ฮั่น (2019-2020) พบครั้งแรกใน: อู่ฮั่น ประเทศจีน
เบต้า (2020-2021) สายพันธุ์ที่ 2: เบตา (Beta)
อัลฟา (2021) อัลฟา (Alpha)
แกมมา (2021) แกมมา (Gamma)
เดลตา (2021) เดลตา (Delta) พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ระบาดหนักใน อินเดีย
เดลต้า 4 (2021) เดลตา 4 สายพันธุ์ย่อย
แลมบ์ดา (2021)
เอปซิลอน (2021)
โอไมครอน หรือโอมิครอน (2021)
สายพันธุ์โควิด19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ควรระวัง
ขณะที่ทั่วโลกรวมถึงไทยกำลังเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่องสายพันธุ์โควิดใหม่ๆ ก็กำลังขยายอาณาจักรของตัวเองและเติบโตอยู่ตลอดเวลา จนล่าสุดได้เกิดโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ก่อนส่งท้ายปีอย่างสายพันธุ์โอไมครอน หรือโอมิครอน (Omicron) ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาปักหมุดเตือนให้ทั่วโลกเฝ้าระวังโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวลนี้ พร้อมตั้งรับ และยังต้องจับตา! เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิดจะจบลงเมื่อไร หรือจะหยุดลงแค่ 6 สายพันธุ์ล่าสุดนี้จริงๆ
แม้ในปัจจุบันสายพันธุ์เดลตาจะยังเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดหนักไปทั่วโลก แต่สิ่งที่เรายังคงต้องจับตาคือการกลายพันธุ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาของเชื้อไวรัส เพราะหากพูดตามหลักวิทยาศาสตร์และกฎธรรมชาติทั่วไป ไวรัสถือเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ต้องมีการพัฒนาเพื่อความอยู่รอด เช่นเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ จนล่าสุดได้มีการค้นพบ โควิด19 สายพันธุ์ใหม่ ถึง 6 สายพันธุ์ ที่ระบาดไกลและรวดเร็วจนโลกต้องจับตา
สายพันธุ์เดลตา พลัส (Delta Plus หรือ AY.1)
สายพันธุ์โควิดย่อยที่ขยายมาจากสายพันธุ์เดลตาปกติ ถูกค้นพบครั้งแรกในยุโรปและเริ่มแพร่ระบาดหนักในอินเดีย ทั้งยังถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์หนักที่น่ากังวลระดับโลก เพราะมีความสามารถในการหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และมีผลต่อการยึดเกาะเซลล์ในปอดง่ายขึ้นด้วยความรุนแรงของเชื้อ ซึ่งปัจจุบันกระจายรวดเร็วและยึดครองไปแล้วกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
สายพันธุ์เดลตา 4 สายพันธุ์ย่อย (AY.4, AY.6, AY.10, AY.12)
คือ โควิด19 สายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์แยกย่อยจากสายพันธุ์หลักมาอีกที แม้จะยังไม่ถูกยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตาในระดับโลก เพราะยังไม่พบความรุนแรงและการกระจายของเชื้อยังค่อนข้างเป็นวงแคบ แต่จากการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์เดลตา ยังทำให้ทราบต่อไปว่าได้มีการกลายพันธุ์จากเดลตาสายพันธุ์หลักไปเป็นสายพันธุ์ย่อยๆ อีกกว่า 27 สายพันธุ์ แต่ยังคงมีอาการแสดงไม่ต่างจากสายพันธุ์หลัก จึงต้องเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
สายพันธุ์โควิด แลมบ์ดา (Lambda หรือ C.37)
สายพันธุ์โควิดที่แม้จะยังไม่พบในไทย แต่ได้แพร่กระจายไปแล้วกว่า 30 ประเทศ ด้วยความสามารถของการแพร่เชื้อที่รวดเร็วยิ่งกว่าสายพันธุ์เดลตา ทั้งยังมีผลต่อประสิทธิภาพของแอนติบอดีบางตัวที่ช่วยต่อต้านเชื้อไวรัสได้อีกด้วย แลมบ์ดาจึงถูกจับตาให้เป็นสายพันธุ์เฝ้าระวังการแพร่เชื้อในอนาคต และมีแนวโน้มว่าอาจถูกยกให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลต่อไปได้
สายพันธุ์โควิด เอปซิลอน (Epsilon หรือ B.1.427 และ B.1.429)
