Search this site
Embedded Files
Skip to main content
Skip to navigation
KRU-MIND
หน้าแรก
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
การประกอบคอมพิวเตอร์
การสืบค้นข้อมูล
กฎหมายการศึกษา
พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาภาค บังคับ
พรบ.การศึกษาสำหรับคนพิการ
พรบ.คุ้มครองเด็ก
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สพฐ.
คุณภาพการจัดการศึกษา
การประกันคุณภาพการศึกษา
การจัดการคุณภาพการศึกษา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
SCRATCH
บทเรียนออนไลน์ KruMind
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ออกแบบ
การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
คู่มือการใช้ Construct 2
KRU-MIND
หน้าแรก
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
การประกอบคอมพิวเตอร์
การสืบค้นข้อมูล
กฎหมายการศึกษา
พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาภาค บังคับ
พรบ.การศึกษาสำหรับคนพิการ
พรบ.คุ้มครองเด็ก
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สพฐ.
คุณภาพการจัดการศึกษา
การประกันคุณภาพการศึกษา
การจัดการคุณภาพการศึกษา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
SCRATCH
บทเรียนออนไลน์ KruMind
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ออกแบบ
การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
คู่มือการใช้ Construct 2
More
หน้าแรก
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
การประกอบคอมพิวเตอร์
การสืบค้นข้อมูล
กฎหมายการศึกษา
พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาภาค บังคับ
พรบ.การศึกษาสำหรับคนพิการ
พรบ.คุ้มครองเด็ก
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สพฐ.
คุณภาพการจัดการศึกษา
การประกันคุณภาพการศึกษา
การจัดการคุณภาพการศึกษา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
SCRATCH
บทเรียนออนไลน์ KruMind
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิทยาการคำนวณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ออกแบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ออกแบบ
การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
คู่มือการใช้ Construct 2
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สพฐ.
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ
ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา พ.ศ. 2547
การชักธงชาติในสถานศึกษาให้เหมาะสมและเป็นไปตามข้อ 12 (4) แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 กระทรวงศึกษาธิการจึงวางระเบียบไว้ดังนี้
ข้อ 1 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา พ.ศ. 2547
ข้อ 2 ใช้บังคับเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ยกเลิกการชักธงชาติในสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2530
ข้อ 4 “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา“หัวหน้าสถานศึกษา” หมายความว่า ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ อธิการบดีหรือหัวหน้าสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งของรัฐและเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
ข้อ 5 กำหนดเวลาชักธงชาติขึ้นและลง (1) ในวันเปิดเรียน ชักขึ้นเวลาเข้าเรียน และชักลงเวลา 18.00 นาฬิกา
(2) ในวันปิดเรียนชักขึ้นเวลา 08.00 นาฬิกา และชักลงเวลา 18.00 นาฬิกา สถานศึกษาที่มีความจำเป็นไม่สามารถทำตามเวลาที่กำหนดไว้ได้ ให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้มีอำนาจพิจารณา
ข้อ 6 ปฏิบัติตามข้อ 5 ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สถานศึกษากำหนด และสอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529
ข้อ 7 โอกาสและวันสำคัญให้ชักและประดับธงชาติ ตามวันและระยะเวลาดังต่อไปนี้ วันที่ 1 มกราคม วันมาฆะบูชา 1 วัน วันที่ 6 เมษายน วันที่ 13 เมษายน วันที่ 5 พฤษภาคม วันพืชมงคล 1 วัน วันวิสาขบูชา 1 วัน วันอาสาฬหบูชา 1 วัน วันเข้าพรรษา 1 วัน วันที่ 12 สิงหาคม วันที่ 24 ตุลาคม วันที่ 5 ธันวาคม วันที่ 10 ธันวาคม
