เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อตนเอง เคารพความรู้สึกของคู่ของตน ไตร่ตรองวิเคราะห์ถึงผลดี ผลเสีย และเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะตัดสินใจ แด่ต้องไม่สร้างปัญหาภาระแก่ผู้อื่นภายหลัง และเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่จะแก้ไขและหาทางออกที่เหมาะสมต่อไป และก่อนที่จะคิดถึงการมีเพศสัมพันธ์ ต้องแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ และสุขภาพอนามัยที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ เพื่อจะได้ปลอดภัย ไม่เกิดการตังครรภ์ที่ไม่ต้องการ และไม่เกิดการคิดโรครวมทั้งปัญหาอื่น ๆ ทางด้านจิตใจ ที่จะตามมา
สิ่งที่ตามมาจากการตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์จึงมีทังด้านบวกและด้านลบ การวิเคราะห์ถึงผลที่จะตามมาล่วงหน้า จะช่วยให้เราสามารถเตรียมการ และคิดวิธีการป้องกันและ/หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองและคนที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับปัญหาที่อาจตามมา ดังนัน เมื่อคิดและคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการและไม่ต้องการให้เกิดขึ้นคืออะไร ก็สามารถใช้เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ เพราะผลที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เราจะต้องเผชิญและรับผิดชอบด้วยตัวของเราเอง
การเรียนรู้ที่จะประเมินสถานการณ์หรือการคาดเดาได้ว่าอะไรบ้างที่จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ของตนเอง เราพร้อมที่จะเผชิญสถานการฉนั้นหรือไม่อย่างไร การคาดการณ์และตอบตัวเองได้ชัดเจนจะช่วยให้เราควบคุม จัดการ และแก้ไขสถานการณ์ได้ดีกว่าการไม่ได้เตรียมตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อสิ่งที่ตามมาที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การตังครรภ์ที่ไม่พร้อมและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น
เช่นเดียวกับการเรียนรู้และ‘ฟิกฝนทักษะการยืนยันความต้องการและการต่อรองเพื่อให้บรรลุความต้องการของทังสองฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ การเรียนรู้นี้ดำเนินไปตลอดชีวิต การเผชิญกับความรู้สึกผิดอารมณ์โกรธ หวั่นเกรงกับความรู้สึกของผู้อื่นที่มีต่อตนเองหรือรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า เป็นประสบการณ์ร่วมของทุกคน การเริ่มต้นและฟิกฝนในชีวิตประจำวันจะช่วยให้เราทำได้ดีขึ้นและจะนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
การเรียนรู้ความต้องการของตัวเอง และสิ่งที่อาจมีอิทธิพลต่อความคิด และการตัดสินใจของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญของวัยรุ่น เพราะในสถานการณ์หลายอย่างที่วัยรุ่นเผชิญ การเข้าใจความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนจะช่วยให้วัยรุ่นสามารถสื่อสาร ต่อรอง หรือปฏิเสธเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตนเองได้
นอกจากนั้น การเรียนรู้เทคนิคการชักชวน จะทำให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มีวิธีการหลายอย่างในการโน้มน้าวใจ หรือชักจูงคนอื่นให้คล้อยตาม ทั้งนี้อาจทำไปโดยไม่สนใจความต้องการของอีกฝ่ายและไม่เคารพในการตัดสินใจที่แตกต่างไปจากสิ่งที่ตัวเองต้องการ การเรียนรู้ ยอมรับ และเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างส้มพันธภาพและการอยู่ร่วมกัน
บุคลิก 3 แบบในเรื่องการกล้าแสดงความคิดเห็นความต้องการและการตอบสนองความต้องการของคัวเอง
1. “ฉันจะเอาแบบนี้ ฉันไม่สนใจว่าเธออยากเลือกแบบไหน” (Aggressive)คนบุคลิกนี้ไม่ค่อยสนใจความต้องการของผู้อื่น กถ้าแสดงออก กถ้าทำเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ
• ไม่ชอบให้ขัดใจ
คนที่ไม่ค่อยสนใจความต้องการของผู้อื่นเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและเดินหน้าเพื่อให้ไต้มา การไต้ตามที่ต้องการเป็นเรื่องสำคัญจึงทำให้เป็นคนที่ไม่ให้ ความสนใจกับผลที่เกิดกับผู้อื่นมากนัก มักทำให้เพื่อนอึดอัดใจ
2. “ฉันรู้เธออยากได้อะไร และลันเลือกได้ว่าลันจะทำอะไร” (Assertive)คนบุคลิกนี้จะยอมรับในสิทธิและความต้องการของผู้อื่น รู้จักปกป้องสิทธิและตอบสนองความต้องการของตัวเอง
• กล้าถามและกล้าบอก
คนที่ยอมรับในสิทธิและความต้องการของผู้อื่น ขณะเดียวกันก็รู้จักปกป้องสิทธิและตอบสนองความต้องการของตัวเอง เป็นผู้ที่มีความสุขและสร้างส้มพันธภาพที่ยั่งยืนได้
3. “สำหรับลันอะไรก็ได้” (Passive)คนบุคลิกนี้ มักคล้อยตามผู้อื่น ไม่ค่อยกถ้าแสดงความต้องการและความรู้สึกของตัวเองโดยเฉพาะเรื่องที่ต้องขัดใจผู้อื่น ปฏิเสธไม่เป็น
• ไม่ค่อยกล้าบอก
คนที่มักคล้อยตามผู้อื่นเป็นคนที่ไปกับเพื่อนได้ดี ไม่มีความขัดแย้ง ไม่ค่อยแสดงความต้องการและความรู้สึกออกมาโดยเฉพาะเรื่องที่ต้องขัดใจผู้อื่น เมื่ออยู่ในสถานการณ์อยากปฏิเสธจึงยากที่จะบอกยืนยันความต้องการของตัวเอง