ประเพณีของชาวไทยมุสลิม
1) ประเพณีการเกิด ชาวไทยมุสลิมถือว่าบุตรที่เกิดมาเป็นของขวัญของฝากจากพระอัลเลาห์ที่ทรงมอบให้แก่ผู้ที่เป็น บิดา-มารดา และพระองค์จะตรวจสอบความรับผิดชอบของบิดา-มารดาต่อบุตรในวันแห่งการพิพากษา เมื่อเด็กเกิดขึ้นมาบิดา-มารดา กล่าวอะซาน (บทเดียวกับที่ใช้เวลาเรียกร้องให้มุสลิมทำการละหมาดในเวลาต่างๆ ) ที่หูข้างขวากล่าวอิกอมัฮ์ (บทเดียวกับที่นำมาใช้เพื่อเรียกคนเข้าสู่พิธีละหมาด) ที่หูข้างซ้าย และทำ ตะฮ์นีก (เคี้ยวผลอินทผลัม)แล้วนำไปสีเพดานปากของทารกเพื่อให้ขยายตัว)
ในวันที่ 7 นับแต่วันคลอด ให้ตั้งชื่อภาษาอาหรับอีกชื่อหนึ่งนอกเหนือจากชื่อเป็นภาษาไทย เช่น อับดุรเราะห์มาน มุฮัมมัด อะลี อีซา เป็นต้น ห้ามมิให้ใช้ชื่อสัตว์มาตั้งเป็นชื่อคน เช่น กวาง กบ แมว ไก่ ฯลฯ เพราะถือว่าไม่เป็นมงคล โกนผมไฟแล้วนำมาชั่ง ได้น้ำหนักเท่าใดให้บริจาคเป็นทองคำ หรือเทียบเท่า จากนั้นทำอะกีเกาะฮ์ คือการเชือดสัตว์พลี นำมาทำอาหารเลี้ยงฉลองกันตามฐานะเพื่อเห็นการแนะนำสมาชิกใหม่ และเป็นการทำบุญเอขอบคุณในของขวัญ(ลูก) ที่พระเจ้ามอบให้
เด็กชายอายุ 2- 19 ปี เข้าพิธีสุหนัด (มาโซ๊ะยาวี) เป็นการเข้ารับการขลิบปลายหนังอวัยวะเพศชาย ผู้ทำพิธีคือโต๊ะอิหม่าม เพื่อให้มีความสะอาดหมดจดเป็นมุสลิมที่บริสุทธิ์
เด็กชาย-หญิงอายุ 7 ขวบ จะต้องฝึกให้ทำการละหมาด
เด็กชาย-หญิงอายุ 10 ขวบ ต้องแยกที่นอนออกเป็นสัดส่วน ไม่ปะปนกัน
2) ประเพณีการแต่งงาน (นิกะห์) ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้ 4 คน เป็นภรรยาในฐานะเดียวกัน ไม่มีใครมีสิทธิเหนือกว่าใคร ภรรยาทุกคนอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูและการปกครองของสามีด้วยความยุติธรรม ห้ามชาย-หญิงแต่งงานกับคนศาสนาอื่น
เมื่อฝ่ายชายมีอายุพอสมควร บิดา-มารดาจะสอบถามถึงเรื่องการแต่งงานว่ามีความรักชอบผู้หญิงคนใดก็จะไปสู่ขอกับบิดา-มารดาของฝ่ายหญิง เรียกว่า วะลี ตกลงกันได้แล้วกำหนดวันทำพิธีแต่งงาน เลือกวันที่มีความสะดวกกันทั้งสองฝ่าย ไม่การหาฤกษ์ การหมั้นจะมีหรือไม่ก็ได้ ฝ่ายชายนำสินสมรส (มะฮัว) ไปมอบให้ฝ่ายหญิง หรืออาจนำไปมอบในวันแต่งงานก็ได้ ถือว่าเป็นของขวัญที่ให้แก่เจ้าสาวเท่านั้น ไม่มีการให้เงินสินสอดเป็นค่าเลี้ยงดูค่าน้ำนมแก่บิดา – มารดาของฝ่ายหญิง
พิธีการแต่งงาน (นิกะห์) จัดขึ้นที่บ้าน มัสยิด หรือสถานที่ที่มีความสะดวก บุคคลสำคัญในพิธี คือวะลี เจ้าบ่าว เจ้าสาว ชัชชี (พยาน) ขั้นตอนพิธีการมีดังนี้
(1) อ่านคัมภีร์อัลกุรอาน เปิดงาน
(2) คุตบะห์ นิกะห์ คือ การเทศนาสั่งสอนอบรมผู้แต่งงาน และผู้มาร่วมงาน
(3) นิกะห์ บิดาฝ่ายเจ้าสาว (หากไม่มีบิดาก็ให้เรียงตามลำดับตั้งแต่ ปู่ พี่ชาย น้องชายพ่อแม่เดียวกับเจ้าสาว)