ข้อ 8 กรณีที่ทางราชการประกาศให้ลดธงชาติครึ่งเสา ให้ชักธงชาติจนถึงยอดเสา แล้วจึงลดลงในระดับสองในสามส่วนของความสูงของเสา และเมื่อชักธงลงให้ชักขึ้นถึงยอดเสาก่อน แล้วจึงชักลงตามปกติ
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการชักธงชาติ ในสถานศึกษา พ.ศ. 2547 ในส่วนของการชักและประดับธงชาติ ณ สถานศึกษา ในโอกาสและวันพิธีสำคัญให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ การชักหรือการแสดงธงชาติ และธงของตางประเทศในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2560 อาศัยอำนาจตามความใน
ข้อ 12 (4) แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ การชักหรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 กระทรวงศึกษาธิการจึงวางระเบียบไว้ ดังนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกบทนิยามคําว่า “หัวหน้าสถานศึกษา” ในข้อ 4 ของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน“หัวหน้าสถานศึกษา” หมายความว่า ผู้อํานวยการ อธิการบดี หรือหัวหน้าสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งของรัฐและเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา”
ข้อ 4 ให้ยกเลิกความในข้อ 7 ของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการชักธงชาติ
ในสถานศึกษา พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 7 ในโอกาสและวันพิธีสำคัญ ให้ชักและประดับธงชาติ ณ สถานศึกษา ตามกำหนดวันและระยะเวลา ดังต่อไปนี้
(1) วันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม 1 วัน
(2) วันมาฆบูชา 1 วัน
(3) วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 1 วันและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ วันที่ ๖ เมษายน
(4) วันสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน 1 วัน
(5) วันพืชมงคล 1 วัน
(6) วันวิสาขบูชา 1 วัน
(7) วันอาสาฬหบูชา 1 วัน
(8) วันเข้าพรรษา 1 วัน
(9) วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2 วันมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร วันที่ 28 และวันที่ 29 กรกฎาคม
(10) วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชินีนาถ 1 วัน วันที่ 12 สิงหาคม
(11) วันพระราชทานธงชาติไทย วันที่ 28 กันยายน 1 วัน
(12) วันสหประชาชาติ วันที่ 24 ตุลาคม 1 วัน
(13) วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ 2 วันพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 และวันที่ 6 ธันวาคม
(14) วันรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 ธันวาคม 1 วัน
การชักและประดับธงชาติในโอกาสหรือวันพิธีสำคัญอื่น ๆ ให้เป็นไปตามที่ทางราชการจะประกาศให้ทราบเป็นครั้งคราวส่วนการชักและประดับธงชาติในงานพิธีสำคัญอื่น ๆ ตามประเพณีนิยม ให้ปฏิบัติต่อธงด้วยความเคารพ
(
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/052/1.PDF
)
การกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการในสถานศึกษา พ.ศ. 2547
ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการของสถานศึกษาให้เหมาะสม และให้สอดคล้องกับกฎหมายระเบียบการบริหารราชกากระทรวงศึกษาธิการและกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ
รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการของสถานศึกษา พ.ศ. 2547
ข้อ 2 บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ยกเลิก 1) การกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการของสถานศึกษา พ.ศ. 2520 2) การกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการของสถานศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2526
ข้อ 4 “สถานศึกษา” หมายถึง สถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสถานศึกษาที่กฎหมายให้อำนาจในการกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการของสถานศึกษา “ข้าราชการ” หมายถึง ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการในสถานศึกษา
ข้อ 5 สถานศึกษาเริ่มทำงานเวลา 08.30 น. ถึง 16.30 น. หยุดกลางวัน เวลา 12.00 น. ถึง 13.00 น. มีวันหยุดราชการประจำสัปดาห์ คือวันเสาร์และวันอาทิตย์ เต็มวันทั้งสองวัน หากมีความจำเป็น สามารถกำหนดเวลาและวันหยุดราชการได้ แต่ต้องรายงานต้นสังกัดทราบ และทำงานสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 35 ชั่วโมง
