สถานการณ์ปัญหาหมอกควันในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของ ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหมอกควันมักเกิดในช่วงฤดูแล้ง (มกราคม-เมษายน) ของทุกปี โดยเฉพาะใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย พะเยา ล าปาง แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ล าพูน น่านและแพร่ เนื่องจากในพื้นที่ทางภาคเหนือจะประสบปัญหาไฟป่า และการลักลอบเผาในที่โล่ง เช่น การเผาเศษวัชพืชและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร การเผาขยะ มูลฝอยและเศษใบไม้ กิ่งไม้ในพื้นที่ชุมชน ประกอบกับภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะและมี ภูเขาล้อมรอบ รวมทั้งผลกระทบจากการเผาในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มภูมิภาคลุ่มน้ าโขง จึงท าให้เพิ่มความรุนแรงของปัญหายิ่งขึ้น และยังพบว่าในบางพื้นที่ของประเทศ เช่น ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สงขลา ฯลฯ ประสบปัญหาหมอกควันเช่นเดียวกัน โดยเกิดจากปัญหา หมอกควันข้ามแดน จากไฟป่าในเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อ ประชาชนในประเทศอินโดนีเชียแล้ว ปัญหาหมอกควันข้ามแดนยังส่งผลกระทบต่อประเทศ เพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน ฯลฯ
จากข้อมูลการเฝ้าระวังค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) ของกรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (http://aqnis.pcd.go.th) ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2559 ข้อมูลจากแยกตามจุดตรวจวัด 17 แห่ง พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐาน (ค่ามาตรฐาน เท่ากับ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) อยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2559 จังหวัดที่มีจ านวนวันของค่า ฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด เรียงตามล าดับ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย มีค่าฝุ่นละออง เกินค่ามาตรฐานสูงสุดเท่ากับ 319 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 รองลงมาได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานสูงสุดเท่ากับ 264 ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559 และจังหวัดน่าน มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานสูงสุด เท่ากับ 238 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559
จุดตรวจวัดที่มีจ านวนวันที่มีค่าฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด ในช่วง วันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2559 มากที่สุด คือ ที่จุดตรวจวัดที่ ต าบลเวียงพางค า อ าเภอ แม่สาย จังหวัดเชียงราย มีจ านวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 38 วัน รองลงมาคือ จุดตรวจวัดที่ ต าบลจองค า อ าเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจ านวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่า มาตรฐาน 25 วัน และจุดตรวจวัดที่ ต าบลศรีภูมิ อ าเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มีจ านวน วันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 23 วัน
สาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันภาคใต้ ได้แก่ มลพิษหมอกควันข้ามแดน และ หมอกควันจากการเผาพื้นที่พรุในภาคใต้ของไทย เช่น ในเดือนมิถุนายน 2556 จังหวัดในภาคใต้ ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย ได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนอันมีสาเหตุจากการเผาป่าและพื้นที่ เกษตรบริเวณตอนกลางของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ท าให้เกิดหมอกควันปกคลุม หนาแน่น ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดควันที่เกิดขึ้นไปยังช่องแคบมะละกา ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ทะเลจีนใต้ และภาคใต้ของประเทศไทย โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมาก คือ จังหวัด สงขลา และนราธิวาส ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในจังหวัดนราธิวาส สูงสุด 129 ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ซึ่งสูงเกินมาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบ ต่อสุขภาพ หลังจากวันที่ 26 มิถุนายน 2556 มีฝนตกทั้งในพื้นที่ไฟไหม้บริเวณตอนกลางของเกาะ สุมาตรา และหลายจังหวัดในภาคใต้ตอนล่าง รวมทั้งจังหวัดนราธิวาส ท าให้ปริมาณหมอกควันเริ่ม ลดลงตามล าดับ จนคุณภาพอากาศในทุกสถานีตรวจวัดของภาคใต้กลับเข้าสู่ระดับปกติ
สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ของประเทศไทย ในปี 2558 เกิดจากการเผาพื้นที่ พรุในเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย อีกเช่นกัน ควันที่เกิดขึ้นถูกพัดพาโดยลมส่งผลกระทบต่อ สิงคโปร์ มาเลเซีย และภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย จากข้อมูลคุณภาพอากาศจากสถานี ตรวจวัดคุณภาพอากาศในภาคใต้ของกรมควบคุมมลพิษ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2558 ต่อเนื่องถึงต้นเดือนกันยายน 2558 พบค่าฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐาน สูงสุด 136 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในวันที่ 3 กันยายน 2558 ที่อ าเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สูงเกิน เกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ หลังจากนั้นปริมาณฝุ่นละอองในภาคใต้ ตอนล่างของประเทศไทยได้ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ แม้ว่าจะยังพบการเผาและการปกคุลมของหมอกควันเหนือเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2558 ปริมาณน้ าฝนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ของประเทศไทยเริ่มลดลง ส่งผลให้หมอกควันจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียที่ถูกพัดมายังประเทศ มาเลเซีย ลอยขึ้นมาส่งผลกระทบกับภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยอีกครั้ง หลายจังหวัดใน ภาคใต้เกิดสภาพฟ้าหลัว มีหมอกควันปกคลุมที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประชาชนได้กลิ่น ควันไฟ และเกิดอาการแสบตาแสบจมูก พบการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างชัดเจนทุกจังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสตูล โดยในวันที่ 5-8 ตุลาคม 2558 พบปริมาณฝุ่นสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพในหลาย จังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดสตูลที่พบปริมาณฝุ่นละอองสูงสุดถึง 210 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
ปัญหาหมอกควันข้ามแดนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของไทยอาจได้รับผลกระทบ จากหมอกควันข้ามแดนในลักษณะเป็นครั้งคราว จากปรากฏการณ์เอลนิญโญระดับปานกลาง ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ ในปี พ.ศ. 2558 ท าให้หน้าแล้งของอินโดนีเซียซึ่งปกติอยู่ในช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม อาจจะยาวนานไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม หากภาวะแห้งแล้งเกิดติดต่อกัน หลายวันโดยไม่มีฝนตกจะเป็นปัจจัยให้เกิดการเผาป่าและพื้นที่เกษตรเพิ่มขึ้น เมื่อประกอบกับ อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะพัดพาหมอกควันเข้าสู่ประเทศที่อยู่ทางตอนบนของ เกาะสุมาตรา ซึ่งภาคใต้ของประเทศไทย ก็จะได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนด้วยเช่นกัน
ประเทศในแถบทวีปเอเชียหลายประเทศประสบภาวะหมอกควันที่สร้างความร าคาญ และเป็นอันตรายต่อผู้คนจ านวนไม่น้อย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน อินเดีย เป็นต้น