สายพันธุ์โควิดที่พบการระบาดอยู่ใน 44 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป โดยได้มีการระบุลักษณะของสายพันธุ์เอปซิปลอนไว้ว่ามีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์ปกติราว 18.6-24.6% รวมถึงงานวิจัยในสหรัฐฯ ยังพบว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถพิเศษในการหลบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนชนิด mRNA ลดลงได้ และล่าสุดองค์การอนามัยโลกก็ได้ยกระดับให้เอปซิลอนเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่น่าจับตาในที่สุด
สายพันธุ์โควิด โคลอมเบีย (Colombia หรือ B.1.621)
หรือในอีกชื่อที่หลายคนเริ่มได้ยินกันบ่อยขึ้น อย่าง “สายพันธุ์มิว” โควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่องค์การอนามัยโลกยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องให้ความสนใจ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการดื้อต่อวัคซีนโควิด-19 ด้วยลักษณะการกลายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติในการหลบหนีจากภูมิคุ้มกัน จึงเป็นสายพันธุ์ที่ต้องศึกษาเพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้น ซึ่งล่าสุดพบสายพันธุ์มิวแล้วอย่างน้อย 40 ประเทศ
สายพันธุ์โอไมครอน หรือโอมิครอน (Omicron หรือ B.1.1.529)
โควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ล่าสุดที่ถูกค้นพบก่อนช่วงสิ้นปี 2021 ที่ผ่านมาในแถบแอฟริกาใต้ และลุกลามบานปลายกระจายไปหลายประเทศในเวลานี้ ด้วยความสามารถในการกลายพันธุ์ส่วนโปรตีนหนาม มากถึง 32 ตำแหน่ง จากจำนวนการกลายพันธุ์ของยีนกว่า 50 ตำแหน่ง ทำให้เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น บวกกับอาการติดเชื้อที่ยังไม่ชัดเจนเท่าสายพันธุ์อื่น จนมีความเป็นไปได้ว่าโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอาจแพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา และส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ปัจจุบันให้ลดลงโดยปริยาย ‘โอไมครอน’ จึงเป็นโควิด19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ทั่วโลกต้องเฝ้าระวังอย่างตั้งใจ
รวมถึงโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ อย่าง B.1640.1 ที่เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศแคเมอรูน และพบว่ากำลังเป็นคลัสเตอร์ขนาดเล็กอยู่ในประเทศฝรั่งเศสขณะนี้ แถมหลบหนีภูมิคุ้มกันได้เก่งไม่แพ้โอมิครอน ที่อาจกำลังขยายอาณาจักรในหน้าตาแปลกใหม่ รอให้เราได้ค้นพบและทำความเข้าใจอยู่อีกมาก แม้เราจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าต้องใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้ แต่การเฝ้าระวังและรู้เท่าทันตัวเชื้อร้ายยังเป็นสิ่งที่เราอาจต้องเรียนรู้ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดเช่นเดียวกัน
เพราะจุดมุ่งหมายปลายทางของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ การตรงเข้าทำลายปอดเป็นส่วนใหญ่ ซ้ำร้ายในบางสายพันธุ์ยังไม่แสดงอาการใดๆ ให้เราได้ทันสังเกตไปอีก แต่ปัจจุบันก็ได้มีการเร่งศึกษาและค้นหาโควิด19 สายพันธุ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยับยั้งและสกัดการกลายพันธุ์ให้ได้มากที่สุด รวมถึงการทำความเข้าใจในแง่ของความรุนแรงที่อาจมีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ร่วมด้วย