ข้อ 6 วันปิดภาคเรียน ถือว่าเป็นวันพักผ่อนของนักเรียน อนุญาตให้ข้าราชการหยุดพักผ่อน แต่ถ้ามีราชการจำเป็นให้มาปฏิบัติราชการตามปกติ
ข้อ 7 วันที่สถานศึกษาสอนชดเชย เนื่องจากสั่งปิดด้วยเหตุพิเศษหรือกรณีต่าง ๆ ให้ถือว่าเป็นวันทำงานปกติ
การปฏิบัติของผู้กำกับการสอบ พ.ศ. 2548 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติของผู้กำกับการสอบ พ.ศ. 2548
ข้อ 2 บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ยกเลิกการปฏิบัติของผู้กำกับการสอบ พ.ศ. 2506 บังคับใช้แก่ผู้เข้าสอบสำหรับการสอบทุกประเภทในส่วนราชการและสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ข้อ 4 ผู้กำกับการสอบ ต้องปฏิบัติดังนี้
4.1 ไปถึงสถานที่สอบก่อนเวลาเริ่มสอบ หากไม่สามารถปฏิบัติได้ รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ
4.2 กำกับการสอบให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ไม่อธิบายคำถามใด ๆ ในข้อสอบ
4.3 ไม่กระทำการใด ๆ เป็นการรบกวนผู้เข้าสอบและทำให้ปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับการสอบไม่สมบูรณ์
4.4 แต่งการสุภาพเรียบร้อยตามแบบที่ส่วนราชการ หรือสถานศึกษากำหนด
ข้อ 5. ผู้กำกับการสอบมีความประมาทเลินเล่อ จงใจ ละเว้น หรือรู้เห็นแล้วไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรือไม่รายงานต่อหัวหน้าจนเป็นเหตุให้มีการทุจริตในการสอบเกิดขึ้น ถือว่าการเป็นการประพฤติผิดวินัยที่ร้ายแรง
การปฏิบัติของผู้เข้าสอบพ.ศ. 2548 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2548
ข้อ 2 บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2506 บังคับใช้แก่ผู้เข้าสอบสำหรับการสอบทุกประเภทในส่วนราชการและสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ข้อ 4 ผู้เข้าสอบ ต้องปฏิบัติดังนี้
4.1 การแต่งกาย ถ้าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียนหรือนักศึกษาแล้วแต่กรณี ถ้าเป็นผู้สมัครสอบต้องแต่งให้สุภาพเรียบร้อยตามประเพณีนิยม
4.2 ผู้เข้าสอบต้องตรวจสอบสถานที่สอบให้เรียบร้อย
4.3 ไปถึงสถานที่สอบก่อนเวลาสอบ ผู้ใดไปไม่ทันเวลา ไม่สิทธิ์เข้าสอบวิชานั้น สำหรับการสอบวิชาแรกในตอนเช้า ผู้ใดเข้าห้องสอบสายหลังลงมือสอบ 15 นาที จะไม่ได้รับอนุญาตให้สอบ เว้นแต่ความจำเป็นบางกรณีตามดุลพินิจของประธานดำเนินการสอบ
4.4 ไม่เข้าห้องสอบก่อนได้รับอนุญาต
4.5 ไม่นำเอกสาร เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องสื่อสารใด ๆ เข้าห้องสอบ
4.6 นั่งตามที่กำหนดให้ จะเปลี่ยนที่นั่งก่อนได้รับอนุญาตไม่ได้
4.7 ปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการสอบและคำสั่งของผู้กำกับการสอบโดยไม่ทุจริตในการสอบ
4.8 ไม่ให้ผู้เข้าสอบคนอื่นคัดลอกคำตอบของตน ไม่พูดคุยกับผู้ใด เมื่อมีข้อสงสัยหรือเหตุจำเป็นให้แจ้งต่อผู้กำกับการสอบ
4.9 ประพฤติตนเป็นสุภาพชน
4.10 ผู้ใดสอบเสร็จก่อนต้องออกไปห่างจากห้องสอบและไม่รบกวนผู้อื่น แต่ผู้เข้าสอบต้องออกจากห้องสอบหลังจากเริ่มสอบ 20 นาที
4.11 ไม่นำกระดาษสำหรับเขียนคำตอบที่ผู้กำกับการสอบแจกให้ออกจากห้องสอบ
ข้อ 5 หากผู้เข้าสอบฝ่าฝืนระเบียบข้อ 4 หรือพยายามทุจริต ให้ผู้กำกับการสอบว่ากล่าวตักเตือน กรณีร้ายแรงหลังสอบสวน ประธานกรรมการหรือผู้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการสอบมีอำนาจในการตัดสินใจ
ข้อ 6 ถ้าผู้เข้าสอบทุจริตและสอบสวนแล้ว ประธานกรรมการหรือผู้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการสอบมีอำนาจในการตัดสินใจ
ข้อ 7 ในกรณีทุจริตในการสอบด้วยวิธีการคัดลอกคำตอบระหว่างผู้เข้าสอบด้วนกัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เข้าสอบได้สมคบกันกระทำการทุจริต
การปฏิบัติของผู้เข้าสอบ (ฉบับที่2) พ.ศ.2555 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2548 ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555
ข้อ 2 บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ยกเลิกความใน 4.10 ของข้อ 4 แห่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2548 และใช้ความต่อไปนี้แทน 4.10 ต้องนั่งอยู่ในห้องสอบจนหมดเวลาทำข้อสอบ
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ. 2548 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงวางระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ
1
ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ.2548”
ข้อ
2
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น
ข้อ
3
ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ.2543
ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “
ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา
” หมายความว่า ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการอธิการบดี หรือหัวหน้า ของโรงเรียน หรือสถานศึกษา หรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นของโรงเรียนหรือสถานศึกษานั้น
“
การกระทำผิด
” หมายความว่า การที่นักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสถานศึกษา หรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
“
การลงโทษ
” หมายความว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการสั่งสอน
ข้อ
5
โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำผิดมี 4 สถาน ดังนี้
1. ว่ากล่าวตักเตือน ใช้ในกรณีกระทำความผิดไม่ร้ายแรง
2. ทำทัณฑ์บน ใช้ในกรณีที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียนหรือนักศึกษา ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา หรือกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของสถานศึกษา หรือฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนแล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบ การทำทัณฑ์บนให้ทำเป็นหนังสือ และเชิญบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบความผิดและรับรองการทำทัณฑ์บนไว้ด้วย
3. ตัดคะแนนประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนด และให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
4. ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่กระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ข้อ
6
ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้งหรือลงโทษด้วยความโกรธหรือด้วยความพยาบาท โดยคำนึงถึงอายุนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียนหรือนักศึกษาให้รู้สำนึกในความผิด และกลับประพฤติตนในทางที่ดีต่อไปให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษาหรือ ผู้ที่บริหารโรงเรียน หรือสถานศึกษามอบหมายเป็นผู้มีอำนาจในการลงโทษนักเรียน นักศึกษา
ข้อ 7 การว่ากล่าวตักเตือน ใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษากระทำความผิดไม่ร้ายแรง
ข้อ 8 การทำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียน หรือนักศึกษา ตาม
กฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา หรือกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเกียรติศักดิ์ของสถานศึกษา / ฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา / ได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนแล้วแต่ยังไม่เข็ดหลาบการทำทัณฑ์บนให้ทำเป็นหนังสือ และเชิญบิดามารดา หรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบความผิดและรับรองการทำทัณฑ์บนไว้ด้วย
ข้อ
9
การตัดคะแนนความประพฤติให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนด และให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ
10
ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนและนักศึกษากระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ข้อ
11
ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
กฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
กฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 ออกตามความใน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ได้กำหนดความประพฤติที่ต้องห้ามของนักเรียนหรือนักศึกษา ไว้ดังนี้
v หนีเรียน / ออกนอกสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน
v เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน
v พกพาอาวุธหรือวัตถุระเบิด
v ซื้อ จำหน่าย แลกเปลี่ยน เสพสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งมึนเมา บุหรี่ หรือยาเสพติด
v ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ หรือบังคับขืนใจเพื่อเอาทรัพย์บุคคลอื่น
v ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหรือกระทำการใดๆ อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
v แสดงพฤติกรรมทางชู้สาว ซึ่งไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ
v เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี
v ออกนอกสถานที่พักเวลากลางคืน เพื่อเที่ยวเตร่หรือรวมกลุ่ม อันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นต้น
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2562 โดยที่เห็นสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2564 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2562”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2548
บรรดาระเบียบ ประกาศ และคำสั่งอื่นใดในส่วนที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ 4 ในระเบียบนี้
“นักเรียนและนักศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งกำลังรับการศึกษาในสถานศึกษา
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้หมายความรวมถึงสถานศึกษาที่อยู่ในกำกับดูแล หรืออยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
“หัวหน้าสถานศึกษา” หมายความว่า ผู้อำนวยการ หรือต่ำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ในลักษณะเดียวกันทั้งของรัฐและเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
“การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา” หมายความว่า การที่หัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ที่หัวหน้าสถานศึกษามอบหมาย พานักเรียนและนักศึกษาไปทำกิจกรรมการเรียนการสอนนอกสถานศึกษาซึ่งอาจไปเวลาเปิดทำการสอนหรือไม่ก็ได้ หรือไปทำกิจกรรมการเดินทางไกลและการเข้าค่ายพักแรมของลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด แต่ไม่รวมถึงการไปนอกสถานที่ตามคำสั่งในทางราชการ
ข้อ 5 การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา จำแนกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
(1) การพาไปนอกสถานศึกษาไม่พักแรม
(2) การพาไปนอกสถานศึกษาพักแรม
(3) การพาไปนอกราชอาณาจักร
ข้อ 6 การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาให้เป็นไปตามความสมัครใจของนักเรียนและนักศึกษาโดยความยินยอมของผู้ปกครองตามแบบที่กำหนดท้ายระเบียบนี้
ข้อ 7 การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาทุกประเภทให้ปฏิบัติ ดังนี้
(1) ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางและการพักแรมเป็นอันดับแรก
(2) ต้องได้รับอนุญาตก่อน โดยขออนุญาตตามแบบที่กำหนดท้ายระเบียบนี้
(3) ให้หัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานศึกษา จำนวน 1 คน เป็นผู้ควบคุม และจะต้องมีครูหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานศึกษา จำนวน 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 30 คน เป็นผู้ช่วยผู้ควบคุมกรณีที่มีนักเรียนและนักศึกษาเป็นหญิงไปด้วย ให้มีครูสตรีควบคุมไปด้วยตามความเหมาะสม
(4) ให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้พิจารณาเลือกเส้นทางที่จะเดินทาง ยานพาหนะที่จะใช้ในการเดินทางซึ่งต้องอยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง รวมถึงพนักงานขับรถหรือควบคุมยานพาหนะที่มีความรู้ ความชำนาญด้วย
(5) ในการเดินทางให้พิจารณาขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำแนะนำหรือขอความร่วมมืออื่น ๆ เท่าที่จำเป็น รวมถึงจัดให้มีป้ายข้อความที่ระบุโครงการ กิจกรรม และสถานศึกษาแสดงให้เห็นเด่นชัดติดที่ด้านข้างรถ และมีหมายเลขกำกับติดที่ด้านหน้าและด้านหลังรถในตำแหน่งที่เห็นชัดเจน กรณีการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาโดยใช้รถโดยสารไม่ต่ำกว่า 40 ที่นั่ง จำนวน 3 คัน ขึ้นไป ควรจัดให้มีรถนำขบวน สำหรับการใช้รถโดยสารต่ำกว่า 40 ที่นั่ง จำนวน 3 คันขึ้นไป ให้หัวหน้าสถานศึกษาพิจารณาตามความเหมาะสม
(6) จัดให้มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นประจ ารถหรือยานพาหนะ และดูแลนักเรียนและนักศึกษาที่มีโรคประจ าตัวเป็นพิเศษ
