Search this site
Embedded Files
Skip to main content
Skip to navigation
KRU-MIND
หน้าแรก
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
การประกอบคอมพิวเตอร์
การสืบค้นข้อมูล
กฎหมายการศึกษา
พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาภาค บังคับ
พรบ.การศึกษาสำหรับคนพิการ
พรบ.คุ้มครองเด็ก
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สพฐ.
คุณภาพการจัดการศึกษา
การประกันคุณภาพการศึกษา
การจัดการคุณภาพการศึกษา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
SCRATCH
บทเรียนออนไลน์ KruMind
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ออกแบบ
การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
คู่มือการใช้ Construct 2
KRU-MIND
หน้าแรก
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
การประกอบคอมพิวเตอร์
การสืบค้นข้อมูล
กฎหมายการศึกษา
พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาภาค บังคับ
พรบ.การศึกษาสำหรับคนพิการ
พรบ.คุ้มครองเด็ก
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สพฐ.
คุณภาพการจัดการศึกษา
การประกันคุณภาพการศึกษา
การจัดการคุณภาพการศึกษา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
SCRATCH
บทเรียนออนไลน์ KruMind
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ออกแบบ
การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
คู่มือการใช้ Construct 2
More
หน้าแรก
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
การประกอบคอมพิวเตอร์
การสืบค้นข้อมูล
กฎหมายการศึกษา
พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาภาค บังคับ
พรบ.การศึกษาสำหรับคนพิการ
พรบ.คุ้มครองเด็ก
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สพฐ.
คุณภาพการจัดการศึกษา
การประกันคุณภาพการศึกษา
การจัดการคุณภาพการศึกษา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
SCRATCH
บทเรียนออนไลน์ KruMind
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ออกแบบ
การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
คู่มือการใช้ Construct 2
พรบ.
คุ้มครองเด็ก
พระราชบัญญัติ
คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
เด็กที่มีสิทธิได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก คือบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส (มาตรา 4) การสมรสต้องมีการจดทะเบียนสมรสโดยชอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หากเป็นการสมรสโดยพฤตินัยไม่อยู่ในความหมายนี้
ประเทศไทยประสบผลก้าวหน้าอย่างสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองเด็กในภาวะเสี่ยง การประกาศใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก เมื่อ ปี พ.ศ.2546 เป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญที่สุดของความก้าวหน้านี้ ซึ่งยกสถานะของประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้านการส่งเสริมสิทธิเด็กของภูมิภาคและนานาชาติ พ.ร.บ.นี้ตั้งอยู่บนหลักการที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิ เด็ก ระบุถึงวิธีอันหลากหลายซึ่งความรุนแรง และการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ที่สามารถทำร้ายเด็ก พ.ร.บ.นี้ให้การปกป้องคุ้มครองเด็กไทยทั้งหมดไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะทางเศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย มีชาติพันธุ์ หรือนับถือศาสนาใด เนื้อหาของ พ.ร.บ. ประกาศอย่างแจ้งชัดว่า การดูแลให้เด็กมีความเป็นอยู่ที่ดี คือหน้าที่รับผิดชอบของทุกคน และจะไม่ยอมให้มีการทารุณกรรมเด็ก พร้อมทั้งระบุถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะให้การช่วยเหลือเด็กโดยผ่านทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว
1. หลักการและเหตุผล
พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กฯ เป็นกฎหมายที่มุ่งให้ความคุ้มครองแก่เด็กทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการสงเคราะห์ การคุ้มครองสวัสดิภาพ การพัฒนาและฟื้นฟู ทั้งนี้โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ และเนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน สาระสำคัญและรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน สมควรกำหนดขั้นตอนและปรับปรุงวิธีการปฏิบัติต่อเด็กให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เด็กได้รับการอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และมีพัฒนาการที่เหมาะสม อันเป็นการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันครอบครัว รวมทั้งป้องกันมิให้เด็กถูกทารุณกรรม ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม และสมควรปรับปรุงวิธีการส่งเสริมความร่วมมือในการคุ้มครองเด็กระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ในส่วนของบทนิยามได้กำหนดความหมายของ “เด็ก” ว่าหมายถึงบุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส นอกจากนี้ยังได้จำแนกประเภทของเด็ก
ออกเป็น เด็กเร่ร่อน, เด็กกำพร้า, เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก, เด็กพิการ, เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด, นักศึกษาและนักเรียน
2. สาระสำคัญ
หมวด 1 คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก
กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติขึ้น มีอำนาจและหน้าที่ที่สำคัญ คือการเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน งบประมาณและมาตรการในการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กรวมถึงการให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานงานแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ปฏิบัติงานด้านการศึกษา การสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก นอกจากนี้ยังมีอำนาจตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ สถานพัฒนาและฟื้นฟู สถานพินิจ หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กทั้งของรัฐและเอกชน
นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการ
คุ้มครองเด็กจังหวัด เพื่อกระจายการดูแลให้เป็นไปอย่างทั่วถึง โดยมีอำนาจและหน้าที่ที่สำคัญ คือ เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน งบประมาณและมาตรการในการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก การให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานงานกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง การติดตาม ประเมินผลและตรวจสอบการดำเนินงานเกี่ยวกับการสงเคราะห์และส่งเสริมความประพฤติเด็กแล้วรายงานผลต่อคณะกรรมการ
หมวด 2 การปฏิบัติต่อเด็ก
