"บัวผัน" ไม่ใช่ชื่อของบัวสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็น ชื่อสามัญ (Vernacular Name) ที่คนไทยใช้เรียกกลุ่มบัวประเภทอุบลชาติ (Waterlily) ที่มีลักษณะเด่นคือ บานในเวลากลางวันและมีกลิ่นหอม ซึ่งส่วนใหญ่มีดอกสีฟ้า ม่วง ชมพู และขาว
1. ที่มาของชื่อและรากฐานสายพันธุ์
ชื่อ "ผัน" สันนิษฐานว่ามาจากการที่ดอกบัวกลุ่มนี้มีปฏิกิริยาต่อแสงอาทิตย์อย่างชัดเจน คือจะค่อยๆ บานเมื่อได้รับแสงในตอนเช้า และหุบดอกในตอนเย็น คล้ายกับการ "ผัน" หรือ "หมุนเวียน" ไปตามช่วงเวลาของวัน
สายพันธุ์ที่เป็นรากฐานของชื่อ "บัวผัน" ในประเทศไทยคือ:
บัวเผื่อน หรือ บัวผันไทย (Nymphaea nouchali Burm.f.): นี่คือสายพันธุ์บัวดั้งเดิมที่พบได้ในแหล่งน้ำธรรมชาติของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียใต้ไปจนถึงออสเตรเลีย มีลักษณะเด่นคือดอกสีฟ้าอ่อน ขาวอมชมพู หรือขาวนวล ขนาดดอกไม่ใหญ่มาก ขอบใบเรียบหรือหยักมน เป็นสายพันธุ์ที่มีความทนทานสูง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ในทางพฤกษศาสตร์สากล บัวเผื่อนถือเป็นต้นแบบของบัวผันในบ้านเรา
2. จุดเปลี่ยนสำคัญ: การเข้ามาของ "บัวผันฝรั่ง"
ประวัติศาสตร์ของบัวผันในไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อมีการนำเข้า "บัวผันฝรั่ง" หรือ Cape Blue Water-lily เข้ามา
ชื่อวิทยาศาสตร์: Nymphaea capensis Thunb.
ถิ่นกำเนิด: ทวีปแอฟริกา (โดยเฉพาะแอฟริกาใต้)
ลักษณะเด่น: มีดอกขนาดใหญ่กว่าบัวผันไทยอย่างเห็นได้ชัด กลีบดอกแหลม สีม่วงอมฟ้าสดใส ขอบใบหยักแหลมเป็นฟันเลื่อยชัดเจน และมีกลิ่นหอมแรง
ประวัติการเข้ามา: ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยในฐานะไม้ประดับในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนกลางถึงตอนปลาย ด้วยความงามที่โดดเด่นและเลี้ยงง่าย ทำให้มันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย จนคนไทยเรียกติดปากว่า "บัวผัน" เช่นกัน และเนื่องจากมันแข็งแรงทนทานมาก จึงมีการแพร่กระจายและกลายเป็นพืชประจำถิ่นในแหล่งน้ำบางแห่ง (Naturalized Species)
3. บทบาทในฐานะ "พ่อแม่พันธุ์" สำหรับนักขยายพันธุ์บัว
สำหรับนักขยายพันธุ์บัว "บัวผัน" (ทั้ง N. nouchali และ N. capensis) มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์การปรับปรุงพันธุ์อย่างยิ่งยวด ด้วยเหตุผลดังนี้:
ยีนเด่นด้านความทนทาน: ทั้งสองสายพันธุ์มีความทนทานต่อโรคและแมลงสูง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนของไทย ทำให้ลูกผสมที่ได้มักจะได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัตินี้ไปด้วย
ลักษณะการบานกลางวัน: ยีนที่ควบคุมการบานกลางวันเป็นลักษณะเด่นที่สำคัญของบัวกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดไม้ประดับ
กลิ่นหอม: บัวผันมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำไปผสมกับบัวสายพันธุ์อื่นที่อาจมีสีสวยแต่ไม่มีกลิ่น ก็สามารถสร้างลูกผสมที่มีทั้งสีสันที่งดงามและมีกลิ่นหอมได้
โครงสร้างดอก: รูปทรงดอกที่เป็นดาว (Stellate) และก้านดอกที่แข็งแรง ชูเหนือน้ำสง่างาม เป็นลักษณะที่นักขยายพันธุ์ต้องการรักษาไว้และพัฒนาต่อยอด
บัวลูกผสมที่สวยงามและได้รับความนิยมในตลาดปัจจุบันจำนวนมาก ล้วนมีสายเลือดของบัวผันดั้งเดิมเหล่านี้เป็นรากฐาน เช่น บัวสีม่วงเข้ม สีฟ้าสด หรือแม้แต่สีใหม่ๆ ก็มักจะเริ่มต้นจากการนำบัวผันไปผสมข้ามกับสายพันธุ์อื่นจากต่างประเทศ
สรุปประวัติโดยย่อสำหรับนักขยายพันธุ์
ยุคดั้งเดิม: ประเทศไทยมี Nymphaea nouchali (บัวเผื่อน) เป็นบัวผันพื้นเมือง ซึ่งเป็นรากฐานของความทนทาน
ยุคปฏิวัติ: การนำเข้า Nymphaea capensis (บัวผันฝรั่ง) ทำให้วงการบัวไทยได้รู้จักกับบัวที่มีสีสด ดอกใหญ่ และรูปทรงสวยงามมากขึ้น
ยุคพัฒนา: นักขยายพันธุ์บัวไทยใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเด่นของบัวผันทั้งสองชนิดนี้เป็น "พ่อแม่พันธุ์หลัก" ในการสร้างสรรค์บัวลูกผสมใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพสูงออกสู่ตลาดโลก จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการขยายพันธุ์บัวในปัจจุบัน