(7) เพื่อการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของนักเรียนและนักศึกษาในการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา ให้สถานศึกษาจัดให้มีการประกันภัยการเดินทางแก่นักเรียนและนักศึกษา เว้นแต่สถานศึกษาได้จัดให้มีการประกันภัยที่คุ้มครองกรณีดังกล่าวแก่นักเรียนและนักศึกษาอยู่ก่อนแล้ว
ข้อ 8 ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาตตามข้อ 5
(1) หัวหน้าสถานศึกษา สำหรับการพาไปนอกสถานศึกษาไม่พักแรมตามข้อ 5 (1)
(2) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนผู้มีอำนาจเหนือสถานศึกษาขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง หรือผู้ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี สำหรับการพาไปนอกสถานศึกษาพักแรมตามข้อ 5 (2)
(3) หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้ได้รับมอบหมาย สำหรับการพาไปนอกราชอาณาจักรตามข้อ 5 (3)
ข้อ 9 ให้สถานศึกษาส่งคำขออนุญาต พร้อมโครงการที่จะพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาต่อผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาตก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 15 วัน หากไม่สามารถยื่นคำขอได้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นด้วย เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงออกเดินทางได้เอกสารประกอบการยื่นคำขออนุญาตตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย ชื่อโครงการ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ขั้นตอนการดำเนินงาน ระยะเวลาและสถานที่ดำเนินการกิจกรรม รายชื่อหน่วยงานและผู้รับผิดชอบโครงการ รายชื่อผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมในการเดินทางรายชื่อนักเรียนและนักศึกษาที่จะเดินทางไปนอกสถานศึกษา แผนที่สังเขปแสดงเส้นทางการเดินทางแผนผังแสดงที่ตั้งของสถานที่ที่ไปนอกสถานศึกษาหรือสถานที่พักแรม เพื่อการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานทุกระยะ และแผนสำรองกรณีเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น
ข้อ 10 ให้ผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ดังนี้
(1) ดำเนินการให้นักเรียนและนักศึกษาอยู่ในระเบียบวินัยเพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย
(2) ไม่เสพสุรา สิ่งเสพติด ของมึนเมาหรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และเล่นการพนันทุกชนิด
(3) จัดให้มีช่องทางหรือระบบการติดต่อสื่อสารและหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการประสานงานทุกระยะ
(4) ดูแลนักเรียนและนักศึกษาให้ได้รับความปลอดภัยตลอดเวลาที่อยู่ในระหว่างการเดินทางและในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจะต้องให้ความช่วยเหลือ
(5) เมื่อปรากฏว่ามีกรณีเกิดอุบัติเหตุที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของนักเรียนและนักศึกษาให้ผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมดูแลนักเรียนและนักศึกษาดำเนินการรายงาน ต่อหัวหน้าสถานศึกษาทราบโดยเร็ว และเมื่อเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไปให้รายงานเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่ง
ข้อ 11 ผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมต้องกำกับให้พนักงานขับรถหรือควบคุมยานพาหนะปฏิบัติ ดังนี้
(1) ควบคุมยานพาหนะให้เป็นไปตามลำดับหมายเลข ตามเส้นทางที่กำหนดในแผนการเดินทาง ทั้งนี้ การใช้ความเร็วของรถหรือยานพาหนะให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยจราจรอย่างเคร่งครัด
(2) ตรวจสอบสภาพรถหรือยานพาหนะและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพดี และพร้อมที่จะใช้การได้ตลอดเวลา
(3) ขับรถหรือควบคุมยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง ไม่ขับรถหรือควบคุมยานพาหนะในลักษณะประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
(4) ไม่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถหรือควบคุมยานพาหนะ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยพนักงานขับรถหรือควบคุมยานพาหนะไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น