จากการเกิดไฟป่าครั้งใหญ่บนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ในเดือนมิถุนายน 2558 หมอกควันจากไฟป่าลอยปกคลุมท้องฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านคือ มาเลเซียและสิงคโปร์ ก่อให้เกิดมลพิษในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ปัญหาไฟป่าในอินโดนีเซียครั้งนี้ ต้องใช้เวลานานในการแก้ไข เนื่องจากอินโดนีเซียมีพื้นที่ป่าขนาดกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งมาเลเซียและ สิงคโปร์พยายามกดดันให้อินโดนีเซียลงโทษผู้ที่เป็นต้นตอของไฟป่าครั้งล่าสุดนี้ แต่ทางอินโดนีเซีย โต้กลับว่าไฟป่าดังกล่าวเกิดขึ้นจากโรงงานเกษตรที่มีเจ้าของเป็นชาวมาเลเซียและชาวสิงคโปร์เอง โดยเฉพาะโรงงานผลิตน้ ามันปาล์มของมาเลเซียบนเกาะสุมาตราที่ยังใช้วิธีเผาตอของต้นปาล์ม ที่ตัดแล้ว การประชุมหารือของผู้แทนจากประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียน 5 ประเทศ คือ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย เกี่ยวกับปัญหาไฟป่านั้น เดิมทีใช้ชื่อว่าการประชุมระดับ รัฐมนตรีว่าด้วยปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามพรมแดน มีการประชุมต่อเนื่องมา 14 ครั้ง ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2549 โดยการประชุมนี้มักไม่มีความคืบหน้ามากนัก เนื่องจากปัญหามลพิษจากหมอกควัน ข้ามแดน ส่วนใหญ่เกิดจากไฟป่าที่เกิดขึ้นที่เกาะสุมาตราและกาลิมันตันในประเทศอินโดนีเซีย และ กลายเป็นปัญหาหมอกควันที่สร้างมลพิษในประเทศเพื่อนบ้านและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นทุก ๆ ปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมคณะท างานอาเซียนเพื่อยกร่าง โรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควันขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อก าหนดเป้าหมายตัวชี้วัด มาตรการ แนวทางการด าเนินงาน และยกร่างเป็นโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควัน เพื่อเปลี่ยนให้ภูมิภาค อาเซียนเป็นภูมิภาคปลอดหมอกควันภายในปี พ.ศ. 2563
ประเทศมาเลเซีย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจาก ปัญหาหมอกควันเช่นกัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เผชิญปัญหาหมอกควันจากไฟป่าเมื่อย่างเข้าฤดูร้อน ส่งผลให้มลพิษในอากาศเพิ่มสูงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดัชนีมลพิษทางอากาศในมาเลเซีย บางปีพุ่งสูงถึง 150 ใน 7 พื้นที่ โดยเฉพาะกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐสลังงอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลาง เศรษฐกิจของประเทศ ค่ามลพิษในอากาศระหว่าง 100 - 200 ซึ่งถือว่าอยู่ในขั้น “ไม่ดีต่อสุขภาพ” บางวันสถานการณ์หมอกควันหนาทึบ ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์มีทัศนวิสัยลดลงเหลือไม่ถึง 1 กิโลเมตร ขณะที่ตึกแฝดปิโตรนาสซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองก็ถูกหมอกควันบดบังจนเห็น ไม่ชัดเจน
กระทรวงสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย ระบุว่าปัญหาหมอกควันพิษมักเกิดจากประเทศ เพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์เผชิญวิกฤตหมอกควันครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ สิบปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแผ้วถางและเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกปาล์มน้ ามันบนเกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย
บรรดาประเทศเพื่อนบ้านต่างพยายามกระตุ้นให้รัฐบาลอินโดนีเซียรับรองและลง นามในข้อตกลงของอาเซียนว่าด้วยปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามพรมแดนหรือ AATHP ส าหรับ ข้อตกลง AATHP นี้ คือ การก าหนดให้ทุกประเทศในอาเซียนยอมรับว่าหมอกควันจากไฟป่านั้น เป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของประเทศต่าง ๆ ในการจัดการร่วมกัน และประเทศที่ร่วมลงนามต้องน ามาตรการป้องกัน ตรวจสอบและเตือนภัยไฟป่าที่เป็นมาตรฐาน เดียวกันมาปรับใช้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศด้วย ถือเป็นข้อตกลง ระหว่างประเทศฉบับแรกในโลกที่ผูกมัดประเทศสมาชิกให้ช่วยกันแก้ไขและจัดการปัญหาหมอก ควันที่เกิดจากไฟป่าในประเทศใดประเทศหนึ่งร่วมกัน