เป็นวะลีกล่าวว่า “ข้าพเจ้าทำการนิกะป์ นาย...........บุตรของ.............กับ น.ส............บุตร
ของ.........ด้วยมะฮัรตามที่ได้ตกลงกันไว้” เจ้าบ่าวตอบว่า “ข้าพเจ้ายินดีรับการนิกะห์กับ น.ส............................ ด้วยมะฮัรตามที่ตกลงกันไว้” ผู้มาร่วมงานกล่าวขอพรต่อพระอัลเลาะห์ให้แก่คู่บ่าวสาว ในทางศาสนาเจ้าสาวได้เป็นภรรยาโดยสมบูรณ์ของเจ้าบ่าวแล้ว
(4) รับประทานอาหารร่วมกัน หลังพิธีนิกะห์แล้วเป็นการเลี้ยงอาหารฉลอง หากเจ้า ภาพ มีฐานะยากจนอาจดื่มนมฉลองก็ได้
(5) การส่งตัวเจ้าสาว เป็นการที่บิดา-มารดาฝ่ายหญิง ฝากฝังเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวผู้เป็นสามี อาจมีญาติผู้ใหญ่ร่วมอบรมสั่งสอนด้วย
ศาสนาอิสลามห้ามการคุมกำเนิด เพราะเป้าหมายในการแต่งงาน เพื่อเพิ่มประชากรให้มากขึ้น ถือว่าทรัพยากรบุคคลเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ จึงไม่อนุญาตให้ใช้วิธีการใด ๆระงับการเพิ่มประชากร
3) ประเพณีการตาย เมื่อเห็นคนตายจะรู้จักกันหรือไม่รู้จักก็ตาม ให้กล่าวคำเตือนสติตนเองว่า “อินนาลิ้ลาฮิว่ะ อินนาอิลัยฮิรอยิอูน” แปลว่า แท้จริงเราเป็นสิทธิของพระอัลเลาห์ และแท้จริงเราต้องกลับคืนไปสู่พระองค์ พิธีการศพปฏิบัติตามลำดับดังนี้
(1) การอาบน้ำศพ ทำความสะอาดร่างกาย ปิดตา ปิดปากผู้ตายให้สนิท เปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดใหม่ และห่อศพให้เรียบร้อย ใช้ผ้าบางๆ คลุมตลอดร่าง อย่าใช้ผ้าหนาจะทำให้ร้อนระอุ ให้ลูกหลาน ญาติสนิทเป็นผู้ทำ
(2) การตั้งศพ ตังศพที่บ้านหรือมัสยิดก็ได้ จัดนอนหงายหนุนศีรษะสูง บนเตียง แคร่ หรือพื้นที่ยกสูง หันศีรษะไปทางทิศตะวันออก มือวางทับกันข้อมือขวาทับข้อมือซ้ายบนหน้าอก แล้วจุเครื่องหอม เช่น กำยาน ธูปหอม
(3) การละหมาดให้ผู้ตาย เรียกว่า ญะนาซะห์ มีอิหม่ามเป็นผู้นำการละหมาด ผู้ละหมาดตามเป็นญาติสนิททางสายโลหิตตามลำดับ คือ บิดา ปู่ บุตรชาย หลานชาย ที่เกิดจากบุตรชาย พี่ น้อง ร่วมบิดา-มารดา ผู้ตาย
(4) การฝังศพ ก่อนที่จะนำศพไปฝังอนุญาตให้ลูกหลานจูบลา และให้ร้องไห้อาลับด้วยเสียงแผ่วเบาได้ แต่ห้ามร้องไห้ด้วยเสียงดังหรือกล่าวพร่ำรำพันเพราะถือว่าบาป จากนั้นนำศพไปฝังที่กูโบว์ของมัสยิดให้เสร็จคายใน 24 ชั่วโมงหรือก่อนที่ศพจะเปลี่ยนสภาพ โดยจัดให้นอนตะแคงขวาหันหน้าไปทางทิศตะวันตก (ที่ตั้งของกะบะห์) เมื่อฝังเสร็จเรียบร้อย กลับถึงบ้านญาติพี่น้องลูกหลานช่วยกันละหมาดขอพรพระอัลเลาะห์ให้ผู้ตายพันจากโทษทั้งปวง
2. ประเพณีเกี่ยวกับศาสนา เป็นประเพณีที่เกี่ยวกับวันสำคัญทางศาสนาที่คนในชุนชนเคารพนับถือ