วันที่โพสต์: Jun 20, 2019 8:1:57 AM
เป็น ใช้บอกสภาพ สถานะ หรือตำแหน่งของคำที่ตามมาข้างหลัง
คือ ใช้บอกอธิบาย แนะนำหรือชี้แจงให้รู้จักสิ่งนั้น
ตัวอย่างการใช้
๑ก. ข้าเป็นพ่อของเจ้า
ผู้พูดพูดเพื่อเน้นย้ำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงสถานะอันแท้จริงว่าผู้พูดเป็นพ่อของผู้ฟัง (เพราะฉะนั้นผู้ฟังควรเชื่อฟังหรือยกย่องผู้พูดในฐานะที่เป็นพ่อ)
๑ข. ข้าคือพ่อของเจ้า
ผู้พูดพูดเช่นนี้เพื่อแสดงตัวให้ผู้ฟังรู้จักว่า ผู้พูดเป็นพ่อของผู้ฟัง ผู้ฟังอาจไม่รู้จักหรือทำเป็นไม่รู้จักผู้พูดมาก่อน
๒ก. เขาเป็นคู่หมั้นของฉัน
เป็นการบอกเล่าแสดงตำแหน่งหรือสถานะของเขา
๒ข. เขาคือคู่หมั้นของฉัน
เป็นการแนะนำให้รู้จักเขาซึ่งมีความสำคัญคือเป็นคู่หมั้นของฉัน
ในบางประโยคเมื่อใช้คำว่า คือ กับเมื่อใช้คำว่าเป็น ความหมายจะต่างกันมาก เช่น
๓ก. ลิงกัวโฟนเป็นอะไรน่ะ ใช้ไม่ได้แล้วหรือ
๓ข. ลิงกัวโฟนคืออะไรน่ะ ฉันไม่รู้จัก
เมื่อ คือ กับ เป็น มีความหมายต่างกันเช่นนี้ จึงไม่อาจจะใช้แทนกันได้เสมอไป
๔ก. เขาเป็นนักร้องอยู่หลายปี
๔ข. เขาคือนักร้องอยู่หลายปี
เราพูดว่าเขาเป็นนักร้องอยู่หลายปี แต่ไม่พูดว่าเขาคือนักร้องอยู่หลายปี
ประโยค ๔ก. แสดงสถานภาพของเขาในอดีต จะใช้คำว่า คือ แทนคำว่า เป็น ดังใน ๔ข. ไม่ได้
ถ้าจะใช้คำว่า คือ ก็ต้องเปลี่ยนประโยคเป็นทำนองแนะนำให้รู้จักเขาว่า
“เขาคือนักร้องเมื่อหลายปีมาแล้ว” ซึ่งความหมายของประโยคก็จะเปลี่ยนไปด้วย
๕ก. ไตรทวารคือกายวาจาใจ�
๕ข. ไตรทวารเป็นกายวาจาใจ
เราพูดประโยค ๕ก. แต่ไม่พูดประโยค ๕ข.
ประโยค ๕ก. เป็นการอธิบายแจกแจงให้รู้จักไตรทวาร �หากจะใช้คำว่า เป็น แทนคำว่า คือ ก็ต้องเปลี่ยนประโยคเป็น กายวาจาใจเป็นไตรทวาร คือกลับเอาไตรทวารไปอยู่ท้ายประโยค�
.
.
พ.นววรรณ (นามแฝง). ๒๕๒๗. การใช้ภาษา ๒. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ อา-หลาน. หน้า ๑๙-๒๐