ผลการจัดกิจกรรม

ด้านจุดเด่น/จุดด้อยของนักเรียน

                   นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้จากการทดสอบก่อนเรียน โดยใช้แอพพลิเคชัน Quizizz จำนวน 39 คน มีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมร้อยละ 66 ครูกระตุ้นความสนใจโดยตั้งคำถามจากกิจกรรมขวด 3 ใบ เพื่อนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนสามารถช่วยกันสืบค้นความรู้ในเรื่อง การสั่นพ้องของเสียง ได้เป็นอย่างดี

            นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรม 12.2 การทดลองการสั่นพ้องของอากาศในหลอดเรโซแนนซ์ ครูกระตุ้นให้นักเรียนแบ่งหน้าที่การทำงาน เพื่อให้เกิดทักษะการทำงานเป็นทีม และให้นักเรียนออกแบบตารางบันทึกผลการทดลองด้วยตนเอง เพื่อสร้างทักษการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา และร่วมพูดคุยอภิปรายกันในกลุ่ม เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านการสื่อสาร และสรุปผลร่วมกันและสามารถนำเสนอต่อเพื่อนๆ ในห้องเรียนได้

                   นักเรียนสามารถอธิบายการสั่นพ้องของเสียงเกิดจากลำอากาศในท่อถูกทำให้สั่นด้วยเสียงที่มีความถี่เท่ากับความถี่ธรรมชาติของลำอากาศในท่อ ลำอากาศจะสั่นมากที่สุด และได้ยินเสียงดังที่สุด ความถี่ที่ทำให้เกิดการสั่นพ้องเรียกว่า ความถี่สั่นพ้อง หรือ ความถี่เรโซแนนซ์ (resonant frequency) สำหรับท่อปลายปิดหนึ่งด้าน

แนวทางแก้ไขจุดด้อย

                   ในการทำกิจกรรมการทดลอง ยังพบว่ามีนักเรียนบางคน ขาดการร่วมมือการทำงานในกลุ่ม ครูช่วยกระตุ้นนักเรียนและให้คำแนะนำ รวมถึงสอบถามหัวหน้ากลุ่มเพื่อให้เกิดการร่วมมือกัน

ปัญหาอุปสรรค/ข้อเสนอแนะอื่นๆ
        สายต่อโทรทัศน์อาจมีปัญหาในบางเวลา ครูควรเตรียมสายสำรองไว้

ผลการจัดกิจกรรม

ด้านจุดเด่น/จุดด้อยของนักเรียน

                   นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้จากการทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การแกว่งของลูกตุ้มอย่างง่าย จาก เว็บไซต์ ZEP QUIZ จำนวน 5 ข้อ (แบบทดสอบสร้างจาก Chatgpt) เพื่อวัดความรู้เดิม จำนวนนักเรียน 40 คน มีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมร้อยละ 61 ครูกระตุ้นความสนใจจาก VDO "นาฬิกาลูกตุ้ม" และสนทนากับนักเรียน เพื่อนำเข้าสู่บทเรียน 

            นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรม 8.2 การทดลองเรื่องลูกตุ้มอย่างง่าย ครูกระตุ้นให้นักเรียนแบ่งหน้าที่การทำงาน (โดยใช้ลูกตุ้มที่มีมวลคงที่และปล่อยให้แกว่งในมุมที่ไม่เกิน 15 องศา เพื่อให้เข้าใกล้การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย) และให้นักเรียนออกแบบตารางบันทึกผลการทดลองด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดทักษะความคิดสร้างสรรค์และร่วมพูดคุยอภิปรายกันในกลุ่ม เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านการสื่อสาร และสรุปผลร่วมกันและสามารถนำเสนอต่อเพื่อนๆ ในห้องเรียนได้

                   นักเรียนสามารถอธิบายการทดลองเรื่องลูกตุ้มอย่างง่าย ได้ดังนี้

- คาบของลูกตุ้ม (T) จะเพิ่มขึ้น เมื่อความยาวของเชือกลูกตุ้มเพิ่มขึ้น

- คาบการแกว่งไม่ขึ้นอยู่กับมวลของลูกตุ้ม แต่ขึ้นอยู่กับความยาวของเชือกและค่าความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง (g)

- เมื่อพล็อตกราฟ T² กับความยาวเชือก (l) ได้กราฟเป็นเส้นตรง แสดงว่า T² แปรผันตรงกับ l

แนวทางแก้ไขจุดด้อย

                   ในการทำกิจกรรมการทดลอง ยังพบว่ามีนักเรียนบางคน ขาดการร่วมมือการทำงานในกลุ่ม และยังขาดทักษะความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบการทดลอง ครูช่วยกระตุ้นนักเรียนและให้คำแนะนำ 

ปัญหาอุปสรรค/ข้อเสนอแนะอื่นๆ
        -