การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับการยอมรับและมีงานวิจัยสนับสนุนในวงการแพทย์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ภูมิแพ้ ไข้หวัด และไซนัสอักเสบค่ะ
ช่วยชะล้างสิ่งแปลกปลอมและสารก่อภูมิแพ้
การล้างจมูกจะช่วยกำจัดน้ำมูกเหนียวข้น ฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ เชื้อโรค และสิ่งระคายเคืองต่างๆ ที่สะสมอยู่ในโพรงจมูก
งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าการล้างจมูกช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรค ทำให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการอักเสบ
บรรเทาอาการของโรคทางเดินหายใจ
การล้างจมูกมีส่วนช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น น้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ และจาม
มีการศึกษาในผู้ป่วยไซนัสอักเสบทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังพบว่า การล้างจมูกร่วมกับการรักษาหลักช่วยบรรเทาอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นหวัด การล้างจมูกก็มีประโยชน์ในการลดอาการคัดจมูกและอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาด้วยยา
การล้างจมูกก่อนการพ่นยาเข้าจมูกจะช่วยทำความสะอาดโพรงจมูก ทำให้ออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น
บางงานวิจัยพบว่าการล้างจมูกช่วยลดปริมาณยาที่ใช้ในการรักษาโรคจมูกและไซนัสได้
เพิ่มความชุ่มชื้นให้โพรงจมูก
น้ำเกลือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูกชุ่มชื้น ไม่แห้ง ลดการระคายเคือง ทำให้เซลล์บุโพรงจมูกที่ทำหน้าที่กวาดสิ่งแปลกปลอมทำงานได้ดีขึ้น
อุปกรณ์และขั้นตอนการล้างจมูกที่ถูกต้อง
น้ำเกลือ : ต้องใช้น้ำเกลือสำหรับล้างจมูกโดยเฉพาะ (ชนิดไอโซโทนิก 0.9%)
น้ำสะอาด : หากใช้เกลือสำเร็จรูปที่มากับชุดล้างจมูกสำเร็จรูป ควรใช้น้ำต้มสุกที่เย็นแล้วผสม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อุปกรณ์ : ไซรินจ์ (กระบอกฉีดยา) จุกล้างจมูก หรือชุดล้างจมูกสำเร็จรูป
วิธีการทำ :
เทน้ำเกลือใส่ภาชนะที่สะอาด
ดูดน้ำเกลือด้วยไซรินจ์
โน้มตัวเหนืออ่างล้างหน้าและกลั้นหายใจ
ค่อยๆ ฉีดน้ำเกลือเข้าไปในรูจมูกข้างหนึ่ง
ปล่อยให้น้ำเกลือไหลออกจากรูจมูกอีกข้าง
สั่งน้ำมูกเบาๆ จากนั้นทำซ้ำกับจมูกอีกข้าง
อุณหภูมิ : ควรใช้น้ำเกลือที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกาย (อุ่นเล็กน้อย) เพื่อลดอาการระคายเคืองและช่วยให้อาการคัดจมูกลดลงได้ดีกว่าน้ำเกลือที่มีอุณหภูมิห้อง
ความถี่ : โดยทั่วไปแนะนำให้ล้างจมูกวันละ 1-2 ครั้ง หรือเมื่อมีอาการ โดยเฉพาะช่วงตื่นนอนและก่อนนอน ส่วนผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้หรือไซนัสอาจล้างได้ถึง 3-4 ครั้งต่อวันตามคำแนะนำของแพทย์
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
ไม่ควรใช้น้ำประปาธรรมดาเพราะอาจมีเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อร้ายแรงได้
หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดกำเดาไหล ปวดหู หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์
หรือศึกษาได้จากคลิปวิดิโอจากโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ : https://www.youtube.com/@SiPHChannel ด้านล่างนี้ค่ะ
บทความโดย :
ภญ.ดุษฎี ลือชาพุฒิพร
เภสัชกรประจำร้านบ้านยายิ้ม