1. วิธีดำเนินการ
– พิจารณาจากการดำเนินการที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อตกลง และสะท้อนให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามตำแหน่งและวิทยฐานะ
2. ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่คาดหวัง
2.1 เชิงปริมาณ พิจารณาจากการบรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณได้ครบถ้วนตามข้อตกลง และมีความถูกต้อง เชื่อถือได้
2.2 เชิงคุณภาพ พิจารณาจากการบรรลุเป้าหมายเชิงคุณภาพได้ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ และปรากฏผลต่อคุณภาพผู้เรียนได้ตามข้อตกลง
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการวัดการกระจายของข้อมูล โดยใช้สื่อการสอนแบบประสม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากคณิตศาสตร์ ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอยางมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผนสามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถนําไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทักษะแห่งอนาคตใหม่ในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) เป็นทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนคนไทย ในฐานะการเป็นพลเมืองของโลก ที่มีการดำรงชีวิตท่ามกลางโลกแห่งเทคโนโลยีสื่อประสม เป็นการนําเอาสื่อการสอนหลาย ๆ อย่างมาสัมพันธ์กันและมีคุณค่าที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน สื่อการสอนอย่างหนึ่งอาจใช้เพื่อเร้าความสนใจ ในขณะที่อีกอย่างหนึ่งเพื่ออธิบายข้อเท็จจริงของเนื้อหา และอีกชนิดหนึ่งอาจใช้เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและป้องกันการเข้าใจความหมายผิด การใช้สื่อประสมจะช่วยให้ผู้เรียนมีประสบการณ์จากประสาทสัมผัสที่ผสมผสานกันได้ค้นพบวิธีการที่จะเรียนในสิ่งที่ต้องการได้ด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น
ในปีการศึกษา 2565 ที่ผ่านมาพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาคณิตศาสตร์ตั้งแต่เกรด 2 ลงมาคิดเป็นร้อยละ 13.79 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูง และในเนื้อหาเรื่องการวัดการกระจายของข้อมูลผู้เรียนได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ ด้วยเหตุผลและความสําคัญที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อเป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาสื่อประสมมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนเรื่องการวัดการกระจายของข้อมูล ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ขึ้น
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1) วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสุนทรภู่พิทยา ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2563 ในเรื่องของ มาตรฐานการเรียน และตัวชี้วัด ของเนื้อหา เรื่อง การวัดการกระจายของข้อมูล
2) ศึกษาวิเคราะห์งานวิจัยหลักการทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับวิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น
3) จัดทำโครงร่างนวัตกรรมการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประกอบด้วย หน่วยการ
เรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ สำหรับเนื้อหาการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องการวัดการกระจายของข้อมูล โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ พร้อมเฉลยตัวอย่าง กิจกรรม และแบบฝึกหัด
4) ตรวจสอบนวัตกรรมการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เกี่ยวกับความถูกต้อง ในเนื้อหา กิจกรรม และแบบฝึกหัด พร้อมทั้งเสนอแนะ เพื่อปรับปรุง แก้ไข
1) ครูผู้สอนนำนวัตกรรมการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประกอบด้วยหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้มาปรับปรุง แก้ไขตามคำแนะนำของคณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา
2) นำนวัตกรรมการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประกอบด้วยหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการวัดการกระจายของข้อมูล รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 รหัสวิชา ค33102 ไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบท โดยใช้สื่อประสม
3) บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เกิดขึ้นจากนวัตกรรมการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผ่าน Google Sheet และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบเป็นราย 2 สัปดาห์ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ใช้กิจกรรมการสอนซ่อมเสริมด้วยสื่อการสอนและแบบฝึกที่ครูจัดทำขึ้น สำหรับใช้แก้ไขปัญหาการเรียนรู้ให้นักเรียนได้ศึกษา และทำการทดสอบใหม่ จนนักเรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ในเรื่องการวัดการกระจายของข้อมูล
นวัตกรรมที่เกิดขึ้น
การดำเนินงาน
ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่คาดหวัง
ผลการดำเนินงานวิจัย
เชิงปริมาณ พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 33 คน ได้รับการแก้ไขมโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การกระจายของข้อมูล รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 รหัสวิชา ค33102 และมีนักเรียนจำนวน 25 คน มีคะแนนทดสอบผ่านเกณฑ์ (ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม) คิดเป็นร้อยละ 75.76 ซึ่งสูงกว่าร้อยละ 70 ที่ตั้งไว้ และนักเรียนทั้งหมดมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมจัดการเรียนรู้ เรื่องการกระจายของข้อมูล มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากขึ้นไป
เชิงคุณภาพ พบว่า นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เรื่อง การกระจายของข้อมูล และสามารถนำความรู้ ที่ได้จากการเรียนรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้
รายงานวิจัยตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (ประเด็นท้าทาย)