[17] วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลการเรียนรู้

 วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลการเรียนรู้

ตามที่ได้เคยกล่าวถึงความหมายของคำว่าการวัดผล (Measurement) ไว้ในหัวข้อที่ 2 ว่า การวัดผล หมายถึง กระบวนการในการกำหนดตัวเลขเพื่อบอกขนาดหรือปริมาณของสิ่งต่าง ๆ โดยใช้วิธีการวัดและเครื่องมือวัดที่สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการวัด  ในหัวข้อที่ 17 นี้ จะได้กล่าวถึงวิธีการวัดผลการเรียนรู้และเครื่องมือวัดผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการศึกษาทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านพุทธิพิสัย  ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย เพื่อให้คุณครูสามารถเลือกวิธีการวัดและเครื่องมือวัดผลการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการศึกษาทั้ง 3 ด้าน

วิธีการที่ใช้ในการวัดผลการเรียนรู้

วิธีการที่ใช้ในการวัดผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนมีหลายวิธี เช่น วิธีการทดสอบ    วิธีการสังเกต  วิธีการสอบถาม  วิธีการสัมภาษณ์  การเลือกใช้วิธีการวัดต้องคำนึงถึงความสอคล้องเหมาะสมกับพฤติกรรมทางการศึกษาที่ต้องการวัด 

1. วิธีการวัดผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย

พฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) เป็นพฤติกรรมด้านความรู้ (Knowledge) ที่แสดงออกโดยใช้สติปัญญาหรือสมอง แนวคิดทฤษฎีดั้งเดิมของเบนจามิน บลูม และคณะ(Benjamin S. Bloom and other) จำแนกองค์ประกอบของพฤติกรรมพุทธิพิสัยออกเป็น 6 ระดับ เริ่มจากระดับที่ใช้ความคิดขั้นต่ำไปสู่ระดับที่ใช้ความคิดขั้นสูง ได้แก่ ความรู้ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และ   การประเมินค่า

วิธีการที่ครูใช้ในการวัดผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยอย่างไม่เป็นทางการอาจทำได้โดยการซักถามแบบปากเปล่า  การตรวจคำตอบจากแบบฝึกหัด  หรือการตรวจผลการทำใบงาน ที่มอบหมายให้นักเรียนทำในระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ส่วนวิธีการวัดผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยอย่างเป็นทางการใช้วิธีการทดสอบหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการนำชุดของคำถามไปกระตุ้นหรือเร้าให้นักเรียนแสดงพฤติกรรมที่ต้องการตรวจสอบออกมาเพื่อให้ครูสามารถสังเกตและให้คะแนนความรู้ของนักเรียนได้  ชุดของคำถามที่กล่าวถึงในความหมายของการทดสอบข้างต้น คือ ข้อสอบ (Item Test) นั่นเอง ลักษณะสำคัญของข้อสอบที่จะนำมาใช้วัดความรู้ ต้องมีประเด็นคำถามสอดคล้องกับเนื้อหาและสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้  ถ้านำข้อสอบหลาย ๆ ข้อ มารวมกันให้ครอบคลุมเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้แล้วจัดเป็นฉบับจะเรียกว่า แบบทดสอบ (Test) ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดที่สำคัญสำหรับใช้ในกระบวนการทดสอบ

2. วิธีการวัดผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย

พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) เป็นความสามารถที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างกลไกของสมองกับกลไกของกล้ามเนื้อทำงานประสานกันจนทำให้สามารถปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง   คล่องแคล่วว่องไว เป็นอัตโนมัติ  เช่น  ความสามารถในการฟ้อนรำ  ความสามารถในการว่ายน้ำ  ความสามารถในการปั้นดินน้ำมัน  หรือความสามารถในการแกะสลัก   ซิมพ์สัน (Simpson) จำแนกพฤติกรรมด้านทักษะพิสัย ออกเป็น  7 ระดับ  ได้แก่  การรับรู้   การเตรียมพร้อมปฏิบัติ   การตอบสนองที่มีคนนำ   การปฏิบัติจนเป็นทักษะ  การตอบสนองที่ซับซ้อน  การดัดแปลงให้เหมาะสม   และการริเริ่ม

วิธีการวัดผลการเรียนรู้ทักษะพิสัยทำได้โดยกำหนดสถานการณ์ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติแล้วทำการสังกตให้ครอบคลุมทั้งกระบวนการ (Process) ในระหว่างปฏิบัติงาน และผลงาน (Product) ที่เกิดขึ้นจากการลงมือปฎิบัติ จากนั้นบันทึกพฤติกรรมลงในเครื่องมือวัดที่เรียกว่าแบบสังเกตที่มีเกณฑ์การให้คะแนนอย่างชัดเจน

3. วิธีการวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย

พฤติกรรมด้านจิตพิสัย (Affective Domain)  เป็นพฤติกรรมด้านจิตใจที่อาจแสดงออกโดยใช้อารมณ์ความรู้สึก  อาจแสดงออกในลักษณะของพฤติกรรมเชิงคุณธรรมจริยธรรม  หรืออาจแสดงออกในลักษณะของบุคลิภาพ  แครธโวล และคณะ (Krathwohl and other) จำแนกพฤติกรรมด้านจิตพิสัยออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่  การรับรู้  การตอบสนอง การสร้างคุณค่า  การจัดระบบคุณค่า  การสร้างลักษณะนิสัย

วิธีการวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าพฤติกรรมที่ต้องการวัดเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกโดยใช้อารมณ์ความรู้สึก  แสดงออกในลักษณะของพฤติกรรมเชิงคุณธรรมจริยธรรม  หรือ แสดงออกในลักษณะของบุคลิภาพ  

หากต้องการวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่แสดงออกโดยใช้อารมณ์ความรู้สึก ได้แก่ เจตคติ ความพึงพอใจ ค่านิยม ความสนใจ การเห็นคุณค่า  ความตระหนักในคุณค่า ฯลฯ สามารถวัดผลได้ด้วยวิธีการสอบถามโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือวัด หรือ อาจวัดด้วยวิธีการสัมภาษณ์โดยใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือวัดตามความเหมาะสม  เช่น ถ้าครูต้องการวัดเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้องเรียนที่ 1 ถึงห้องเรียนที่ 5 ควรใช้วิธีการสอบถามโดยแจกแบบสอบถามเพราะนักเรียนมีจำนวนมากและมีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้สามารถเขียนแสดงความรู้สึกลงในแบบสอบถามได้ด้วยตนเอง   แต่ถ้าครูต้องการวัดความรู้สึกของนักเรียนเด็กเล็กที่ยังมีความสามารถในการอ่านเขียนไม่ดีนักควรใช้วิธีการสัมภาษณ์ด้วยแบบสัมภาษณ์เพื่อให้เก็บข้อมูลได้อย่างครบถ้วน  

หากครูต้องการวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมจริธรรมซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการทำความดีละเว้นความชั่ว เช่น ความซื่อสัตย์  ความมีน้ำใจ ความเพียรพยายาม ความตรงต่อเวลา ความสามัคคี  ความมีระเบียบวินัย  ความเมตตากรุณา ฯลฯ พฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมเหล่านี้ควรวัดโดยใช้วิธีการสังเกตให้เห็นพฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกถึงการทำสิ่งที่ควรหรือไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควร ขณะที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ แล้วบันทึกพฤติกรรมลงในเครื่องมือวัดที่เรียกว่าแบบสังเกตโดยไม่ให้นักเรียนรู้สึกตัวว่ากำลังถูกสังเกตพฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมเหล่านั้นอยู่ 

หากครูต้องการวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวข้องกับบุคลิภาพที่แสดงออกถึงพฤติกรรมการกระทำที่สะท้อนภาพลักษณ์ของบุคคลอันมีผลต่อความประทับใจหรือไม่ประทับใจจากผู้พบเห็น  เช่น ความกล้าแสดงออก  ความเชื่อมั่นในตนเอง  ความเป็นผู้นำ การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น  ความมีมนุษยสัมพันธ์ การควบคุมอารมณ์  พฤติกรรมเหล่านี้สามารถวัดผลได้โดยใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรมแล้วบันทึกพฤติกรรมลงในเครื่องมือวัดที่เรียกว่าแบบสังเกตเช่นเดียวกันกับการวัดพฤติกรรมด้านจิตพิสัยที่เป็นคุณธรรมจริธรรม


เครื่องมือวัดผลการเรียนรู้ 

การวัดผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนนอกจากจะต้องเลือกใช้วิธีการวัดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการศึกษาตามที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อก่อนหน้านี้แล้ว  ยังต้องพิจารณาเลือกเครื่องมือสำหรับใช้เก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเหมาะสมอีกด้วย  เครื่องมือวัดผลการเรียนรู้ที่ครูใช้วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียนมี ดังนี้

1. แบบทดสอบ (Test) 

แบบทดสอบเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับใช้ประกอบวิธีการทดสอบเพื่อวัดความรู้ (Knowledge) ซึ่งเป็นพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) แบ่งตามวิธีการเขียนตอบได้ 2 ประเภท คือ แบบทดสอบชนิดปรนัย กับ แบบทดสอบชนิดอัตนัย