(5) ไม่ขับรถหรือควบคุมยานพาหนะในขณะที่มีอาการมึนเมาหรือเสพสุราหรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทระหว่างการขับรถหรือควบคุมยานพาหนะ
ข้อ 12 การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาพักแรมให้ผู้ควบคุมปฏิบัติ ดังนี้
(1) เมื่อเดินทางถึงสถานที่จัดกิจกรรมต้องจัดให้มีการปฐมนิเทศ เพื่อแจ้งกฎระเบียบ ข้อปฏิบัติในการใช้สถานที่ และการปฏิบัติตนขณะอยู่ในบริเวณที่จัดกิจกรรมและที่พักแรม
(2) จัดสถานที่พักแยกชาย - หญิง ให้เป็นส่วนสัด
(3) จัดให้มีระบบดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดช่วงเวลาจัดกิจกรรม
(4) จัดเจ้าหน้าที่หรือบุคคลผู้มีความรู้ในการด้านการรักษาพยาบาลเพื่อดูแลนักเรียนนักศึกษาระหว่างกระทำกิจกรรม รวมทั้งจัดรถรับ - ส่ง กรณีมีเหตุฉุกเฉิน กรณีมีเหตุฉุกเฉินให้รีบรายงานด้วยวาจาต่อผู้อนุญาตโดยด่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และเมื่อเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไปให้รายงานเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่งโดยเร็ว
ข้อ 13 เมื่อกลับจากการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาแล้วให้รายงานให้ผู้อนุญาตตามข้อ 8 ทราบ ตามแบบที่กำหนดท้ายระเบียบนี้
ข้อ 14 ให้ถือว่าครู อาจารย์ ผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุมที่พานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการและให้เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ตามระเบียบของทางราชการ
ข้อ 15 ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจตีความวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาที่เกิดจากการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดข้อปฏิบัติและข้อห้ามปฏิบัติในการไว้ทรงผมของนักเรียนเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการของสถานศึกษามีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันและการปฏิบัติตนของนักเรียนเป็นไปด้วยความถูกต้องรวมทั้งเป็นการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ในระเบียบนี้“ นักเรียน” หมายความว่าบุคคลซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษา“ สถานศึกษา” หมายความว่าสถานศึกษาในสังกัดหรือกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเว้นแต่การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย“ หัวหน้าสถานศึกษา” หมายความว่าผู้อำนวยการหรือหัวหน้าสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
ข้อ 4 นักเรียนต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผมดังนี้
(1) นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้กรณีไว้ผมยาวด้านข้างด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผมด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย
(2) นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย
ข้อ 5 นักเรียนต้องห้ามปฏิบัติตนดังนี้
(1) ดัดผม
(2) ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม
(3) ไว้หนวดหรือเครา
(4) การกระทำอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียนเช่นการตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย
ข้อ 6 ความในข้อ 4 และข้อ 5 มิให้นำมาใช้บังคับแก่นักเรียนที่มีเหตุผลความจำเป็นในการปฏิบัติตามหลักศาสนาของตนหรือการดำเนินกิจกรรมของสถานศึกษาให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาติ
ข้อ 7 ภายใต้บังคับข้อ 4 ให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาหรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนวางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนที่มีความเฉพาะเจาะจงได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
การดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้ยึดถือหลักความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียนและการมีส่วนร่วมของนักเรียนสถานศึกษาผู้ปกครองและชุมชนท้องถิ่น
ข้อ 8 ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
Google Sites
Report abuse
Page details
Page updated
Google Sites
Report abuse