หลักการสร้างสรรค์การแสดงนาฏศิลป์
1. การตีบทรำตามความหมายของบทร้องต้องสร้างสรรค์ท่ารำให้เหมาะสมกับบทร้อง
2. การอ่านบทละคร ผู้ประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำที่ดี ต้องอ่านบทละครเพื่อพิจารณาเรื่องราวบทละครของตัวละครว่าแต่ละตัวมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร จึงนำมาประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำให้สอดคล้องกับตัวละคร
3. การสร้างสรรค์ท่ารำในแม่บท คือการนำท่ารำในแม่บทมาประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำ เพื่อสื่อความหมายตาม บทร้อง ยึดให้เป็นแบบแผนมาตรฐานทางนาฏศิลป์
4. การจัดรูปแบบของการแสดง การแสดงนาฏศิลป์ ได้แก่ ระบำ รำ ฟ้อน ละคร โขน มีรูปแบบของการจัดการแสดงเป็นเอกลักษณ์และท่าทาง ตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประดิษฐ์ท่ารำ
หลักการจัดแถวในการจัดการแสดง
1. คำนึงถึงรูปร่างลักษณะของผู้แสดง
2. ระยะห่างของผู้แสดงต้องเท่ากัน
3. ระยะการเคลื่อนแถวต้องสัมพันธ์กับบทเพลง
4. การเคลื่อนแถวต้องสัมพันธ์กับบทเพลง
5. ไม่แปรแถวแบบเดียวซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
6. การแปรแถวควรมีความกลมกลืนของการเคลื่อนตัวไป
7. คำนึงถึงสีของเครื่องแต่งกายของผู้แสดง
8. คำนึงถึงสัดส่วนของพื้นที่เวที โดยไม่เอียงหรือเบี้ยว ไป ทางใดทางหนึ่ง
รูปแบบการจัดแถว
1. แถวตอนลึก
2. แถวหน้ากระดาน
2.1 แถวเดี่ยว
2.2 แถวคู่ตรงกัน
2.3 แถวคู่สับหว่าง
3. รูปวงกลม
3.1วงกลมเดี่ยว
3.2 วงกลมซ้อน
3.3 วงกลมที่มีตัวกลาง
3.4 ครึ่งวงกลม
4. แถวรูปสามเหลี่ยม
5. การจับคู่
6. รูปทแยงมุม
7. การเข้าพูต่างๆ
7.1 พู 7.2 พู 4 7.3 พูละเอียด
องค์ประกอบในการแสดง
ในการคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำชุดนาฏศิลป์ องค์ประกอบของนาฏศิลป์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำต้องนำมาพิจารณา องค์ประกอบของนาฏศิลป์ประกอบด้วย
1. จังหวะและทำนอง จังหวะเป็นส่วนหนึ่งของดนตรีซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงนาฏศิลป์ เช่นเดียวกับทำนองที่จะช่วยให้ผู้แสดงใช้ลีลาท่ารำให้เข้ากับท่วงทำนองของดนตรี จังหวะเป็นเครื่องกำกับทำให้การร่ายรำเป็นมีความพร้อมเพรียงกัน ทำให้เกิดอรรถรสของการแสดง จังหวะและทำนองทำให้ผู้แสดงเข้าใจใน การแปรแถว การก้าวเท้า
2. ลักษณะการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวในการแสดงนาฏศิลป์ เป็นการเคลื่อนไหวแบบมีแบบแผนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เกิดจากการประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำของมนุษย์ที่ใช้ในการสื่อสาร ถ่ายทอดสื่อความหมายถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิตของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น
3. อารมณ์และความรู้สึก ผู้ชมจะรู้สึกได้ถึงอรรถรสในการชมการ แสดงจากการที่ผู้แสดงสามารถสื่ออารมณ์ของการแสดงได้ เช่น ผู้แสดงมีอารมณ์สดชื่นร่าเริง สนุกสนาน ในการรำเถิดเทิงกลองยาว , ผู้แสดงเป็นหนุมานแสดงกิริยาลนลานด้วยความกลัว เมื่อพระรามกริ้วโกรธโทษว่าไปเผากรุงลงกาของทศกัณฐ์จับนางสีดา เป็นต้น
4. ภาษาท่าและนาฏยศัพท์ เป็นสิ่งสำคัญมาก การแสดงนาฏศิลป์ไทยจะต้องประกอบด้วยภาษาท่าและนาฏยศัพท์ที่ถูกต้อง เพราะเป็นการสื่อสารเฉพาะที่รับรู้เป็นที่เข้าใจในการสร้างสรรค์การแสดงนาฏศิลป์ประเภทต่าง ๆ และยังเป็นสิ่งที่ครูอาจารย์ทางนาฏศิลป์ได้สร้างสรรค์ไว้ เป็นแนวปฏิบัติของลูกศิษย์ที่มีการสืบทอดกันมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะนาฏศิลป์ไทย
5. รูปแบบของการแสดง รูปแบบของการแสดงในทางนาฏศิลป์ไทยมีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเภทการแสดง ได้แก่ โขน ละคร ระบำ รำ ฟ้อน ที่มีรูปแบบและลักษณะเฉพาะ
6. การแต่งกาย ในการแสดงนาฏศิลป์ไทย องค์ประกอบเรื่องเครื่องแต่งกายเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การแต่งกายของ โขน ละคร แต่งกายยืนเครื่องมีลักษณะสีสันของเครื่องแต่งกายแตกต่างกันไป เช่น หนุมานใช้สีขาว พระรามใช้สีเขียว พระลักษณ์ใช้สีเหลือง พาลีใช้สีแดง เป็นต้น การประดิษฐ์เครื่องประดับตกแต่งและการแต่งกายจะบ่งบอกลักษณะของการแสดง เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคกลาง การแสดงพื้นเมืองจะแต่งกายแตกต่างกัน
ที่มา 119.46.166.126/self_all/selfaccess9/m3/716/lesson2/page2_1.php
ตัวอย่างการจัดการแสดงนาฏศิลป์ในโอกาสต่างๆ ที่สถาบันการศึกษา และ หน่วยงานทางวัฒนธรรมได้สร้างสรรค์ขึ้น