ทูเพิลมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกับลิสต์ คือ สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก ๆ ในตัวแปรเดียวกัน การเข้าถึงข้อมูลโดยการระบุเลขดัชนีเช่นเดียวกัน แต่ที่แตกต่างกัน คือ ทูเพิลจะเก็บข้อมูลคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว และไม่สามารถเพิ่มลบข้อมูลได้โดยตรง จึงทำให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วกว่า เพราะผู้เขียนโปรแกรมต้องรู้ตำแหน่งที่แน่นอน นอกจากนี้เมื่อต้องการเปลี่ยนชนิดข้อมูลจากทูเพิลไปเป็นลิสต์ สามารถใช้ฟังก์ชัน list() ได้ในทางกลับกัน สามารถเปลี่ยนจากลิสต์เป็นทูเพิลได้เช่นเดียวกัน ด้วยฟังก์ชัน tuple() ซึ่งเหมาะสำหรับแก้ปัญหาในกรณีที่ทูเพิลไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ จึงเปลี่ยนให้เป็นลิสต์เสียก่อนแล้วจึงเปลี่ยนแปลงข้อมูล หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนกลับเป็นทูเพิลดังเดิม คำสั่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทูเพิล มีดังตัวอย่างต่อไปนี้
>>> compTeacher =("Somchai","Somsak","Somporn", "Somsri")
>>> compTeacher[0]
'Somchai'
>>> compTeacher.append("Somkid")
Traceback (most recent call last): # display error
File "<pyshell#126>", line 1, in <module>
compTeacher.append("Somkid")
AttributeError: 'tuple' object has no attribute 'append'
>>> newCompTeacher = list(compTeacher) #converse to list
>>> newCompTeacher.append("Somkid")
>>> compTeacher = tuple(newCompTeacher)
>>> print(compTeacher)
('Somchai', 'Somsak', 'Somporn', 'Somsri', 'Somkid')
ภาพที่ 3.6 แสดงการใช้สั่งและผลการทำงานเกี่ยวกับทูเพิล