ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยอันทรงคุณค่า
“โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จากยูเนสโก นับเป็นมรดกทางภูมิปัญญาลำดับที่ 3 ต่อจากโขน และ นวดไทย ที่ได้ขึ้นทะเบียนดังกล่าว
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ประกาศรับรองขึ้นทะเบียน “โนรา” (Nora) เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
ทั้งนี้โนรานับเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของไทยลำดับที่ 3 ต่อจากโขน (พ.ศ.2561) และ นวดไทย (พ.ศ.2562) ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากยูเนสโก
“โนรา”(หรือ มโนรา มโนห์รา มโนราห์ - มีการเขียนกันหลายแบบ) เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน
โนราเป็นการแสดงที่มีแบบแผนในการร่ายรำและขับร้องที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ฉพาะถิ่น มีดนตรีเป็นลูกคู่ เล่นรับ-ส่งตลอดการแสดง
โนรามีองค์ประกอบสำคัญคือเครื่องแต่งกาย (อันสวยงาม) และเครื่องดนตรี โดยผู้รำโนราจะสวมเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยลูกปัดหลากสี สวมปีกหางคล้ายนก เทริดทรงสูง ต่อเล็บยาวที่ทำด้วยโลหะ
ขณะที่ผู้เล่นโนรานั้นจะต้องมีความสามารถในศาสตร์และศิลป์แห่งโนรา ทั้ง การร่ายรำ ร้อง เล่น การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง แววตา และมีปฏิภาณไหวพริบในการแสดงการด้นสดที่ส่วนใหญ่จะเป็นมุขตลกเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม ซึ่งจำเป็นต้องฝึกฝนกันตั้งแต่ยังเล็ก ๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีท่ารำตัวอ่อน หรือโนราตัวอ่อน ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์อันน่าทึ่งของโนรา ซึ่งผู้รำที่ยังอยู่ในวัยเด็กสามารถรำตัวอ่อน ดัดตัว โค้งตัว เป็นท่าทางต่างๆได้อย่างสวยงาม บางคนสามารถดัดร่างกายให้เท้าไปเกี่ยวกับคอ สามารถดัดตัวโค้งอ่อนไปด้านหลังเป็นวงกลมให้ศีรษะโผล่ออกมาแนบอยู่ระหว่าง 2 ขา หรือบางคนก็สามารถขดตัวเป็นก้อนกลมให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในถาดหรือในกระด้งได้อย่างน่าทึ่ง เรียกเสียงปรบมือให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี
โนรานอกจากจะมีในภาคของศิลปะการแสดงเพื่อความบันเทิงรื่นเริงใจแล้ว ก็ยังมีในภาคของพิธีกรรมคือ“โนราโรงครู”(หรือโนราลงครู) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวงการโนรา อีกทั้งยังมีมิติทับซ้อนทางด้านวิถีวัฒนธรรม ความเชื่อ และความศรัทธา ของชาวใต้ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีที่ผูกพันกับโนราอย่างแนบแน่น
โนราโรงครู เป็นพิธีอัญเชิญครูหรือบรรพบุรุษโนรามายังโรงพิธี เพื่อรับการเซ่นสังเวยทำพิธีไหว้ครู อันเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อครูโนราและบรรพบุรุษ เมื่อเชื้อเชิญวิญญาณครูมาเข้าทรงหรือ“ลง”มายังโรงพิธี จึงเรียกพิธีนี้ว่า“โนราลงครู” หรือ“โนราโรงครู”
นอกจากนี้โนราโรงครูยังจัดขึ้นเพื่อ ทำพิธี“ครอบเทริด”หรือ“ผูกผ้าใหญ่”แก่โนรารุ่นใหม่ รวมถึงทำพิธีแก้บน หรือ “แก้เหมฺรฺย” สำหรับคนทั่วไปที่ได้บนบานศาลกล่าวไว้กับครูโนรา และทำพิธีอื่นๆ เช่น เหยียบเสน ตัดจุก สะเดาะเคราะห์ เป็นต้น
โนราโรงครูมี 2 ชนิด คือ “โนราโรงครูใหญ่” และ “โนราโรงครูเล็ก”
โนราโรงครูใหญ่ เป็นพิธีโรงครูที่จัดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบเป็นเวลา 3 วัน ในวันพุธ-ศุกร์ เริ่มตั้งแต่โนราเข้าโรงในวันพุธไปสิ้นสุดด้วยพิธีส่งครูหรือ“ตัดเหมฺรฺย”ในวันศุกร์ แต่ถ้าปีไหนวันพิธีส่งครูตรงกับวันพระ จะต้องเลื่อนพิธีส่งครูไปอีกหนึ่งวัน เพราะเชื่อว่าตายายจะต้องไปวัด มาร่วมพิธีส่งครูไม่ได้(อ้างอิงจากบทความ “โนราโรงครู พิธีกรรมผูกสายสัมพันธ์คนใต้” (น.91) นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 191) นอกจากนี้พิธีโนราโรงครูใหญ่ยังต้องจัดเป็นวาระประจำ เช่น ทุก ๆ ปี ทุก 3 ปี หรือ ทุก 5 ปี
ส่วนโนราโรงครูเล็ก เป็นพิธีโรงครูที่จัดในแบบฉบับย่อ เนื่องจากพิธีโนราโรงครูใหญ่มีค่าใช้จ่ายสูง และใช้เวลาเตรียมการนาน จึงย่อมาทำพิธีโนราโรงครูเล็กแทน ใช้เวลา 1 วัน 1 คืน ตั้งแต่ตอนเย็นวันพุธไปสิ้นสุดในวันพฤหัสบดี
อย่างไรก็ดีโนราโรงครูเล็กนั้นมีจุดมุ่งหมายและสาระสำคัญเช่นเดียวกับโนราโรงครูใหญ่ แต่ด้วยความที่เจ้าภาพไม่สามารถจัดพิธีโนราโรงครูใหญ่ได้ เนื่องจากติดปัญหาในบางประการจึงหันมาทำพิธีโนราโรงครูเล็กแทน