1)  แบบทดสอบชนิดปรนัย (Objective Test) เป็นแบบทดสอบที่ประกอบไปด้วยข้อสอบที่ให้ผู้สอบเขียนคำตอบสั้น ๆ  อาจตอบโดยใช้คำสั้น ๆ ข้อความสั้น ๆ เครื่องหมาย หรือสัญญลักษณ์ก็ได้ มีหลายแบบ เช่น ข้อสอบถูกผิด  ข้อสอบจับคู่  ข้อสอบเติมคำตอบสั้น ๆ  ข้อสอบเลือกตอบ  

2)  แบบทดสอบชนิดอัตนัย (Subjective  Test) เป็นแบบทดสอบที่ประกอบไปด้วยข้อสอบที่ให้ผู้สอบเขียนเรียบเรียงคำตอบด้วยข้อความยาว ๆ ด้วยตนเองบางครั้งอาจเรียกข้อสอบชนิดเขียนตอบยาว ๆ หรือ ข้อสอบชนิดความเรียง (Essay Test)  

2. แบบสังเกต (Observation form) 

เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ประกอบวิธีการสังเกตเพื่อวัดผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย และใช้ประกอบการสังเกตเพื่อวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่แสดงออกในลักษณะคุณธรรมจริธรรม รวมถึงผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่แสดงออกในลักษณะบุคลิกภาพอีกด้วย  แบ่งตามลักษณะการบันทึกผลการสังเกตได้ 3 ประเภท ได้แก่ แบบสำรวจรายการ มาตารประมาณค่า และ แบบบันทึก

1) แบบสังเกตชนิดแบบสำรวจรายการ (Checklist) เป็นแบบสังเกตที่ประกอบไปด้วยชุดของรายการพฤติกรรมที่ต้องการสังเกต ในแต่ละรายการพฤติกรรมมีการให้คะแนนเพียงแค่ 2 ระดับ คือ 0 กับ 1 เท่านั้น  เช่น  ให้ 0 คะแนน เมื่อ นักเรียนไม่ส่งการบ้าน  ให้ 1 คะแนน เมื่อ นักเรียนส่งการบ้าน  

2) แบบสังเกตชนิดมาตรประมาณค่า (Rating Scale) เป็นแบบสังเกตที่ประกอบไปด้วยชุดของรายการพฤติกรรมที่ต้องการสังเกตเช่นเดียวกับแบบสำรวจรายการแตกต่างกันตรงที่ในแต่ละรายการมีการให้คะแนนมากกว่า 2 ระดับ เพื่อบอกระดับคุณภาพหรือระดับปริมาณว่ามีมากน้อยเพียงใด เช่น ให้ 0 คะแนน เมื่อ ออกเสียงคำควบกล้ำผิดมากกว่า 2 คำ  ให้ 1 คะแนน เมื่อ ออกเสียงคำควบกล้ำผิดไม่เกิน 2 คำ  ให้ 2 คะแนน เมื่อ ออกเสียงคำควบกล้ำถูกต้องทุกคำ  

3) แบบบันทึกพฤติกรรม  (Records form) เป็นแบบสังเกตที่ใช้สำหรับจดบันทึกพฤติกรรมที่สังเกตได้โดยผู้สังเกตจะเขียนข้อความบรรยายพฤติกรรมของนักเรียนที่สังเกตเห็นลงในกระดาษจดบันทึกด้วยตนเองอย่างเป็นระบบตามความเป็นจริง โดยแบ่งส่วนจดบันทึกออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 สำหรับข้อมูลทั่วไป  ของนักเรียนที่ถูกสังเกต เช่น ชื่อนามสกุลผู้ถูกสังเกต  ชั้นเรียน อายุ สถานที่สังเกต วันเวลาที่สังเกต  ส่วนที่ 2 สำหรับจดบันทึกพฤติกรรมที่สังเกตได้ตามความเป็นจริงโดยไม่มีการแปลความหมายหรือไม่สอดแทรกความคิดเห็น ส่วนที 3 สำหรับบันทึกความคิดเห็นหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่จะใช้ประกอบการแปลความหมายพฤติกรรม

3. แบบสอบถาม  (Questionnaire) 

แบบสอบถามเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ประกอบวิธีการสอบถามเพื่อวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่แสดงออกโดยใช้อารมณ์ความรู้สึก เช่น แบบสอบถามวัดเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ แบบสอบถามวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรม  แบบสอบถามค่านิยมต่อการเรียนกวดวิชา แบ่งตามลักษณะการถามตอบได้ 3 แบบ คือ  แบบสอบถามชนิดปลายปิด   แบบสอบถามชนิดปลายเปิด  แบบสอบถามชนิดผสม

1) แบบสอบถามชนิดปลายปิด (Close ended form)  เป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะคำถามให้ผู้ตอบแสดงความรู้สึกหรือแสดงความคิดเห็นโดยการเลือกคำตอบจากตัวเลือกที่กำหนดไว้ให้เลือกตอบ 

2) แบบสอบถามชนิดปลายเปิด (Open ended form)  เป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะคำถามให้ผู้ตอบแสดงความรู้สึกหรือแสดงความคิดเห็นด้วยการเขียนข้อความบรรยายด้วยตนเองโดยไม่ได้กำหนดตัวเลือกไว้ให้เลือกตอบ  

3) แบบสอบถามชนิดผสม (Mixed form)  เป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะคำถามผสมกันทั้งแบบชนิดปลายปิด และปลายเปิด  คือ มีทั้งส่วนที่ให้ระบุคำตอบโดยเลือกจากตัวเลือกที่กำหนดไว้ให้เลือกตอบและส่วนที่ให้ตอบโดยการเขียนข้อความบรรยายด้วยตนเอง  

4. แบบสัมภาษณ์  (Interview form) 

แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ประกอบวิธีการสัมภาษณ์เพื่อวัดผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่แสดงออกโดยใช้อารมณ์ความรู้สึกเช่นเดียวกับแบบสอบถาม แต่มักใช้เก็บข้อมูลในกรณีต้องการข้อมูลเชิงลึกหรือกรณีที่ผู้ตอบไม่สามารถอ่านข้อคำถามและเขียนความรู้สึกด้วยตนเอง แบ่งตามลักษณะการถามตอบได้ 2 แบบ คือ แบบสัมภาษณ์ชนิดมีโครงสร้าง กับ  แบบสัมภาษณ์ชนิดไม่มีโครงสร้าง  

1) แบบสัมภาษณ์ชนิดมีโครงสร้าง (Structured  Interview form) เป็นแบบสัมภาษณ์ที่มีการกำหนดคำถามเป็นข้อ ๆ ไว้อย่างชัดเจนก่อนสัมภาษณ์ ผู้ถูกสัมภาษณ์ทุกคนจะถูกถามคำถามเดียวกันตามลำดับข้อคำถามที่ระบุไว้ในแบบสัมภาษณ์ 

2) แบบสัมภาษณ์ชนิดไม่มีโครงสร้าง (Nonstructured Interview form) เป็นแบบสัมภาษณ์ไม่ได้กำหนดคำถามเป็นข้อ ๆ ไว้อย่างชัดเจน เพียงแค่กำหนดประเด็นคำถามตามวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ไว้เป็นแนวทางในการสัมภาษณ์เท่านั้น ผู้สัมภาษณ์ต้องใช้ดุลยพินิจในการถามให้เหมาะสมกับผู้ถูกสัมภาษณ์แต่ละคน  

ตัวอย่างการเลือกวิธีการวัดและเครื่องมือวัดผลการเรียนรู้

สรุปได้ว่า

การเลือกวิธีการและเครื่องมือวัดผลการเรียนรู้ต้องเลือกให้สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการศึกษาที่ระบุไว้ในจุดประสงค์การเรียนรู้    ถ้าต้องการวัดผลจุดประสงค์การเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยหรือด้านความรู้สามารถวัดได้ด้วยวิธีการทดสอบโดยมีแบบทดสอบเป็นเครื่องมือวัด  ถ้าต้องการวัดผลจุดประสงค์การเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยซึ่งเป็นพฤติกรรมด้านการปฏิบัติโดยอาศัยการทำงานประสานกันระหว่างกลไกของสมองกับกลไกของกล้ามเนื้อ  สามารถวัดได้ด้วยวิธีการสังเกตโดยมีแบบสังเกตเป็นเครื่องมือวัด  ถ้าต้องการวัดผลจุดประสงค์การเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่แสดงออกในลักษณะอารมณ์ความรู้สึกสามารถวัดผลได้ด้วยวิธีการสอบถามโดยมีแบบสอบถามเป็นเครื่องมือวัด หรือ อาจวัดด้วยวิธีการสัมภาษณ์โดยมีแบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือวัดตามความเหมาะสม   และถ้าต้องการวัดผลจุดประสงค์การเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่แสดงออกในเชิงคุณธรรมจริยธรรม หรือแสดงออกในลักษณะของบุคลิภาพ  สามารถวัดได้ด้วยวิธีการสังเกตโดยมีแบบสังเกตเป็นเครื่องมือวัด

หนังสืออ้างอิง  

กระทรวงศึกษาธิการ.(2551). แนวทางการพัฒนาการวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

เพชราวดี  จงประดับเกียรติ.(2560). การพัฒนาเครื่องมือด้านพุทธิพิสัย. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.

_______. (2561). การพัฒนาเครื่องมือวัดทักษะพิสัย. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมิก จำกัด.  



วิดิโอประกอบคำอธิบาย

เอกสารประกอบคำอธิบาย

> หน้าถัดไป