ประวัติ "บัว" ในฐานะพืช (ราชินีแห่งไม้น้ำ)
ประวัติของบัวนั้นมีความเก่าแก่และผูกพันกับอารยธรรมมนุษย์มาอย่างยาวนานนับพันปี ทั้งในแง่ของวิวัฒนาการตามธรรมชาติและในมิติทางวัฒนธรรม
ประวัติในระดับโลกและอารยธรรมโบราณ
ฟอสซิลที่เก่าแก่: มีหลักฐานทางโบราณคดีพบฟอสซิลของเมล็ดบัวที่มีอายุยาวนานหลายร้อยล้านปี ซึ่งบ่งชี้ว่าบัวเป็นพืชที่มีมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์และมีวิวัฒนาการเพียงเล็กน้อยมาจนถึงปัจจุบัน
อียิปต์โบราณ: เมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน ชาวอียิปต์ยกย่องบัว (โดยเฉพาะบัวสายพันธุ์ Nymphaea caerulea หรือ Blue Lotus) ให้เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดชีวิต สุริยเทพ และความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากดอกบัวจะบานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและหุบในเวลาเย็น ปรากฏภาพเขียนของดอกบัวมากมายตามผนังพีระมิดและสุสานโบราณ
อินเดียและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู: ในอินเดีย บัวหลวง (Lotus) หรือ "ปัทมะ" เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ การสร้างสรรค์ และความงามอันสูงส่ง เป็นดอกไม้ของพระลักษมี เทวีแห่งความมั่งคั่ง และยังเป็นที่ประทับของพระพรหมผู้สร้างโลกตามความเชื่อในศาสนาฮินดู
ประวัติในประเทศไทยและความผูกพันกับพุทธศาสนา
ประวัติของบัวในดินแดนประเทศไทยนั้นหยั่งรากลึกและมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิทธิพลของพระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายเข้ามา
สมัยก่อนพุทธกาลและพุทธประวัติ: บัวเป็นพืชที่มีอยู่แล้วในชมพูทวีปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในพุทธประวัติได้กล่าวถึงบัวในเหตุการณ์สำคัญหลายครั้ง ตั้งแต่ การประสูติ ซึ่งเจ้าชายสิทธัตถะทรงดำเนินได้ 7 ก้าว โดยมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับในแต่ละก้าว ไปจนถึง การตรัสรู้ ที่พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบระดับสติปัญญาของบุคคลกับบัว 4 เหล่า ได้แก่
บัวพ้นน้ำ (อุคฆฏิตัญญู): ผู้มีปัญญาเฉียบแหลม สามารถเข้าใจธรรมะได้ทันที
บัวปริ่มน้ำ (วิปจิตัญญู): ผู้มีปัญญาปานกลาง ต้องอาศัยการขยายความจึงจะเข้าใจ
บัวใต้น้ำ (เนยยะ): ผู้ที่พอจะสอนให้เข้าใจได้ ต้องอาศัยความพากเพียรและกาลเวลา
บัวในโคลนตม (ปทปรมะ): ผู้ด้อยปัญญา ไม่อาจสั่งสอนให้เข้าใจในธรรมะได้ในชาตินั้นๆ
บัวในประวัติศาสตร์และศิลปะไทย:
วรรณคดี: ปรากฏการกล่าวถึงบัวในวรรณคดีไทยสมัยโบราณ เช่น ในนิราศธารโศก พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร (เจ้าฟ้ากุ้ง) ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ที่พรรณนาความงามของบัวในสระน้ำ
สถาปัตยกรรมและจิตรกรรม: บัวกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในพุทธศิลป์ของไทย ลวดลาย "ฐานบัว" หรือ "บัวคว่ำบัวหงาย" ถูกนำมาใช้เป็นฐานรองรับพระพุทธรูป เจดีย์ และส่วนประกอบของอาคารในวัดและพระราชวัง เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์และการเคารพบูชาอันสูงสุด
วิถีชีวิต: คนไทยในอดีตใช้ประโยชน์จากบัวในทุกส่วน ตั้งแต่การนำดอกบัวไปบูชาพระ การนำส่วนต่างๆ เช่น รากบัว เมล็ดบัว และสายบัวมาประกอบอาหาร และใช้ใบบัวในการห่อสิ่งของ ซึ่งสะท้อนถึงความผูกพันที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ประวัติ "บัว" ในฐานะบุคคลสำคัญของไทย
"บัว" เป็นชื่อที่นิยมตั้งกันในอดีต มีบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยหลายท่านที่ชื่อ "บัว" ซึ่งมีคุณูปการในด้านต่างๆ ดังนี้
1. หม่อมหลวงบัว กิติยากร (พ.ศ. 2452 - 2542)
ประวัติ: เป็นที่รู้จักในฐานะ พระราชชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเป็นพระอัยยิกา (ยาย) ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ความสำคัญ: หม่อมหลวงบัว กิติยากร เป็นสตรีผู้มีกิริยามารยาทงดงามตามแบบฉบับกุลสตรีไทยในวัง และได้อภิเษกสมรสกับพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร) ท่านได้อุทิศตนในการอบรมเลี้ยงดูพระธิดาและพระโอรสทุกพระองค์เป็นอย่างดีเยี่ยม จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9
2. พระยาพิษณุโลกาธิบดี (บัว) (พ.ศ. 2355 - 2434)
ประวัติ: นามเดิม "บัว" เป็นขุนนางในสมัยรัตนโกสินทร์ ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
ความสำคัญ: ท่านเป็นเจ้าเมืองคนสำคัญในหัวเมืองฝ่ายเหนือ มีบทบาทในการปกครองและดูแลความสงบเรียบร้อยของเมืองพิษณุโลกและเมืองในอาณัติ ท่านมีธิดาที่ได้ถวายตัวเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 5 คือ เจ้าจอมมารดาพร้อม ซึ่งเป็นพระมารดาของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย"
3. ศาสตราจารย์ ดร. สาโรช บัวศรี (พ.ศ. 2459 - 2541)
ประวัติ: นักการศึกษาคนสำคัญของไทย ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการพัฒนาระบบการศึกษา
ความสำคัญ: ท่านเป็นผู้ริเริ่มและมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเสนอให้ก่อตั้ง วิทยาลัยวิชาการศึกษา (College of Education) ซึ่งต่อมาได้พัฒนาและยกฐานะขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ในปัจจุบัน แนวคิดของท่านเป็นการบุกเบิกการสร้างบุคลากรครูให้มีความรู้ความสามารถในระดับปริญญา ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่สำคัญให้กับการศึกษาของชาติ
4. นายบัว ศจิเสวี (พ.ศ. 2461 - 2554)
ประวัติ: เป็นบุคคลที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ไทยว่าเป็น เด็กที่ได้รับพระราชทานนามสกุลที่อายุน้อยที่สุด
ความสำคัญ: เมื่ออายุเพียง 6 ขวบ เด็กชายบัวได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เพื่อขอพระราชทานนามสกุล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุล "ศจิเสวี" ให้ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์และแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อราษฎรทุกหมู่เหล่า