อาการและความรุนแรง จากข้อมูลเบื้องต้นจะสังเกตได้ว่าโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ๆ จะโดดเด่นในเรื่องของความรวดเร็ว หรือการกระจายเชื้อที่ไวขึ้น จึงทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อในหลายๆ ประเทศ รวมถึงความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันในร่างกาย จนทำให้ง่ายต่อการแทรกซึมเข้าสู่ระบบต่างๆ อย่างแนบเนียน
ประสิทธิภาพการทำงานของวัคซีน ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการหลบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเป็นเกราะป้องกันที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้ทั้งจากการติดเชื้อ หรือการฉีดวัคซีน เมื่อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ มีความสามารถในการหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกัน จึงอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนร่วมด้วยได้ และด้วยเพราะความใหม่และความหลากหลายของการกลายพันธุ์ ทำให้ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าวัคซีนที่มีอยู่ก่อนนั้นจะป้องกันโควิดสายพันธุ์ใหม่ได้ดีแค่ไหน
อีกทั้งปัจจัยร่วมอื่นๆ ที่เอื้อต่อโอกาสของการติดเชื้อโควิด-19 ได้ตลอด เช่น ประสิทธิภาพของวัคซีน และการตอบสนองต่อวัคซีนในแต่ละบุคคล ซึ่งเชื่อมโยงกับสุขภาพพื้นฐานโดยรวมที่เป็นอยู่เดิม การเสริมภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องทั้งจากอาหาร ผัก ผลไม้ สมุนไพร และวิตามินเสริมต่างๆ เพื่อให้พร้อมรับมือกับสายพันธุ์โควิดใหม่ๆ รวมถึงเรียนรู้วิธีรับมือหากติดเชื้อโควิดเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
เมื่อท้ายที่สุดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน และยังคงพัฒนากลายพันธุ์ได้อีกเรื่อยๆ จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ไม่ต่างจากไข้หวัดใหญ่ได้ในที่สุด การหาวิธีอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้จึงเป็นสิ่งที่เราต้องเน้นย้ำกันมากขึ้น ซึ่งนอกจากการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ทำความสะอาดมือ และฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมากับสิ่งของต่างๆ หรือการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในปัจจุบันแล้ว การฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส หรือ Booster dose คือหนึ่งในแนวทางการป้องกันที่กำลังเกิดขึ้นต่อไป รวมถึงการใช้เครื่องตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตัวเอง (ATK) จะกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นล่าสุด เพื่อใช้เป็นใบเบิกทางการเดินทางในพื้นที่ต่างๆ ในอนาคต
แม้ชีวิตประจำวันต่อจากนี้จะดูมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าเราทุกคนพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อตั้งรับกับสถานการณ์ใหม่ๆ กันอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกันกับการทำแผนประกันสุขภาพออนไลน์ซิกน่า เพื่อสร้างความมั่นใจและอุ่นใจในทุกๆ สถานการณ์รายวันที่ยังคงคาดเดาได้ยาก ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุที่ครอบคลุมไปถึงกลุ่มโรคร้ายแรง ด้วยแผนประกันชดเชยรายได้และค่ารักษาพยาบาล พร้อมเคียงข้างคุณในทุกๆ วิกฤตสุขภาพ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในทุกๆ วัน
วัคซีนที่ป้องกันและรักษาได้ดี:
Pfizer/BionTech: ป้องกันโรค 86% ป้องกันติดเชื้อ 82%
Moderna: ป้องกันโรค 89% ป้องกันติดเชื้อ 85%
AstraZeneca: ป้องกันโรค 35% ป้องกันติดเชื้อ 31%
Johnson & Johnson: ป้องกันโรค 64% ป้องกันติดเชื้อ 57%
Spunik-V: ป้องกันโรค 59% ป้องกันติดเชื้อ 52%
Novavax: ป้องกันโรค 49% ป้องกันติดเชื้อ 43%