การปฏิบัติต่อเด็กไม่ว่าในกรณีใดต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญและไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม และในพ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวยังได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติต่อเด็ก โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้
- ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่นรวมถึงการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กมิให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และผู้ปกครองต้องไม่ทอดทิ้งหรือละทิ้งเด็กไว้หรือละเลยไม่ดูแลเด็ก
- ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดมีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมถึงดูแลตรวจสอบสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการต่างๆ ที่สำคัญเพื่อคุ้มครองเด็กทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ ชื่อเสียงหรือสิทธิประโยชน์อื่นของเด็ก เช่น ห้ามบุคคลใดกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมเด็ก, ห้ามบุคคลใดบังคับ ขู่เข็ญ ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือเสี่ยงต่อการกระทำผิดในด้านต่างๆ เป็นต้นและเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวนี้ จึงได้กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจและหน้าที่พิเศษบางประการ เช่น อำนาจในการตรวจค้นสถานที่, มีหนังสือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำ,เรียกให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานต่างๆ เป็นต้น
หมวด 3 การสงเคราะห์เด็ก
ในหมวดนี้ได้กำหนดลักษณะของเด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ไว้และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการสงเคราะห์เด็ก โดยการสงเคราะห์ในเบื้องต้นเป็นการกำหนดสถานที่อยู่ของเด็กซึ่งต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อให้การช่วยเหลือ สงเคราะห์ พัฒนาและฟื้นฟูต่อไป โดยต้องมีการสืบเสาะและพินิจเกี่ยวกับตัวเด็กและครอบครัวเพื่อหาวิธีการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
หมวด 4 การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
กำหนดลักษณะของเด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ โดยในกรณีมีการกระทำทารุณกรรมต่อเด็กให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจแยกตัวเด็กจากครอบครัวและต้องรีบจัดให้มีการตรวจรักษาทางร่างกายและจิตใจ หลังจากนั้นต้องจัดให้เด็กอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อหาวิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กต่อไป ส่วนในกรณีที่พบเห็นเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเด็กและครอบครัว ถ้าเห็นว่าเด็กจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพหรือเห็นว่าจำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการจัดให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพหรือการสงเคราะห์ต่อไป ในกรณีที่มอบตัวเด็กให้แก่ผู้ปกครองหรือบุคคลที่ยินยอมรับเด็กไปปกครองดูแลอาจมีการแต่งตั้งผู้คุ้มครองสวัสดิภาพแก่เด็กและอาจมีการวางข้อกำหนดเพื่อป้องกันมิให้เด็กมีความประพฤติเสียหายหรือเสี่ยงต่อการกระทำผิด
หมวด 5 ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้งผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กเพื่อกำกับดูแลเด็ก โดยอาจแต่งตั้งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ นักสังคมสงเคราะห์ หรือบุคคลที่สมัครใจและมีความเหมาะสม นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดห้ามมิให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเปิดเผยภาพหรือข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเด็กหรือผู้ปกครองในลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่เด็กหรือผู้ปกครอง
หมวด 6 สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพและสถานพัฒนาและฟื้นฟู
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู และให้เจ้าหน้าที่ที่กำหนดไว้ทำหน้าที่กำกับดูแลและส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของสถานที่ดังกล่าว นอกจากนี้ยังต้องมีผู้ปกครองสวัสดิภาพเป็นผู้ปกครองดูแลและบังคับบัญชา ซึ่งได้มีการกำหนดเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานแรกรับ, ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานสงเคราะห์, ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานคุ้มครองสวัสดิภาพและผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานพัฒนาและฟื้นฟู โดยมุ่งเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลาง
หมวด 7 การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะแนวให้คำปรึกษาและฝึกอบรมแก่นักเรียน นักศึกษาและผู้ปกครองเพื่อส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา และยังให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เช่น การสอบถามครู อาจารย์เกี่ยวกับความประพฤติของเด็ก, แนะนำหรือตักเตือนผู้ปกครองเกี่ยวกับการดูแลเด็ก และสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบุคคลหรือแหล่งชักจูงเด็กให้ประพฤติในทางมิชอบ เป็นต้น
หมวด 8 กองทุนคุ้มครองเด็ก
ให้จัดตั้งกองทุนคุ้มครองเด็ก เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก โดยมีคณะกรรมการบริหารกองทุนเป็นผู้บริหารจัดการกองทุน นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน แล้วรายงานผลการปฏิบัติงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการ
หมวด 9 บทกำหนดโทษ
กำหนดโทษทางอาญาแก่บุคคลผู้กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติต่างๆ ตามที่พ.ร.บ. ฉบับนี้ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับได้จริงและบรรลุผลตามความมุ่งหมายนั้นเอง
3. ผู้รักษาการตามกฎหมายและวันบังคับใช้
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวงนั้น
ขณะนี้ สท. อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงแก้ไข พรบ.คุ้มครองเด็ก ปี 2546 ในประเด็นสำคัญ เช่น
1. เพิ่มเติมกระบวนการพิจารณาคดีคุ้มครองเด็กเข้าไว้ในกฎหมายฉบับเดียวกัน
2. กำหนดให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำในระดับท้องถิ่นเพื่อเป็นรับผิดชอบดูแลคุ้มครองเด็กในระดับท้องถิ่น
3. การกำหนดตำแหน่งและระดับของพนักงานคุ้มครองเด็กที่สามารถเติบโตในสายงาน
(Career Path)
4. กำหนดกระบวนการและขั้นตอนในการคุ้มครองเด็กให้เป็นระบบ และมีความชัดเจนขึ้น
Google Sites
Report abuse
Page details
Page updated
Google Sites
Report abuse