จีนเป็นประเทศที่ประสบกับปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยจีน มีระบบการจัดระดับมลพิษทางอากาศอยู่ 4 ระดับ โดยระดับที่ร้ายแรงที่สุดคือสีแดง รองลงมาเป็น สีส้ม ตามมาด้วย สีเหลือง และสีฟ้าตามล าดับ เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม กรุงปักกิ่งของจีนมักจะ ประสบกับปัญหาหมอกควันพิษ เช่นในเดือนตุลาคม 2557 รัฐบาลจีนต้องประกาศยกระดับเตือน ภัยมลพิษทางอากาศเป็นระดับสีส้มซึ่งหมายถึง “มีอันตรายต่อสุขภาพ” ทั้งนี้ดัชนีคุณภาพอากาศ อย่างเป็นทางการของปักกิ่งในช่วงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 และปรากฏว่าผลการวัดระดับฝุ่นละออง ขนาด 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งเป็นฝุ่นละอองขนาดละเอียด ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อปอดนั้น สูงถึง 455 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือสูงกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้ถึง 18 เท่า
ปลายปี 2558 จีนมีการประกาศยกระดับภัยมลพิษทางอากาศเป็นระดับสีแดง (สูงสุด) ถึงสองครั้ง เนื่องจากมีค่าฝุ่นละอองพิษขนาดเล็กจิ๋ว 2.5 ไมโครเมตร สูงเกิน 400 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มากกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกถึง 16 เท่า (ค่าสูงสุดที่วัด ได้ 1400 ไมโครกรัมหรือเกินมาตรฐาน 56 เท่าในเดือนพฤษภาคม 2558) ฝุ่นละอองขนาดละเอียด นี้สามารถลอดผ่านระบบกรองอากาศของร่างกายมนุษย์เข้าไปสะสมอยู่ในถุงลมปอดได้ เมื่อสะสม มากก็มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากขึ้น
หมอกควันพิษยังทำให้ทัศนวิสัยเลวลง สามารถมองเห็นได้แค่ในระยะ 500 เมตร นานนับเดือน บางวันมองเห็นได้เพียงระยะ 100 เมตรเท่านั้น ทางการจึงต้องสั่งปิดการจราจรใน ถนนสายหลักหลายสาย และเตือนให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากกันมลพิษก่อนออกจากบ้าน
กรมควบคุมมลภาวะและสิ่งแวดล้อมของปักกิ่งชี้แจงว่าสาเหตุหนึ่งที่ท าให้ปัญหา ของหมอกควันพิษเลวร้ายลง เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้อากาศเสียไม่สามารถ ระบายออกไปได้ จึงลอยไปปกคลุมมณฑลและหัวเมืองรอบ ๆ กรุงปักกิ่ง ประกอบกับการเผาฟาง ข้าวตามชนบทในมณฑลเหอเป่ย เหอหนาน และซานตง ว่ามีส่วนท าให้สถานการณ์หมอกควัน เลวร้ายลง หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนพยายามแก้ไขปัญหานี้ในปักกิ่งและเมืองข้างเคียง โดยการ ออกมาตรฐานต่าง ๆ อย่างจริงจังเเละเข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปัญหาก็ยังมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกปี
อินเดียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหา คุณภาพอากาศในกรุงนิวเดลีเลวร้าย ลงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมือง พร้อมกับการขยายตัวของ ยวดยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซล มลภาวะจากโรงไฟฟ้าถ่านหินและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ในช่วง หลังเทศกาลดิวาลี หรือดิปาวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงไฟ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวฮินดู จึงมี การเฉลิมฉลองทั่วประเทศนานติดต่อกันถึง 5 วัน ด้วยแสงไฟจากตะเกียงดินเผา เทียน ดอกไม้ไฟ พลุ และประทัด ปรากฏว่าหลังผ่านพ้นเทศกาลนี้เพียงแค่วันเดียว ค่ามลพิษทางอากาศ ในกรุงนิวเดลีพุ่งขึ้นจนอยู่ในระดับ “ร้ายแรง” โดยมีค่าพีเอ็ม 2.5 หรือความหนาแน่นของอนุภาค ในอากาศ สูงกว่า 250 เกินเกณฑ์ปลอดภัยที่องค์การอนามัยโลกแนะน า 10 เท่า
รายงานของธนาคารโลกระบุว่าชาวอินเดียในเมืองใหญ่มีอายุขัยสั้นลง เนื่องจาก มลพิษทางอากาศ ซึ่งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้แก่อินเดียราว 18,000 ล้านดอลล่าร์ต่อปี ขณะที่เด็กอินเดียในกรุงนิวเดลีราว 1 ใน 3 มีปัญหาเกี่ยวกับปอด ส่วนอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอัน ควรของเด็กทารกก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ คือประมาณ 1 คนต่อ 1 ชั่วโมง อันเป็นผลมาจากโรคที่ เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