Sinopharm: ป้องกันโรค 47% ป้องกันติดเชื้อ 41%
โรคระบาดที่เกิดจากไวรัสเคยเกิดขึ้นหลายครั้ง บางครั้งระบาดไปทั่วโลก บางครั้งก็ระบาดเฉพาะพื้นที่ โรคระบาดที่มาจากไวรัส มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างมาก ไวรัสเป็นจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็ก สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ (infectious agents) ทั้งในมนุษย์ สัตว์ พืช และ สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีเซลล์ (cellular life) บางชนิดก่อเกิดโรคร้ายแรง และระบาดติดต่อกัน ส่งผลกระทบกว้างขวาง ทั้งทางด้านสุขภาพ ร่างกาย เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ การเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัส จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ทำให้เราเข้าใจและมีความรู้เกี่ยวกับไวรัส เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติต่อไป
แต่เดิมองค์การอนามัยโลกตั้งชื่อโรคระบาด มักตั้งตามชื่อคนค้นพบ เช่น Graves' disease ตั้งตามสถานที่เกิด เช่น อีโบลา (Ebola) ตามชื่อประเทศ เช่น ไข้หวัดใหญ่สเปน แต่นับตั้งแต่การเกิดโรค SARS ระบาดเป็นต้นมา ได้หลีกเลี่ยงการอ้างอิงถึงชื่อ คน สัตว์ สถานที่ ชื่อเมือง ชื่อที่มีความอ่อนไหวสูง ชื่อวัฒนธรรม ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน การตั้งชื่อจึงหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อโรค ไม่ให้มีผลกระทบดังกล่าว ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งชื่อโรคระบาดใหม่จากไวรัสโคโรนานี้ว่า COVID-19 มาจากคำว่า Coronavirus Disease 2019 เราเรียกสั้น ๆ ว่า โควิด19 (COVID-19) และเรียกไวรัสที่ทำให้เกิดโรคว่า Severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2)
ในการป้องกันการระบาดของเชื้อ โควิด 19 ได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง คือ การค้นหาผู้ป่วยให้พบโดยเร็วที่สุด แล้วทำการคัดแยก เพื่อการรักษาและป้องกันการแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่น แต่เนื่องจาก ผู้ที่ได้รับเชื้อ อาจจะยังไม่แสดงอาการ หรือ ผู้ป่วยส่วนหนึ่ง มีอาการไม่มาก อีกทั้ง กระบวนการตรวจเชื้อโควิด 19 มีกระบวนการที่ยุ่งยาก และต้องใช้ห้องปฏิบัติการ จึงต้องมีการคัดกรองเบื้องต้น หาผู้ต้องสงสัย เพื่อให้การตรวจหาผู้ป่วย มีประสิทธิภาพสูงสุด
การระบาดของโรค โควิด 19 กำลังได้รับความสนใจไปทั่วโลก เพราะเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ เมื่อเริ่มระบาด ทุกคนยังไม่มีภูมิต้านทาน เชื้อจึงกระจายได้เร็ว เราใช้วิทยาการระบาดเพื่อศึกษาการกระจายการติดเชื้อของโรคติดต่อ และใช้รูปแบบการคำนวณทางคณิตศาสตร์ สร้างรูปแบบจำลองมาช่วยในการศึกษาและทำนายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของการระบาด การเรียนรู้รูปแบบจำลองการกระจายการติดเชื้อทำให้เกิดความเข้าใจ เรียนรู้ ปรับใช้ และนำมาวางแผนการป้องกัน ควบคุมโรคระบาดได้ ความรู้เหล่านี้เป็นเรื่องน่าสนใจที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง
การระบาดของโรคโควิด 19 เป็นการระบาดกระจายครอบคลุมพื้นที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก วันที่ 30 มกราคม 2563 องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคโควิด 19 เป็นเป็นภัยพิบัติฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลก มีแนวโน้มจะเป็นโรคระบาดที่อยู่กับเราไปอีกนาน จนกว่าจะมียารักษาที่ดี หรือมีวัคซีนป้องกันโรคได้ การที่ต้องอยู่กับโรคนี้ไปอีกนาน การเรียนรู้เกี่ยวกับโรค วิธีป้องกัน เป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้เราปรับตัว และอยู่ร่วมกับโรคนี้ได้ ประเทศไทยมีมาตรการที่จะรณรงค์ให้คนไทยช่วยกันป้องกันตนเองและผู้อื่น ถ้าคนไทยมีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องการป้องกันตนเอง และผู้อื่น ก็จะมีส่วนช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นและลุกลามเป็นความเสียหายใหญ่ได้
การระบาดของเชื้อโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อทุกคนในวงกว้าง ประชาชนจึงให้ความสนใจ มีการติดตามข้อมูลข่าวสาร ทางรัฐบาล โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีการแถลงข่าว และให้ข้อมูลต่อเนื่องทุกวัน มีการใช้ตัวเลข และสถิติ เพื่อให้ความรู้ เพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์การระบาดของประเทศไทยและทั่วโลก ทำให้ประชาชนได้เรียนรู้ เข้าใจมากขึ้น การเรียนรู้จากข้อมูล และสถิติเกี่ยวกับโรคโควิด 19 จึงมีความน่าสนใจ และเป็นประโยชน์ ช่วยให้เกิดจินตนาการ และการวิเคราะห์ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เนื้อหาของบทเรียนนี้ จึงมีความสำคัญที่น่าศึกษา และติดตาม
โรคโควิด 19 เป็นโรคอุบัติใหม่ และยังมีองค์ความรู้ไม่มาก ต้องศึกษาค้นคว้า และเรียนรู้ ศึกษา เพื่อใช้ความรู้ป้องกันโรค พัฒนายาและวัคซีน เพื่อชนะการระบาด อีกทั้งโรคมีความรุนแรง มีอัตราเสี่ยงสูง ทั้งยังแพร่กระจายได้ง่าย บุคคลเสี่ยง เช่นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว อาจรุนแรงที่ต้องเข้าเป็นผู้ป่วยวิกฤติ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทำให้เกิดความกลัว โดยเฉพาะในยุคที่มีสื่อสังคมเสนอข่าวสารมากมาย ข้อมูลที่นำเสนอ บางครั้งอาจมีความจริงเป็นบางส่วน หรือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ แต่น้อย ๆมาก แล้วเติมด้วยความเห็น มีทั้งด้านบวก หรือด้านลบ จึงทำให้เป็นข่าวที่น่ากลัว ผู้สื่อข่าวก็มักจะลงพาดหัวข้อข่าวให้ดูตกใจ ทั้ง ๆ ที่ ภายในเนื้อหาข่าวอาจไม่รุนแรง หรือเป็นคนละด้านกับหัวข้อข่าว สิ่งที่สำคัญในการบริโภคข่าวสาร จึงต้องแยกความจริง และความเห็นของผู้นำเสนอออกจากกัน ต้องมีสติ คิด วิเคราะห์ได้ อีกทั้งการระบาดของ โควิด 19 เป็นการระบาดทั่วโลก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และมีผลกระทบที่รุนแรง ในหลาย ๆด้านและต่อเนื่องต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง ที่ผู้คนทุกคนจะได้รับผลกระทบนี้ ต้องปรับตัวในหลาย ๆ ด้าน
เมื่อมีเชื้อโรคร้ายระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) รัฐบาลทุกประเทศต่างมีมาตรการในการควบคุมโรคระบาด เพื่อปกป้องประชาชน มาตรการอาจออกมาในรูปแบบขอความร่วมมือให้ช่วยกัน หรือออกมาเป็นกฎหมายข้อบังคับ ทั้งนี้ ความสำเร็จของมาตรการควบคุมการระบาดต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน อีกทั้งประชาชนต้องมีความเคร่งครัด มีระเบียบวินัย และทัศนคติที่ดีต่อการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ
ศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ
ราชบัณฑิต
หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์
นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2540
รองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ
รางวัลนักวิจัย ประดิษฐ์คิดค้น จากสภาวิจัยแห่งชาติ 7 ครั้ง
นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2539 ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มอ. มก. และ สพฐ.
