งูสวัดป้องกันได้! สัญญาณเตือนภัย
และวิธีดูแลตัวเองง่ายๆ ที่คุณควรรู้
งูสวัดป้องกันได้! สัญญาณเตือนภัย
และวิธีดูแลตัวเองง่ายๆ ที่คุณควรรู้
ภาพแสดงตัวอย่างลักษณะผื่นตามเส้นประสาทของงูสวัดจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Herpes_Zoster_Rash.png
โรคงูสวัดคืออะไร?
โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อ herpes family type 3(HHV-3) หรือ Varicella zoster virus (VZV) เมื่อได้รับเชื้อครั้งแรกจะเกิดเป็นโรคอีสุกอีใส เมื่อผื่นหายแล้วเชื้อไวรัสจะเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทรับความรู้สึก เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง เชื้อจะกำเริบโดยแบ่งตัวและกระจายในปมประสาท ทำให้มีการอักเสบและการตายของเส้นประสาท เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนังตามแนวเส้นประสาท และเกิดตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่มๆ ที่ผิวหนัง หรือเป็นแถวยาวตามแนวของเส้นประสาท
ใครคือกลุ่มเสี่ยง?
ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ กลุ่ม Autoimmune ผู้ป่วย HIV
ผู้ที่เคยติดเชื้ออีสุกอีใสมาก่อน
การบาดเจ็บทางกายภาพ
ผู้ป่วยมีโรคร่วม
อาการของโรคงูสวัดแบ่งออกได้ เป็น 3 ระยะ คือ
ระยะ prodromal phase
เป็นช่วงที่มีอาการอักเสบของเส้นประสาทแต่ยังไม่มีรอยโรคที่ผิวหนัง ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บแปลบ อาจคันหรือแสบร้อนตามเส้นประสาทและเป็นอยู่ข้างเดียว (unilateral) ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ตามตัว หรือมีไข้ ช่วงนี้จะเป็นอยู่นาน 2-3 วัน
ระยะ Infection rash
เป็นช่วงที่มีผื่นเกิดขึ้นบริเวณผิวหนังตามแนวเส้นประสาทนั้น ๆ เกิดได้กับทุกแนวเส้นประสาทของร่างกาย บริเวณที่พบบ่อย คือ เส้นประสาทตา และบริเวณลำตัว
ลักษณะผื่นเริ่มจากผื่นแดงผสมระหว่างรอยแดงแบนราบและตุ่มนูนเล็กๆ มักขึ้นเป็นกลุ่มและมีขนาดตุ่มหลากหลายแล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสภายใน 12-24 ชั่วโมงเกิดขึ้นในแนวเส้นประสาทข้างเดียวกันของร่างกาย จากนั้นภายใน 3-4 วัน ตุ่มน้ำใสจะกลายเป็นตุ่มหนอง รวมระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 3-5 วัน แล้วค่อยๆ แห้งตกสะเก็ดภายใน 7-10 วัน จึงค่อยๆ หลุดออกไปภายใน 2-4 สัปดาห์ ลักษณะรอยโรคจะเปลี่ยนแปลงตามเวลาและความรุนแรงของโรค
ระยะ Resolution phase
เป็นระยะฟื้นหายจากโรค นับตั้งแต่รอยโรคที่ผิวหนังหายแล้ว ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ อาการปวดตามแนวเส้นประสาทหลงเหลืออยู่ ในผู้ที่มีอายุน้อยอาการปวดมักจะเป็นชั่วคราวและหายได้เร็ว ในผู้ที่มีอายุมากอาการปวดจะเป็นรุนแรงและเป็นอยู่ได้นานเป็นเดือนเป็นปี
อาการที่ควรรีบพบแพทย์
รอยโรคงูสวัดขึ้นบริเวณดวงตาหรือเปลือกตา : บางรายมีอาการไวต่อแสงหรือรู้สึกระคายเคืองในตา หากไม่ได้พบแพทย์อาจเป็นสาเหตุให้ตาบอด มีปัญหาทางการมองเห็นหรือต้อได้ และควรระวังหากเกิดงูสวัดบริเวณจมูกเพราะอาจทำให้เกิดปัญหาที่ตาได้ จึงควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อประเมินอาการ
หากตุ่มน้ำใสกลายเป็นตุ่มหนอง : อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนซึ่งจะทำให้รอยแดงและแผลหายช้าลง หากเกิดอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์
ตุ่มน้ำการกระจายออกนอกแนวเส้นประสาท
มีภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ อัมพาตครึ่งซีก
การรักษา
ใช้ยาต้านไวรัสภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีผื่นจะทำให้อาการดีขึ้นเร็ว ลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการปวดหลังหายจากงูสวัด
ยาบรรเทาอาการปวด
รักษาความสะอาดผื่นตามอาการ
การแพร่กระจายเชื้อ
ผู้ที่มีรอยโรคงูสวัดที่ยังคงอยู่สามารถแพร่เชื้อได้
เชื้อสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับของเหลวจากตุ่มน้ำ หรือ สูดดมอนุภาคไวรัส จากแผลตุ่มน้ำจนกว่าตุ่มจะแห้งและตกสะเก็ด ดังนั้นผู้ที่มีรอยโรคงูสวัดควรปิดแผล เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลที่มีความเสี่ยง เช่น คนในครอบครัวหรือสถานที่ทำงาน จนกว่าแผลจะแห้งและตกสะเก็ด
การป้องกัน
ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ซึ่งแนะนำให้ฉีดกับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
พักผ่อนเพียงพอ
ลดความเครียด
บทความโดย
ภญ.ดุษฎี ลือชาพุฒิพร
เภสัชกรประจำร้านบ้านยายิ้ม