อนุสาวรีย์ครูบาสรีวิไชยยาชนะ

พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ (ครูบาวงษ์)พร้อมด้วยคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนอำเภอลี้ได้จารึกที่ตระกูลของพระครูบาเจ้าศรีวิไชย (ครูบาเจ้าศิลธรรม)นักบุญแห่งล้านนาไทย ซึ่งได้กำเนิด ณ บ้านปาง ตำบลสรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เมื่อวันอังคาร ที่ 11 เดือนมิถุนายน 24 ฉลองสิริอายุ 60 ปี พระครูบาเจ้าได้ก่อสร้างวัดในจังหวัดลำพุน เชียงใหม่  ลำปาง เชียงราย แพร่ พะเยา น่าน สุโขทัย ตาก และแม่ฮ่องสอน รวม 107 วัด และได้สร้างถนนสะพานอีกหลายแห่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพจังหวัดเชียงใหม่และครูบาเจ้ามรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2481 แต่ความดี และบารมีพระครูบาเจ้า ก็มิได้เสี่ยมคลายจากชาวล้านนาแม้แต่น้อยด้วยเหตุดังกล่าวครูบาวงษ์จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิไชยขึ้นดังนี้

1.องค์อนุสาวรีย์ สูง 21 เมตร 9 นิ้ว ครูบาวงษ์ ปั้นและควบคุมด้วยตนเอง

2.เททองอนุสาวรีย์ วันที่ 28 เมษายน 2539 สถานที่เกิดบ้านปาง ณ หลักศิลาจารึก ขณะที่เททองมีฝนตกหนักรอบๆบริเวณแต่ในบริเวณพิธีไม่มีฝนตก

3.วางศิลาฤกษ์มณฑป วันที่ 1 มิถุนายน 2539 มีเมฆบังแสงอาทิตย์ตะวันคล้ายเกิดสุริยุปราคาและอาทิตย์ทรงกต

4.พิธีพุทธาภเสกอนุสาวรีย์ ณ วัดบ้านปาง วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2539 พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ 60 รูป (เท่าอายุ) พระเถระศิษย์ของครูบาศรีวิไชยและเกจิอาจารย์ทั่วประเทศอธิฐานจิตปลุกเสก 34 รูป(พ.ศ.39)มีเสียงฟ้าร้องและฝนโปรยลงมาซึ่งไม่มีเมฆตั้งเค้า

5.นิมนต์อนุสาวรีย์จากวัดพระพุทธบาทห้วยต้มมาประดิษฐานในมณฑปวันที่ 10 มิถุนายน 2541 อากาศร่มเย็นตลอดและในขณะที่นิมนต์เข้าสุ่มณฑปมีฝนโปรยลงมาประดุจน้ำทิพย์กลางคืนมีเทศน์พุทธาภิเสกสวดมนต์สวดเบิกและครูบาวงษ์จำวัด ณ บริเวณอนุสาวรีย์

6.สมโภชอนุสาวรีย์ วันที่ 11 มิถุนายน 2541 มีพิธีเบิกเนตร โดยครุบาวงษ์ เป็นประธาน ทำบุญตักบาตรพิธีเจริญพุทธมนต์ มีเจ้าคณะจังหวัดลำปางเป็นประธานสงฆ์ เจ้าคณะจังหวัดลำพูน รองประธานสงฆ์ เจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอใมจังหวัดลำพูน ประกอบพิธี ภาคบ่ายมีพิธีสรงน้ำอนุสาวรีย์ และจุะบอกไฟขึันสักการะ

7.ศาสนสถานและสิ่งก่อสร้างต่างๆครูบาวงษ์ไดเป็นประธานก่อสร้างทั้งสิ้น ในเบื้องต้นเป็นเงินประมาณ 3.5 ล้านบาท

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า ในโลกนี้บุคคลที่หาได้ยากยิ่งมี 2 ประเภท ได้แก่ บุพพการี หรือ กตญญู กตเวทิตา หนึ่ง ณ สถานที่แห่งนี้ หาได้ครบแล้วทั้ง 2 ประเภท คือ ครูบาเจ้าศิลธรรม และครูบาวงษาพัฒนา ดังนั้น พุทธศาสนิกชนควรกราบไหว้บูชาและน้อมนำเป็นปฎิปทาแห่งตน เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิตตลอดกาล