นอกจากแหล่งเรียนรู้ประเภทห้องสมุดตามที่กล่าวมาแล้ว ยังมีแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญในชุมชน อีกจำนวนมาก แต่จะขอกล่าวถึงแหล่งเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรทราบและศึกษาเพื่อประกอบการเรียนรู้ดังต่อไปนี้
1. พิพิธภัณฑ์
2. ศาสนสถาน
3. อินเทอร์เน็ต
พิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้ที่รวบรวม รักษา ค้นคว้า วิจัย และจัดแสดงหลักฐานวัตถุสิ่งของ ที่สัมพันธ์กับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เป็นบริการการศึกษาที่ให้ความรู้ และความเพลิดเพลินแก่ประชาชนทั่วไป เน้นการจัดกิจกรรมการศึกษาที่เอื้อให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างอิสระเป็นสำคัญ พิพิธภัณฑ์มีหลากหลายรูปแบบ มีการจัดแบ่งประเภทแตกต่างกันไป ซึ่งกล่าวโดยสรุปได้ว่าประเภท ของพิพิธภัณฑ์สามารถแบ่งออกได้ 6 ประเภท ดังนี้
ก. พิพิธภัณฑ์สถานประเภททั่วไป (Encyclopedia Museum) เป็นสถาบันที่รวมวิชาการทุกสาขาเข้าด้วยกัน โดยจัดเป็นแผนก ๆ
ข. พิพิธภัณฑ์สถานศิลปะ (Museum of Arts) เป็นสถาบันที่จัดแสดงงานศิลปะทุกแขนงเช่น พิพิธภัณฑ์สถานศิลปะการแสดง หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ เป็นต้น
ค. พิพิธภัณฑ์สถานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Museum of Science and Technology)เป็นสถาบันที่จัดแสดงวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ด้านต่าง ๆ เช่น เครื่องจักรกล โทรคมนาคม ยานอวกาศ และวิวัฒนาการเกี่ยวกับเครื่องมือการเกษตร เป็นต้น
ง. พิพิธภัณฑ์สถานธรรมชาติวิทยา (Natural Science Museum) เป็นสถาบันที่จัดแสดงเรื่องราวของธรรมชาติเกี่ยวกับเรื่องของโลก ดิน หิน แร่ สัตว์ พืช รวมทั้งสวนสัตว์ สวนพฤกษชาติ วนอุทยาน และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสัตว์บกด้วย
จ. พิพิธภัณฑ์สถานประวัติศาสตร์ (Historical Museum) เป็นสถาบันที่จัดแสดงหลักฐาน
ทางประวัติศาสตร์ แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมและประเพณี พิพิธภัณฑ์ประเภทนี้อาจแยกเฉพาะเรื่องก็ได้ เช่น พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวม และจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวกับการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม หรือการแสดงบ้านและเมืองประวัติศาสตร์ ทั้งนี้รวมถึงโบราณสถาน อนุสาวรีย์ และสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม
ฉ. พิพิธภัณฑ์สถานชาติพันธุ์วิทยา และประเพณีพื้นเมือง (Museum of Ethnology) และ
การจำแนกชาติพันธุ์ และอาจจัดเฉพาะเรื่องราวของท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าพิพิธภัณฑ์สถานพื้นบ้าน และถ้าจัดแสดงกลางแจ้งโดยปลูกโรงเรือน จัดสภาพแวดล้อมให้เหมือนสภาพจริง ก็เรียกว่า พิพิธภัณฑ์สถานกลางแจ้ง (Open-air Museum)
วัด โบสถ์ มัสยิด เป็นศาสนสถานที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ เป็นศูนย์กลาง ที่สำคัญในการทำกิจกรรมทางศาสนาของชุมชน และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีค่ามากในทุกด้าน เช่น การให้การอบรมตามคำสั่งสอนของศาสนา การให้การศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรมต่าง ๆ นับว่าเป็นการให้การศึกษาทางอ้อมแก่ประชาชน เช่น วัดพระเชตุพนวิมล มังคลาราม เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการนวดแผนโบราณเพื่อรักษาโรค ตำรายาสมุนไพร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง รามเกียรติ์
อินเทอร์เน็ต (Internet) คืออะไร
อินเทอร์เน็ต เป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงทั่วโลกเข้าด้วยกัน เหมือนใยแมงมุม หรือ world wide web (www.) จึงเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลทุก ๆ ด้าน ทั้งภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว ให้ผู้สนใจเข้าไปศึกษาค้นคว้าได้สะดวก รวดเร็ว และง่าย มีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ผู้ที่ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้หลาย ๆ ทาง เช่น อีเมล์ (E-mail) เว็บบอร์ด (Web board) แชทรูม (Chat room) การสืบค้นข้อมูล และข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูล และโปรแกรม มาใช้ได้
ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (InformationTechnology) หรือเรียกโดยย่อว่า “ไอที (IT)” ซึ่งหมายถึงความรู้ในวิธีการประมวลผล จัดเก็บ รวบรวม เรียกใช้ และนำเสนอข้อมูล อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้ไอที หากเราจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารในการทำงานประจำวัน อินเทอร์เน็ตจะเป็นช่องทางที่ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หรือเหตุการณ์ความเป็นไปต่าง ๆ ทั่วโลกที่เกิดขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว ในปัจจุบันสามารถสืบค้นข้อมูลได้ง่ายกว่าสื่ออื่น ๆ อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก
ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก โดยองค์กรทางทหารของสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า ยู.เอส.ดีเฟนซ์ (U.s.Defence Department) เป็นผู้คิดค้นระบบขึ้นมา สำหรับประเทศไทยการเชื่อมต่อ เข้าสู่อินเทอร์เน็ต มีจุดกำเนิดมาจากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระหว่างมหาวิทยาลัย หรือที่เรียกว่า “แคมปัสเน็ตเวิร์ก” (Campus Network) เครือข่ายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก “ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ” (NECTEC) จนกระทั่งในเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2535 ได้เชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยสมบูรณ์ ถ้าจะกล่าวถึงพัฒนาการประเทศไทย ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2530 ได้เริ่มมีการติดต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้ E-mail โดยเริ่มที่ “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่” และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียเป็นแห่งแรก
อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญในโลกปัจจุบัน
ที่จริงแล้วอินเทอร์เน็ตเป็นทั้งช่องทางการเรียนรู้สู่แหล่งเรียนรู้อื่นเองด้วย เราสามารถใช้ช่องทางนี้ทำอะไรได้มากมายโดยที่เราก็คาดไม่ถึง เหตุผลสำคัญที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย คือ
1. การสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์
2. อินเทอร์เน็ตไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทาง
3. อินเทอร์เน็ตไม่จำกัดรูปแบบของข้อมูล
ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
1. ความสำคัญของอินเทอร์เน็ตกับงานด้านต่าง ๆ
1.1 ด้านการศึกษา
1) สามารถใช้แหล่งค้นคว้าหาข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
2) ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
3) ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับแหล่งเรียนรู้อื่นๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นต้น
1.2 ด้านธุรกิจและการพาณิชย์
1) ในการดำเนินงานธุรกิจ สามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2) สามารถซื้อขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3) บริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าแจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น
1.3 ด้านการบันเทิง
1) การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์ และข่าวสารอื่น ๆ โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทั่ว ๆ ไป
2) สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3) สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่าง ทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า
2. ความสำคัญของการเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต
2.1 การจัดเก็บข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้ง่าย และสื่อสารได้รวดเร็ว
2.2 ความครบถ้วนของข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
2.3 ความรวดเร็วของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3. การเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีต้นทุนประหยัด
การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
ในการสืบค้นหาข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีเครื่องมือที่ช่วยในการสืบค้นที่สะดวก เรียกว่า โปรแกรมค้นหา (Search Engine) ซึ่งโปรแกรมค้นหานี้สามารถใช้ได้หลายภาษา เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน โปรแกรมค้นหาที่เป็นที่นิยมที่สามารถใช้ภาษาไทย คือ เว็บไซต์กูเกิล (Google)
ขั้นตอนในการใช้โปรแกรมค้นหา
1. เปิดโปรแกรมอินเทอร์เน็ต (Internet Explorer)
2. พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ www.google.com ลงในช่องแอ็ดเดรส (Address) แล้วกดปุ่ม Go
หรือกดเอ็นเทอร์ (Enter) รอจนหน้าต่างของเว็บไซต์กูเกิล Google ขึ้น
3. หน้าต่างของเว็บไซต์กูเกิล google มีส่วนประกอบดังภาพด้านล่าง
4. มีบริการที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกในการค้นหา 6 รายการ คือ รูปภาพ กลุ่มข่าว บล็อกสารบัญ เว็บ Gmail และเพิ่มเติม
5. พิมพ์คำสำคัญ หรือสิ่งที่ต้องการค้นหาในช่องค้นหา แล้วกดปุ่มค้นหา โดย google
6. เมื่อกดปุ่มค้นหาโดย Google ก็จะขึ้นรายละเอียดของเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับคำสำคัญหรือสิ่งที่ต้องการค้นหา
7. คลิกข้อความที่ขีดเส้นใต้เพื่อศึกษารายละเอียด จะมีการเชื่อมโยง (Link) ไปเว็บไซต์ที่ต้องกา