ที่ปรึกษา คิวบิกครีเอทีฟ
ทั่วโลกและประเทศไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์การรับมือกับโรคโควิด 19 ที่เริ่มระบาดที่ประเทศจีนตั้งแต่ปลายเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2562 เป็นโรคอุบัติใหม่ที่เรายังขาดความรู้ ความเข้าใจอีกมาก การระบาดของโรคนี้ระบาดได้เร็ว เพราะคนทั้งโลกยังไม่มีภูมิคุ้มกัน หากใครได้รับเชื้อจะเป็นโรคนี้
ประเทศไทยเป็นประเทศแรก นอกประเทศจีน ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นรายแรกในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563 หลังจากนั้น ก็มีผู้ป่วยกระจายไปยัง ญี่ปุ่น และอีกหลายชาติ กระจายเข้าสู่ยุโรป อเมริกา ใช้เวลาเพียง 3-4 เดือนก็กระจายเกือบสองร้อยประเทศทั่วโลก
วันที่ 30 มกราคม 2563 องค์การอนามัยโลก ประกาศให้ โรคโควิด 19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern) และต่อมาวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2563 ประกาศการระบาดทั่วโลก (Pandemic) ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มที่จะหยุดการระบาดได้
โรคโควิด 19 เป็นโรคใหม่ จำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ และทำความเข้าใจ การเรียนออนไลน์ เป็นรูปแบบการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เข้ากับสถานะการณ์การระบาด จึงอยากใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาส เพื่อเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด 19 และองค์ความรู้ในการดูแล ปกป้อง ป้องกันโรค และการระบาดของโรค โดยเน้นทางด้านวิชาการ วิทยาการเกี่ยวกับไวรัส และโรคโควิด 19 รวมถึงเรื่องระบาดวิทยา เป็นความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อการเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ประชาชนทั่วไป การดำเนินการได้ทำในรูปบทเรียนออนไลน์ เพื่อสร้างสรรค์แบบเปิดให้เข้าถึงแบบกว้างขวาง โดยมีวิทยากรบรรยายให้ความรู้คือ ศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ และ รองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ และประสบการณ์ตรงที่จะถ่ายทอดความรู้ ภายใต้ รายวิชา: โควิด 19 และ ระบาดวิทยา บนเว็บไซต์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเรียนผ่านตามเกณฑ์ ก็จะได้ประกาศนียบัตร ที่ออกให้โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เป้าหมายผู้เรียนอยู่ที่ นักเรียน ประชาชนทั่วไป จะได้เรียนรู้ จากแหล่งความรู้ที่ถูกต้อง ที่เน้นทางด้านวิชาการ เกี่ยวกับ ไวรัสและโรคโควิด 19 และ ระบาดวิทยาเบื้องต้น อีกทั้งขณะนี้ นักเรียนมีแนวโน้มที่ต้องอยู่บ้านมากขึ้น และต้องหยุด หรือสลับกันไปโรงเรียน และ เมื่อนักเรียนต้องอยู่ที่บ้าน บทเรียนออนไลน์นี้จึงเป็นส่วนหนึ่ง ช่วยให้นักเรียน และประชาชนทั่วไป เข้าถึงความรู้ และสามารถเรียนแบบลดระยะห่างทางสังคม และป้องกันการแพร่ระบาด การเรียนออนไลน์เป็นสิ่งที่นักเรียนไทยกำลังปรับตัว การสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้แบบออนไลน์ กำลังได้รับความสนใจ เนื้อหาและความรู้เกี่ยวกับไวรัสและโรคโควิด 19 พร้อมเรื่องระบาดวิทยา เป็นหลักสูตรใช้การเรียนรู้ของนักเรียนในโรงเรียนได้ เนื้อหาวิชาการในเรื่องนี้ ทั่วโลกกำลังสนใจ จะเป็นแรงจูงใจให้นักเรียนอยากเรียน เพื่อนำความรู้ไปปรับใช้กับตนเอง สังคม และประเทศชาติ เพื่อต่อสู้กับโรคโควิด 19 ต่อไป
บทเรียนนี้ มี 8 บท หนึ่งบทมี 4-6 ตอน ถ่ายทอดความรู้เป็นตอน ๆ โดยทำในรูปแบบคลิปวิดีโอสั้น ผสมกับ เนื้อหาความรู้ และมีแบบทดสอบ เพื่อเรียนรู้ด้วยตนเองแบบออนไลน์ โครงการนี้จัดทำโดยสำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน ประชาชนทั่วไป เพื่อการเรียนรู้วิชาการที่มีประโยชน์ต่อสังคม
แหล่งที่มาของข้อมูล https://learningcovid.ku.ac.th/
กรมควบคุมโรค "โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)"